ตอนที่ 1104 สับสน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1104 สับสน

ไป๋ชิงเหยียนรับแผนที่มาดู จากนั้นยกยิ้มมุมปาก “สมกับเป็นอวิ๋นพั่วสิงจริงๆ”

เซียวรั่วไห่ยืนกล่าวเสียงเบาอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน “ข้าจะไปถ่ายทอดคำสั่งให้เสิ่นเหลียงอวี้…”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ไปเถิด”

ระหว่างที่ทูตของเทียนเฟิ่งเดินทางออกจากเมืองหลังจากออกมาจากที่พักอาศัยชั่วคราวของไป๋ชิงเหยียน เขาแหวกม่านรถม้าออกดูจึงเห็นว่าชาวบ้านและทหารกำลังช่วยกันซ่อมแซมเมือง เมื่อพวกเขาเห็นรถม้าที่มีสัญลักษณ์ของแคว้นเทียนเฟิ่งจึงมากันมองมาด้วยสายตาอาฆาต ทูตของเทียนเฟิ่งจึงยิ่งรู้สึกว่ากำลังจะเกิดสงครามขึ้นจริงๆ

เมื่อออกมาจากเมืองผิงหยาง รถม้าของเขาสวนทางกับรถม้าซึ่งมีสัญลักษณ์ของแคว้นต้าเยี่ยน เขายิ่งรู้สึกหนักอึ้งในใจขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่เฝิงเย่ามาถึง ไป๋ชิงเหยียนกำลังยืนปรึกษาเรื่องแผนการรบอยู่กับไป๋ชิงอวี๋ ไป๋จิ่นจื้อ เสิ่นคุนหยาง เฉิงหย่วนจื้อ เซี่ยอวี่จั่งและพวกของหยางอู่เช่ออยู่หน้าแผนที่แผ่นใหญ่

เว่ยจงให้คนพาเฝิงเย่าไปรอที่โถงรับรองด้านหน้า จากนั้นนำจดหมายของเซียวหรงเหยี่ยนไปให้ไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายของเซียวหรงเหยี่ยนจบก็ได้ยินเสียงเฉิงหย่วนจื้อกล่าวขึ้น “ดูจากสถานการณ์เมื่อวานข้าคิดว่าพวกเราสามารถใช้ไฟกับกองทัพช้างได้ เสื้อเกราะที่เทียนเฟิ่งทำให้ช้างเหล่านั้นสวมใส่หนามาก ทว่า หากใช้ไฟในปริมาณที่มากเพียงพอต้องทำลายเกราะนั้นได้แน่นอน! ถึงแม้ไม่ได้ ทว่า อย่างน้อยก็พอทำลายเสื้อเกราะบางส่วนได้บ้าง ถึงเวลานั้นช้างเหล่านั้นได้กลายเป็นช้างเกรียมแน่!”

“สามารถใช้ไฟจัดการกับกองทัพช้างได้จริงๆ ทว่า พวกเราต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าจึงจะได้เปรียบ”

ไป๋ชิงเหยียนพับจดหมายของเซียวหรงเหยี่ยนให้เรียบร้อย จากนั้นวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปยังแผนที่ กล่าวเสียงราบเรียบ

“ที่เมื่อวานไฟใช้ได้ผลเป็นเพราะพวกเราอยู่บนกำแพงสูง ลูกธนูไฟจึงแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่!”

หยางอู่เช่อก้าวเข้าไปใกล้แผนที่ จากนั้นชี้ไปที่ตำแหน่งภูเขาไหลอันในแผนที่

“สามารถไปวางกับดักที่ภูเขาไหลอันก่อน จากนั้นหาทางล่อให้กองทัพช้างเหล่านั้นมาติดกับหรือบีบให้พวกมันเดินทางไปยังภูเขาไหลอัน จากนั้นใช้ไฟโจมตีพวกมัน ทว่า ปัญหาคือจะกั้นทางออกสองด้านของภูเขาไหลอันได้อย่างไร”

“เรื่องกั้นทางออกไม่ใช่เรื่องยาก…”

ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งยืนอยู่ข้างไป๋ชิงเหยียนมองไปทางแผนที่นิ่งพลางกล่าวขึ้น

“นำก้อนหินขนาดใหญ่และม้าตัวใหญ่ซึ่งถูกชุบตัวด้วยน้ำมันไปซ่อนไว้ที่สองด้านของหุบเขาไหลอันก็พอ สิ่งที่ยากคือจะล่อให้กองทัพช้างมาติดกับหรือบีบให้พวกเขาหนีมายังภูเขาไหลอันได้เช่นไร”

“ข้าเห็นด้วยกับการล่อให้มาติดกับมากกว่า! ช้างคือสัตว์ใหญ่ มีแต่พวกมันจะบีบให้พวกเราจนมุมเท่านั้นถึงจะดูสมจริง!” เสิ่นคุนหยางกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “แม้ระยะทางระหว่างภูเขาไหลอันกับเมืองผิงตู้จะไม่ไกลกันมากนัก ทว่า มันอยู่ไม่ไกลจากเมืองผิงหยางเช่นกัน ถึงแม้แม่ทัพของเทียนเฟิ่งจะมองไม่ออกว่าพวกเราจงใจจะล่อพวกเขาไปยังภูเขาไหลอัน พวกเขาก็จะบุกโจมตีเมืองผิงหยางเพื่อล่อให้ทหารที่มีหน้าที่ล่อกองทัพใหญ่ของเทียนเฟิ่งให้ย้อนกลับไปปกป้องเมืองผิงหยางอยู่ดี เช่นนี้พวกเขาจึงจะทำลายกองทัพใหญ่ของต้าโจวได้ทั้งหมด!”

“หากพวกเราจำเป็นต้องล่อกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งไปยังภูเขาไหลอันจริงๆ อันดับแรกพวกเราต้องนำกองทัพหลักของพวกเราบุกไปโจมตีและต้องสูญเสียอย่างหนักจึงจะทำให้เทียนเฟิ่งไล่ตามพวกเราไปอย่างไม่ลดละได้!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังแผนที่พลางกล่าวเสียงขรึม “ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่คับขันถึงเพียงนั้น ที่สำคัญการไปวางกับดักที่ภูเขาอันอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย!” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ไป๋ชิงเหยียนเดินไปหยุดอยู่หน้าแผนที่แผ่นใหญ่ สายตาหยุดอยู่ที่ภูเขาหานเหวินซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองผิงตู้และทางเหนือของแม่น้ำตันสุ่ย

“หากต้องการสร้างกับดักจริงๆ ก็ไม่ควรสร้างที่หุบเขาไหลอัน! ควรสร้างที่นี่!”

ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังตำแหน่งของภูเขาหานเหวินซึ่งอยู่ด้านหลังเมืองผิงตู้

บัดนี้ต้าโจวและต้าเยี่ยนต้องทำสงครามโดยเร็วที่สุด นอกจากพวกนางต้องขับไล่เทียนเฟิ่งออกไปจากดินแดนตรงนี้ให้ได้ก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาเยือนแล้ว พวกนางยังต้องการทำสงครามนอกแคว้นต้าเยี่ยนและต้าโจวด้วย เช่นนี้ชาวบ้านในแคว้นของพวกนางจะได้ไม่เดือดร้อนจากสงครามในครั้งนี้

ดังนั้นพวกนางต้องเลือกสถานที่ที่ไกลจากต้าเยี่ยนและต้าโจวที่ให้ได้มากที่สุด

“พี่หญิงมีแผนการในใจแล้วหรือขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางไป๋ชิงเหยียน ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ท่านปู่เคยกล่าวว่าพี่หญิงเกิดมาเพื่อเป็นนักรบ ดังนั้นพี่หญิงจึงสามารถวางแผนการรบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจในสนามรบอีกต่างหาก

“แม่ทัพสองคนนำทหารคนละสองหมื่นนายไปดักซุ่มที่ประตูทิศตะวันออกและทิศเหนือของเมืองผิงตู้ หากแคว้นเทียนเฟิ่งต้องการปกป้องตัวเองให้หลุดพ้นจากอันตรายย่อมต้องส่งกองทัพช้างออกมาทำศึกกับพวกเราแน่นอน ก่อนเริ่มสงครามให้เหล่าทหารเหยียบหิมะจนละลายกลายเป็นถนนน้ำแข็งทั้งหมด ขอเพียงเทียนเฟิ่งกล้าส่งกองทัพช้างบุกมา พวกเราจะทำให้พวกมันไม่มีทางกลับไปได้อีก!”

ไป๋ชิงเหยียนมองแผนที่โดยรวม จากนั้นชี้นิ้วไปที่ประตูทิศใต้และทิศตะวันตกของเมืองผิงตู้

“ต้าเยี่ยนจะดักซุ่มอยู่ที่ประตูทิศใต้และทิศตะวันตก”

“ล้อมเมือง! ล้อมให้พวกมันตายอยู่ในเมือง!” เฉิงหย่วนจื้อถลกแขนเสื้อขึ้น

“ซีเหลียงขาดแคลนเสบียงอาหาร พวกมันทนได้ไม่นานต้องออกมายอมจำนนแน่ เมื่อพวกมันยอมจำนนข้าจะตีจักรพรรดิสารเลวของแคว้นเทียนเฟิ่งให้ตายไปเลย!”

ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีขบกรามด้วยความโมโหของเฉิงหย่วนจื้อจึงกล่าวยิ้มๆ

“ถึงเวลานั้นให้ต้าเยี่ยนเปิดประตูทิศใต้ให้เทียนเฟิ่งมีโอกาสหนีออกไปจากเมืองไปทางทิศใต้”

“หากมุ่งหน้าไปทางทิศใต้จะพบกับภูเขาหานเหวิน ภูเขาทั้งสองด้านสูงชัน ตรงกลางคือเหวลึก ไม่เหมาะที่จะตั้งค่ายทหาร ถัดจากภูเขาหานเหวินคือแม่น้ำตันสุ่ย พวกเขาสามารถตั้งค่ายทหารตรงนั้นโดยหันหลังติดกับแม่น้ำได้อย่างสบายใจ”

ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังทิศใต้ของแม่น้ำตันสุ่ยในแผนที่

“หากข้ามไปตั้งค่ายทหารอีกฝั่งของแม่น้ำ แม่น้ำตันสุ่ยจะกลายเป็นปราการป้องกันด่านแรกของเทียนเฟิ่ง ดังนั้นหากกองทัพเทียนเฟิ่งหนีออกไปจากเมืองผิงหยางได้ พวกเขาต้องข้ามแม่น้ำตันสุ่ยและตั้งค่ายทหารอยู่ตรงบริเวณทิศใต้ของแม่น้ำตันสุ่ยแน่”

หยางอู่เช่อกำดาบที่เอวแน่นพลางพยักหน้า เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาเป็นประกาย

เฉิงหย่วนจื้อกำหมดคารวะไป๋ชิงเหยียน “ข้าเฉิงหย่วนจื้อยินดีทำตามคำสั่งของเสี่ยวไป๋ไซว่ เสี่ยวไป๋ไซว่บัญชามาได้เลยขอรับ”

สิ้นเสียง เสิ่นคุนหยาง ไป๋ชิงอวี๋ ไป๋จิ่นจื้อ หยางอู่เช่อ เซี่ยอวี่จั่งต่างยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน

“ไป๋จิ่นจื้อและแม่ทัพหยางอู่เช่อนำทหารคนละสองหมื่นนายไปสร้างกับดักที่ประตูทิศเหนือและตะวันออกของเมืองผิงตู้! ก่อนทำสงครามให้ทหารละลายหิมะให้กลายเป็นถนนน้ำแข็งเพื่อป้องกันกองทัพช้างออกจากเมืองด้วย พวกเราจะเริ่มบุกโจมตีเมืองในยามเหม่า[1]ของวันพรุ่งนี้” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังตำแหน่งของเมืองผิงตู้ในแผนที่

“ฝ่าบาท พวกเราตกลงกับต้าเยี่ยนว่าจะบุกโจมตีซีเหลียงและเทียนเฟิ่งวันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเราเคลื่อนทัพตอนนี้ แล้วค่อยบุกโจมตีพรุ่ง ซีเหลียงและเทียนเฟิ่งคงเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่พวกเราบุกไปล้อมเมืองในคืนนี้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นคุนหยางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

ไป๋ชิงอวี๋มองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “พี่หญิงให้พวกเจ้าไปล้อมเมืองไว้ล่วงหน้าเพราะต้องการให้เทียนเฟิ่งคิดว่าต้าโจวนำทัพไปล้อมเมืองผิงตู้เพื่อแก้แค้นที่เทียนเฟิ่งนำกองทัพช้างมาล้อมเมืองเราเมื่อวาน ไม่ได้ต้องการจะทำสงครามจริงๆ แค่ระบายความโกรธและบีบให้เทียนเฟิ่งเสนอข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อเรามากขึ้นเท่านั้น”

เมื่อไป๋ชิงอวี๋เห็นพี่สาวพยักหน้าจึงกล่าวต่อ “ต้าโจวกำลังแสดงความสามารถของตัวเองให้เทียนเฟิ่งเห็น อีกทั้งเป็นการบอกกับเทียนเฟิ่งว่าต้าโจวไม่ได้หวาดกลัวกองทัพช้างของพวกเขา ทว่า ความจริงแล้วต้าโจวยังคงหวาดกลัวกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งอยู่ เป็นการทำให้เทียนเฟิ่งคิดว่าต้าโจวกำลังแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอในใจ”

[1] ยามเหม่า หมายถึง เวลาระหว่าง 05.00-07.00 นาฬิกา