ตอนที่ 1108 เป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1108 เป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว

หลี่จือเจี๋ยเหมือนจะนึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “ต้าเยี่ยนและต้าโจวเลือกทำสงครามในตอนนี้ก็เพราะกลัวว่าหากฤดูใบไม้ผลิมาเยือนเทียนเฟิ่งจะยกทัพบุกมาโจมตีชายแดนของพวกท่านจนชาวบ้านต้าโจวและต้าเยี่ยนได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นพวกท่านจึงตัดสินใจทำสงครามในตอนนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อซีเหลียงเพียงอย่างเดียว! หากไม่มีปากฟันก็ต้องสูญสลายไปด้วย…หากซีเหลียงดับสูญ ชาวบ้านของต้าเยี่ยนและต้าโจวคงได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน!”

“ไม่มีปากฟันต้องดับสูญด้วยอย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มในดวงตาของไป๋ชิงเหยียนมากขึ้นกว่าเดิม

“เช่นนั้นต้าเยี่ยนและต้าโจวจะยังไม่ทำสงครามในตอนนี้ ทว่า จะบอกตำแหน่งที่ซ่อนตัวของกองทัพหั่วอวิ๋นในภูเขาไหลอันให้เทียนเฟิ่งรับรู้ก่อนดีกว่า เทียนเฟิ่งคงอยากไปจับตัวจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงและแม่ทัพอวิ๋นพั่วสิงที่ภูเขาไหลอันแน่นอน หลี่เทียนฟู่ยิ่งต้องดีใจมากกว่าผู้ใดแน่ๆ ที่สามารถทำลายกองทัพหั่วอวิ๋นที่เป็นอันตรายต่อบัลลังก์ของนางมากที่สุดได้”

สีหน้าของหลี่จือเจี๋ยเปลี่ยนไปทันที ทว่า ชายหนุ่มไม่ได้รับปฏิเสธออกมา ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนกล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาอย่างเปิดเผยแสดงว่าหญิงสาวรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาดีแล้ว การปฏิเสธในตอนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อเห็นหลี่จือเจี๋ยเม้มปากแน่นไป๋ชิงเหยียนจึงจัดแขนเสื้อของตัวเองเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้น

“ดังนั้นเหยียนอ๋องควรรีบกลับไปบอกให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงและอวิ๋นพั่วสิงยกทัพไปดักซุ่มอยู่ที่ตอนเหนือของภูเขาหานเหวินและตอนใต้ของแม่น้ำสุ่ยตันเพื่อทำลายล้างกองทัพช้างที่หลบหนีออกไปได้ให้ราบคาบโดยเร็วที่สุด”

หลี่จือเจี๋ยเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน ตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่าไป๋ชิงเหยียนจงใจเปิดจุดโหว่ที่ชัดเจนให้เขาจับได้เพื่อรอให้เขากระโดดลงไปในกับดักของนาง หญิงสาวต้องการให้กองทัพหั่วอวิ๋นที่เขาเหลืออยู่ทั้งหมดในตอนนี้ไปดักซุ่มโจมตีกองทัพช้างของเทียนเฟิ่ง

“หากต้าโจวและต้าเยี่ยนทำถึงเพียงนี้แล้วกองทัพหั่วอวิ๋นไม่ปรากฏตัวออกมาจนกองทัพช้างหลบหนีไปได้…” ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก ทว่า รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา หญิงสาวมองไปทางหลี่จือเจี๋ยนิ่ง “ซีเหลียงต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ องครักษ์ไป๋พาทูตของเทียนเฟิ่งและองครักษ์ที่ติดตามมาพร้อมหลี่จือเจี๋ยเดินเข้ามาด้านใน

“ข้าเตรียมรถม้าให้พร้อมแล้ว เหยียนอ๋องรีบกลับไปบอกให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงทราบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปสื่อให้องครักษ์ไป๋แบกหลี่จือเจี๋ยออกไป จากนั้นหญิงสาวจึงนำเว่ยจงออกไปจากห้อง

สีหน้าของหลี่จือเจี๋ยตึงเครียด เขาไม่รู้ว่าซีเหลียงมีคนทรยศบอกตำแหน่งที่ซ่อนตัวของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงและกองทัพหั่วอวิ๋นให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้หรือไป๋ชิงเหยียนเก่งกาจจนเดาได้เองกันแน่ว่ากองทัพหั่วอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในภูเขาไหลอัน

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากจวนเจ้าเมืองผิงหยาง จากนั้นมุ่งหน้าไปยังค่ายทหาร

หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง

ทหารของต้าโจวเตรียมพร้อมออกรบแล้ว ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดประจำตำแหน่งเดินขึ้นไปบนแท่นสูง

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองดูทหารที่บ้างมีสีหน้าเรียบเฉย บ้างมีสีหน้าหวาดกลัวแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ทหารบางส่วนเคยเผชิญหน้ากับกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งมาแล้วเมื่อคืน พวกเจ้าอาจยังหวาดกลัวพวกมัน ยังสงสัยว่าจะทำลายเสื้อเกราะหนาที่สวมอยู่บนตัวช้างที่ไร้เทียมทานเหล่านั้นได้หรือไม่ ทว่า พวกเราไม่มีทางให้ถอยหนีแล้ว!”

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนหนักแน่นและดังกังวาน “เพราะเบื้องหลังของพวกเราคือชาวบ้านนับล้านของต้าโจว! คือครอบครัวของพวกเรา! คือพ่อ แม่ ภรรยาและลูกของพวกเรา! หากบัดนี้พวกเราไม่สามารถกำจัดกองทัพช้างให้สิ้นซากในแผ่นดินของซีเหลียงได้ วันหน้ากองทัพช้างเหล่านั้นจะบุกเข้ามาในต้าโจว พวกมันจะสังหารและทำลายชาวบ้านและแผ่นดินต้าโจวของพวกเราจนสิ้น!”

“ดังนั้นวันนี้ต้าโจวและต้าเยี่ยนจะร่วมมือกันทำลายล้างแคว้นเทียนเฟิ่งให้ราบคาบ ทำลายกองทัพช้างซึ่งเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของเทียนเฟิ่งให้หมดไปจากดินแดนแห่งนี้!”

ไป๋ชิงเหยียนชูหมัดขึ้นสูง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น

“ทหารของต้าโจวทุกท่าน! ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนฝากชีวิตของชาวบ้านทุกคนในต้าโจวไว้ในมือของพวกท่านแล้ว!”

เหล่าทหารต่างเลือดร้อนกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน หลู่หยวนเผิงกล่าวไปด้านหน้าพลางชูหอกหงอิงของตัวเองขึ้นสูงเป็นคนแรก จากนั้นตะโกนสุดเสียง “สังหารศัตรู!”

เหล่าทหารต่างชูดาบขึ้นสูงพลางตะโกนอย่างพร้อมเพรียง

“สังหารศัตรู! สังหารศัตรู! สังหารศัตรู!”

เสียงของทหารต้าโจวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณจนผู้ที่ได้ยินใจสั่น

หลี่จือเจี๋ยซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากเมืองผิงหยางได้ยินเสียงโห่ร้องดังมาจากทางค่ายทหาร เขาแหวกม่านรถม้าออกดู เขามองดูหิมะที่โปรยปรายอยู่นอกรถม้าด้วยใจที่หนักอึ้ง

หลี่จือเจี๋ยปิดม่านลงตามเดิม ตอนนี้เขารู้สึกเป็นกังวลมาก หลี่จือเจี๋ยให้คนหยุดรถม้าลง จากนั้นแหวกม่านออกไปสั่งองครักษ์

“เจ้าลอบไปสืบดูว่าต้าโจวขนทัพออกไปทั้งเมืองจริงหรือไม่ จากนั้นรีบตามไปรายงานที่ภูเขาไหลอัน!”

“ขอรับ” องครักษ์รับคำแล้วรีบขี่ม้าแยกไปทันที

ไม่นานหลี่จือเจี๋ยก็กลับไปถึงค่ายทหารในภูเขาไหลอัน เขาไปพบหลี่เทียนเจียวและอวิ๋นพั่วสิง

เมื่อหลี่เทียนเจียวและอวิ๋นพั่วสิงเห็นว่าหลี่จือเจี๋ยสูญเสียขาไปข้างหนึ่งจึงตกใจมาก

ทว่า หลี่จือเจี๋ยกลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เขาถูกอวิ๋นพั่วสิงและหลี่เทียนเจียวประคองเข้าไปในถ้ำ เมื่อประคองร่างของหลี่จือเจี๋ยนั่งลงบนเตียงและหาผ้าห่มขนจิ้งจอกมาคลุมขาให้ชายหนุ่มเสร็จ อวิ๋นพั่วสิงหันไปลากเตาผิงมาวางใกล้ๆ ชายหนุ่ม

“ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ” อวิ๋นพั่วสิงถาม

หลี่จือเจี๋ยส่ายหน้า “ต้าโจวและเทียนเฟิ่งทำสงครามกัน ข้าถูกช้างเหยียบขา ต้าโจวเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้”

หลี่เทียนเจียวมองไปทางหลี่จือเจี๋ยที่ใบหน้าไร้สีเลือดพลางเอ่ยถาม

“ต้าโจวปล่อยตัวเจ้ากลับมาเพราะตกลงทำสงครามกับเทียนเฟิ่งแล้วอย่างนั้นหรือ!”

หลี่จือเจี๋ยพยักหน้า ชายหนุ่มถ่ายทอดคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนให้หลี่เทียนฟู่ฟังอย่างไม่ตกหล่นรวมถึงเรื่องที่ต้าโจวรู้ที่ซ่อนตัวของกองทัพหั่วอวิ๋นที่ภูเขาอันแล้ว หากครั้งนี้ซีเหลียงไม่ทำตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน เมื่อสงครามครั้งงนี้ยุติลง ต้าโจวต้องหันมาคิดบัญชีซีเหลียงแน่นอน

“ถึงแม้ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่ในภูเขาไหลอันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอันใด” ใบหน้างดงามของหลี่เทียนเจียวแดงก่ำเพราะไอร้อนจากเตาผิง “พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะหลบอยู่ในภูเขาไหลอันจนกลายเป็นราชาแห่งภูเขาแห่งนี้ไปตลอดชีวิต พวกเราต้องหาโอกาสแย่งซีเหลียงคืนมาให้ได้!”

“ทว่า กองทัพหั่วอวิ๋นคือกองทัพหลักทั้งหมดที่พวกเรามีอยู่ในตอนนี้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นพั่วสิงกำหมัดแน่น ขมวดคิ้วพลางใช้เหล็กเขี่ถ่านในเตาผิง “หากไป๋ชิงเหยียนเพียงแค่ต้องการบีบให้กองทัพช้างหนีออกมาจากเมืองผิงตู้ จงใจให้พวกเราสู้รบกับกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งในหุบเขาหานเหวินแทน กองทัพหั่วอวิ๋นของพวกเราต้องไม่เหลือแน่พ่ะย่ะค่ะ ต่อไปพวกเราไม่จะอาจต้านทานต้าเยี่ยนและต้าโจวได้อีกนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรู้แล้วว่ากองทัพหั่วอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในภูเขาไหลอัน เมื่อพวกเขาขับไล่เทียนเฟิ่งออกไปได้สำเร็จ พวกเขาต้องกลับมาเล่นงานพวกเราแน่พ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าที่ขาวซีดของหลี่จือเจี๋ยย่ำแย่ลงกว่าเดิม

“พวกเรามีเพียงกองทัพหัวอวิ๋นที่มีจำนวนไม่ถึงแปดพันนายเท่านั้น ทหารส่วนใหญ่ยังฝึกฝนไม่ครบสมบูรณ์ หากเผชิญหน้ากับต้าโจวคงสู้พวกเขาไม่ได้ ซ่อนตัวก็ไม่ได้ หากพวกเราไม่อยากต่อสู้กับเทียนเฟิ่ง พวกเราก็ทำได้เพียงหนีออกจากภูเขาไหลอันกลับไปยังซีเหลียง บางทีต้าโจวอาจทำสงครามกับเทียนเฟิ่งจนสูญเสียหนักจนไม่มีเวลามาสนใจพวกเราอีกพ่ะย่ะค่ะ”

อวิ๋นเทียนเอ้าหลานชายของอวิ๋นพั่วสิงไม่เห็นด้วย “ทว่า หากทำเช่นนี้คงยื้อได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ว่าต้าโจวหรือเทียนเฟิ่งจะได้เปรียบในสงครามครั้งนี้ ขอเพียงพวกเราปรากฏตัวที่ซีเหลียงต้องมีสักแคว้นหันมาโจมตีพวกเราแน่นอน ไม่ว่าต้าโจวหรือกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งบุกทำลายประตูเมืองเข้ามาพวกเราล้วนต้านทานไม่อยู่ทั้งสิ้น!”