ตอนที่ 1116 ยอดฝีมือ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1116 ยอดฝีมือ

ดังนั้นการบุกโจมตีเมืองผิงหยางคือทางเลือกที่ง่ายที่สุดที่จะแก้ปัญหาของหลี่เทียนเจียวได้ในตอนนี้

คนซีเหลียงเห็นกองทัพหั่วอวิ๋นสำคัญเทียบเท่ากับกองทัพหู่อิงของต้าโจว ทว่า กองทัพหั่วอวิ๋นยังไม่เคยเผชิญหน้ากับทหารค่ายหู่อิงเลยสักครั้ง พวกเขาคิดว่าอาศัยแค่การฝึกฝนของกวนจางหนิงจะทำให้กองทัพหั่วอวิ๋นกลายเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งและดุดันเหมือนทหารค่ายหู่อิงของท่านอาห้าของนางได้ในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้จริงๆ หรือ!

ทหารค่ายหู่อิงคนใดไม่เคยผ่านการฝึกฝนที่โหดเหี้ยมเป็นเวลาหลายปีบ้าง ทหารค่ายหู่อิงคนใดไม่ใช่ยอดฝีมือที่ฝึกฝนประสบการณ์การรบอยู่ในกองทัพไป๋เป็นเวลานานหลายปีบ้าง

เหตุใดค่ายทหารหู่อิงจึงมีเพียงค่ายเดียว นั่นก็เพราะยอดฝีมือของค่ายหู่อิงต้องใช้เวลาในการอบรมฝึกฝน แม้ต่อมาทหารใหม่จะได้รับการฝึกฝนจนกลายเป็นสมาชิกของค่ายหู่อิงจากการสนับสนุนของรัชทายาทแห่งราชวงศ์จิ้น ทว่า ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารยอดฝีมือของค่ายหู่อิงซึ่งเคยออกรบในสนามรบจริงๆ นอกจากทหารค่ายหู่อิงแห่งกองทัพไป๋แล้ว…มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ไม่นานเสิ่นเหลียงอวี้ในชุดนักรบจึงเดินขึ้นมาบนกำแพงเมือง เขาปัดเศษหิมะที่ติดอยู่ตามร่างกายออก จากนั้นเดินนำทหารเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น

“ฝ่าบาท เป็นดั่งที่ฝ่าบาททรงคาดการณ์ไว้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ อวิ๋นพั่วสิงส่งทหารมาสืบดูว่าพวกเราสร้างกับดักไว้หรือไม่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ทหารของพวกเราเดินทางไปถึงภูเขาไหลอันแล้ว พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในกองหิมะ เมื่อกองทัพหั่วอวิ๋นของซีเหลียงออกเดินทางได้หนึ่งชั่วยาม พวกเราจะบุกไปจับตัวจักรพรรดินีหลี่เทียนเจียวแห่งซีเหลียงให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ภูเขาไหลอันอยู่ห่างจากเมืองผิงหยางเพียงยี่สิบกิโลเท่านั้น เมื่อกองทัพหั่วอวิ๋นออกเดินทางได้หนึ่งชั่วยาม พวกเขาจะบุกไปจับตัวจักรพรรดิหลี่เทียนเจียวแห่งซีเหลียง เมื่อหลี่เทียนเจียวให้คนส่งข่าวไปให้อวิ๋นพั่วสิง ตอนนั้นอวิ๋นพั่วสิงคงใกล้เดินทางถึงเมืองผิงหยางไม่ก็กำลังเริ่มลงมือบุกโจมตีเมืองผิงหยางแล้ว

ก่อนหน้านี้ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่ากองทัพหั่วอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในภูเขาไหลอันจึงบีบให้กองทัพหั่วอวิ๋นไปดักซุ่มโจมตีกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งที่ภูเขาหานเหวินและแม่น้ำตันสุ่ย

อวิ๋นพั่วสิงต้องคิดว่าไป๋ชิงเหยียนคิดว่าพวกเขายกทัพทั้งหมดเดินทางไปดักซุ่มโจมตีที่ภูเขาหานเหวิน ดังนั้นจึงส่งกองทัพที่เหลืออยู่ทั้งหมดในเมืองผิงหยางมาจับตัวจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเช่นเดียวกับที่พวกเขาคิดทำ ตอนนี้เมืองผิงหยางต้องไร้ซึ่งปราการใดๆ แน่นอน

ยิ่งเป็นเช่นนี้อวิ๋นพั่วสิงยิ่งไม่มีทางทิ้งโอกาสโจมตีเมืองผิงหยาง กระทั่งส่งกองกำลังเกือบทั้งหมดที่มีบุกเข้าไปจับตัวไป๋ชิงเหยียนในเมืองผิงหยาง จากนั้นนำตัวหญิงสาวไปเป็นเครื่องต่อรองแลกผลประโยชน์ให้ซีเหลียงให้ได้มากที่สุด

ที่สำคัญอวิ๋นพั่วสิงไม่มีนิสัยนำทัพด่านหน้า เขาต้องส่งแม่ทัพคนอื่นบุกเข้าไปในเมืองก่อนแน่นอน เมื่อกองทัพหั่วอวิ๋นส่วนมากบุกเข้าไปในเมืองแล้ว ไป๋ชิงเหยียนจะปิดประตูเมืองเพื่อตัดกำลังทหารของอวิ๋นพั่วสิง

ถึงตอนนั้นอวิ๋นคงตั้งสติได้แล้ว ด้วยความจงรักภักดีที่อวิ๋นพั่วสิงมีต่อหลี่เทียนเจียว ต่อให้เขาสงสัยว่าจะมีกับดักรออยู่ เขาก็ทำได้เพียงทิ้งกองทัพหั่วอวิ๋นไว้ที่เมืองผิงหยางและย้อนกลับไปช่วยเหลือหลี่เทียนเจียวเท่านั้น

“อย่าล้อมหลี่เทียนเจียวจนนางไม่มีทางหนี อย่าทำสงครามดุดันเกินไป ควบคุมขอบเขตให้พอดี ต้องเปิดช่องโหว่ให้นางส่งคนไปรายงานอวิ๋นพั่วสิงให้รับรู้เรื่องนี้และยกทัพกลับมาช่วยเหลือนางให้ได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกำชับพวกทหารแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เสิ่นเหลียงอวี้กล่าวต่อ “ฝ่าบาทเชิญเสด็จออกจากเมืองก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ขอรับ เสี่ยวไป๋ไซว่ออกจากเมืองไปก่อนเถิดขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อกล่าว

ลมหนาวพัดผ่านใบหูของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวเงยหน้ามองหิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิด จากนั้นกล่าวเสียงเบา

“ก่อนหน้านี้กองทัพไป๋เคยล้อมอวิ๋นพั่วสิงเอาไว้ได้ ทว่า ตอนนั้นข้าจำเป็นต้องปล่อยตัวอวิ๋นพั่วสิงไปเพื่อความอยู่รอดของกองทัพไป๋และตระกูลไป๋ ข้าเคยสาบานต่อหน้าแม่ทัพเฉิงและกองทัพไป๋ในสังกัดของท่านว่าจะพาพวกท่านไปแก้แค้นให้กองทัพไป๋ภายในสามปี! ดังนั้นวันนี้ข้าไม่สามารถไปจากที่นี่ได้!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเฉิงหย่วนจื้อ “แม่ทัพเฉิง ข้าไม่ได้สั่งให้ท่านนำทัพไปนอกเมืองเพราะข้าให้ท่านอยู่ในเมืองเพื่อจัดการกับอวิ๋นพั่วสิง!”

เฉิงหย่วนจื้อกำดาบที่เอวแน่น ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เขาเบิกตาโพลงไม่อยากให้น้ำตาไหลออกมา เลือดร้อนในกายของเขาพุ่งพล่าน เขารอวันนี้มานานเหลือกเกิน!

ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืมคำที่เฉิงหย่วนจื้อกล่าวไว้ว่าเขามีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้ไม่ใช่เพราะกลัวตาย ทว่า เขาอยากตัดศีรษะอวิ๋นพั่วสิงเพื่อแก้แค้น เช่นนี้เขาจะได้มีหน้าไปพบบิดาของนางในปรโลกได้!

ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืมวันที่เฉิงหย่วนจื้อยื่นดาบมาตรงหน้าของนางและบอกนางว่าเขาไม่กลัวว่าเลือดของอวิ๋นพั่วสิงจะแปดเปื้อนดาบของเขา แค่ล้างเลือดของอวิ๋นพั่วสิงออกก็ใช้งานต่อได้แล้ว

วันนั้นนางสาบานต่อหน้ากองทัพไป๋ทุกคนหลังจากปล่อยตัวอวิ๋นพั่วสิงจากไปว่าจะพาพวกเขาไปล้างแค้นให้กองทัพไป๋ นางขอให้พวกเขาเชื่อใจนาง

นางอดกลั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ขอร้องให้ทหารกองทัพไป๋ที่ลำบากร่วมรบกับนางในสงครามหุบเขาเวิ่ง ทหารที่เคยติดตามท่านปู่ ท่านพ่อและบรรดาท่านอาของนางข่มความแค้นในครั้งนั้นไปพร้อมกับนาง ดังนั้นพวกเขาควรเป็นคนได้ตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิงเพื่อแก้แค้น!

สายตาของไป๋ชิงเหยียนหยุดอยู่ที่ดาบเล่มใหญ่ของเฉิงหย่วนจื้อ หญิงสาวมองไปทางเฉิงหย่วนจื้อทั้งน้ำตา “แม้ทัพเฉิงไม่กลัวเลือดของอวิ๋นพั่วสิงเปื้อนดาบล้ำค่าของท่าน ท่านบอกว่าสามารถล้างออกได้ ดังนั้นวันนี้แม่ทัพเฉิงช่วยพาทหารหนึ่งพันนายไปดักซุ่มในภูเขา ตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิงเพื่อแก้แค้นให้สหายและแม่ทัพไป๋ที่เสียชีวิตไปแล้ว แก้แค้นให้น้องชายคนที่สิบเจ็ดของข้าที่ถูกอวิ๋นพั่วสิงทรมานจนเสียชีวิตให้ได้!”

เฉิงหย่วนจื้อได้ยินคำกล่าวนี้จึงรู้ทันทีว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ส่งเขาออกไปรบพร้อมกับแม่ทัพคนอื่น เฉิงหย่วนจื้อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาพากองทัพไป๋บุกไปยังหุบเขาเวิ่งอย่างพร้อมตายไปพร้อมกับกองทัพซีเหลียง นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนปรากฏตัวขึ้น ลำคอของเฉิงหย่วนจื้อร้อนผ่าวจนต้องรีบหันหน้าหนีพลางใช้มือลูบไปหน้าของตัวเองเบาๆ เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและดังกังวาน

“เสี่ยวไป๋ไซว่ไม่ต้องห่วงขอรับ หากตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิงไม่สำเร็จ ข้าจะใช้ดาบล้ำค่าของข้าตัดศีรษะของตัวเองมาขอขมาเสี่ยวไป๋ไซว่ ดวงวิญญาณทุกดวงของกองทัพไป๋และดวงวิญญาณของคุณชายสิบเจ็ดแทนขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนประคองเฉิงหย่วนจื้อลุกขึ้น “ไปเถิด”

เฉิงหย่วนจื้อรับคำแล้ววิ่งลงกำแพงเมืองไปอย่างรวดเร็ว ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ให้เฉิงหย่วนจื้อไปดักซุ่มก่อนหน้านี้เพราะรู้ว่าอวิ๋นพั่วสิงต้องรอบคอบขึ้น กระทั่งรู้จักวิเคราะห์แผนการของนางมากขึ้นหลังจากผ่านสงครามที่หนานเจียงมาแล้ว อวิ๋นพั่วสิงต้องรู้แล้วว่าสงครามที่หนานเจียงเต็มไปด้วยกับดัก เขาต้องส่งคนมาสำรวจสถานการณ์เพื่อความไม่ประมาทอย่างแน่นอน มีเพียงสืบแน่ชัดว่าไม่มีกับดักซ่อนอยู่อวิ๋นพั่วสิงจึงจะยอมเคลื่อนทัพ

ดังนั้นพวกนางต้องเคลื่อนไหวหลังจากอวิ๋นพั่วสิงเคลื่อนทัพออกมาแล้ว ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนเลือกใช้วิธีแบ่งเนื้ออกเป็นสองชิ้นเพื่อจัดการกับกองทัพหั่วอวิ๋นของอวิ๋นพั่วสิงให้ราบคาบ…

อวิ๋นพั่วสิงเหลือเพียงกองทัพหั่วอวิ๋นเท่านั้น หากเขาพวกเขาจะโจมตีเมืองผิงหยางที่พวกเขาสืบรู้แล้วว่ามีจำนวนทหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้นพวกเขาต้องคัดเลือกยอดฝีมือส่งมาอย่างแน่นอน ตามหลักการฝึกฝนของค่ายหู่อิง ทหารยอดฝีมือจะบุกเข้ามาในเมืองเป็นกลุ่มแรก จากนั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งไปจับตัวจักรพรรดินีแห่งต้าโจว อีกฝ่ายไปเปิดประตูเมือง…

หากโจมตีประตูทิศใต้ของเมืองผิงหยาง หากข่าวหลุดออกไปกองทัพหั่วอวิ๋นอาจโดนล้อมทั้งสองด้าน นั่นไม่เป็นผลดีต่อกองทัพหั่วอวิ๋นแม้แต่น้อย ทว่า หากอ้อมไปโจมตีทางประตูทิศเหนือ กองทัพจะอ่อนล้าเกินไป