ตอนที่ 1117 เปรียบเทียบ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1117 เปรียบเทียบ

ประตูทิศตะวันออกของเมืองผิงหยางอยู่ใกล้ภูเขาไหลอันมากที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนมั่นใจว่าอวิ๋นพั่วสิงไม่มีทางให้กองทัพหั่วอวิ๋นเผยตัวให้กองทัพต้าโจวเห็นก่อนที่ประตูเมืองทิศตะวันออกจะเปิดออกแน่นอน

เพราะหากกองทัพหั่วอวิ๋นถูกกองทัพต้าโจวจับได้ก่อนที่พวกเขาจะลอบเข้ามาในเมืองผิงหยางสำเร็จ ต้าโจวอาจส่งคนไปขอทัพเสริมจากเมืองผิงตู้ได้ ถึงตอนนั้นหากกองทัพหั่วอวิ๋นยังบุกเข้าไปในเมืองผิงหยางไม่ได้และกองทัพเสริมของต้าโจวย้อนกลับมาก่อน กองทัพหั่วอวิ๋นต้องโดนกำจัดอย่างราบคาบแน่นอน

ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจะปล่อยให้ทหารยอดฝีมือของกองทัพหั่วอวิ๋นเข้ามาในเมือง ปล่อยให้พวกเขาเปิดประตูเมืองทิศตะวันออก

โคมไฟบนกำแพงเมืองผิงหยางแกว่งไปมาท่ามกลางแรงลมหนาวในยามค่ำคืน แสงไฟทอแสงนวลอ่อนลงบนกำแพงเมืองราวกับหิมะที่หนาวเหน็บในยามค่ำคืนคือความอบอุ่นที่สุดในเมืองแห่งนี้

กองทัพหั่วอวิ๋นของอวิ๋นพั่วสิงเปรียบเสมือนสัตว์ใหญ่ที่กำลังออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืด ทว่า สายตาจับจ้องไปยังประตูของเมืองผิงหยางเขม็งราวกับกำลังจ้องเหยื่อของตัวเอง

ไม่นานกองกำลังยอดฝีมือส่วนหนึ่งของกองทัพหั่วอวิ๋นบุกเข้าไปประชิดกำแพงเมืองผิงหยาง พวกเขาแนบแผ่นหลังของตัวเองชิดกับกำแพงเมือง ทหารยอดฝีมือสามสิบนายของกองทัพหั่วอวิ๋นซึ่งแบกสัมภาระไว้บนหลังใช้อุปกรณ์ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองราวกับเสือปีนหน้าผา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความมั่นคงและเว้นระยะห่างอย่างพอดี

ขณะที่พวกเขาปีนไปถึงยอดสูงสุดของกำแพงและเตรียมจะก้าวเข้าไปในด้านใน ทหารตรวจตราของต้าโจวเดินถือโคมไฟเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงเสียก่อน ทหารทุกคนของกองทัพหั่วอวิ๋นซึ่งเกาะอยู่บนกำแพงกลั้นหายใจพลางแนบตัวเข้ากับกำแพงเพื่ออำพรางกาย มือที่หนาวจนแข็งจับอุปกรณ์ปีนป่ายของตัวเองแน่น ขบกรามกลั้นลมหายใจเพราะกลัวว่าลมหายใจของตัวเองจะทำให้กองทัพไป๋พบตัวพวกเขา

พวกเขามีจำนวนน้อยเกินไป ไม่สามารถเผชิญหน้ากับทหารต้าโจวแบบซึ่งๆ หน้าได้ มิเช่นนั้นไม่เพียงสหายในกองทัพหั่วอวิ๋นอีกร้อยกว่านายที่รออยู่ด้านล่างกำแพงจะไม่ได้ขึ้นมาบนกำแพงเท่านั้น พวกเขาคงไม่สามารถเปิดประตูเมืองได้สำเร็จอีกด้วย

แม่ทัพใหญ่ของพวกเขากำชับพวกเขาก่อนออกเดินทางมาที่นี่ว่าพวกเขาคือคนสำคัญที่จะตัดสินผลแพ้ชนะในสงครามครั้งนี้!

ทว่า ยอดฝีมือสามสิบนายของกองทัพหั่วอวิ๋นไม่รู้ว่าตอนนี้ทหารยอดฝีมือของกองทัพหู่อิงซ่อนตัวอยู่ในเมืองผิงหยางแล้ว สองกองทัพอยู่ห่างกันโดยมีเพียงกำแพงเมืองกั้นเท่านั้น การที่ทหารต้าโจวถือคบเพลิงเดินผ่านคือการส่งสัญญาณให้กองทัพหู่อิงเตรียมพร้อม ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นทุกคนกำมีดสั้นในมือของตัวเองแน่นจนข้อมือเกร็ง พวกเขากลั้นลมหายใจไม่ให้ควันขาวออกมาจากปากและจมูก ได้แต่รอเวลาให้ทหารตรวจตราของต้าโจวเหล่านั้นจากไป

เมื่อทหารตรวจตราของต้าโจวเดินถือคบเพลิงจากไปไกล ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นเหล่านั้นจึงปีนเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ ทว่า ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใดต่อพวกเขาก็ถูกทหารกองทัพหู่อิงซึ่งซ่อนตัวอยู่บนกำแพงปิดปากและเชือดคอทิ้งเสียก่อนราวกับทหารหู่อิงทำเรื่องเหล่านี้จนเคยชินไปแล้ว พวกเขาสามารถลงมือสังหารคนทั้งๆ ที่ยังหลับตาได้โดยที่ศัตรูยังไม่ทันรู้สึกตัว ศพของทหารยอดฝีมือของกองทัพหั่วอวิ๋นถูกลากเข้าไปในเมืองผิงหยางอย่างรวดเร็ว

ทหารยอดฝีมือของกองทัพหั่วอวิ๋นจำนวนสามสิบนายเสียชีวิตลงท่ามกลางลมหิมะโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว

ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นที่ยังอยู่ด้านล่างกำแพงเงยหน้ามองไปบนกำแพงเมืองผิงหยาง พวกเขาเห็นเพียงหิมะและเสียงลมในความเงียบงันเท่านั้น

บนกำแพงเมือง

ทหารค่ายหู่อิงพบบันไดเชือกในสัมภาระของทหารสามสิบนายของกองทัพหั่วอวิ๋นอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ ตอนที่ทหารค่ายหู่อิงขึ้นมาบนกำแพงพวกเขาต้องนำสิ่งของที่มีประโยชน์ขึ้นมาด้วยแน่นอน

“แม่งเอ้ย ลอกเลียนแบบได้เหมือนจริงๆ ! พวกมันเตรียมของมาพร้อมเลย!” ทหารยอดฝีมือคนหนึ่งของกองทัพหู่อิงหยิบตะขอเหล็กออกมาวางบนมือ จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ของของพวกมันดูดีกว่าของพวกเราอีก!”

“เจ้า เจ้าและเจ้า! พวกเจ้าสามหน่วยย่อย!” หัวหน้าหน่วยย่อยของกองทัพหู่อิงออกคำสั่ง “แสร้งนอนตายอยู่กลางกองเลือดเหล่านี้!”

“พวกเราเปลี่ยนเป็นชุดกองทัพหั่วอวิ๋นดีกว่า อย่าปลอมเป็นศพเลย อัปมงคลเกินไป!”

“เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น อย่ามัวเสียเวลา เร็วเข้า!”

หัวหน้าหน่วยย่อยสั่งให้ทหารโยนบันไดเชือกที่ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นพกมาลงไปด้านล่างกำแพง

เมื่อเห็นบันไดหย่อนลงมาทหารกองทัพหั่วอวิ๋นจึงพากันปีนขึ้นไปบนบันไดทีละคนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นคนแรกที่ปีนขึ้นไปบนกำแพงได้สำเร็จเห็นทหารต้าโจวนอนตายอยู่ท่ามกลางกองเลือดเป็นสิ่งแรก ทว่า เขาไม่เห็นทหารยอดฝีมือของกองทัพหั่วอวิ๋นที่ปีนขึ้นมาบนกำแพงก่อนหน้านี้

เขาคิดว่าทหารเหล่านั้นอาจไปจัดการกับทหารตรวจตราของต้าโจวแล้ว แม่ทัพหน่วยย่อยหันไปกำชับแม่ทัพอีกคนที่มีหน้าที่ไปจับตัวไป๋ชิงเหยียน “จงจับตัวจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมาให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม!”

“ขอรับ!” แม่ทัพเล็กรับคำจากนั้นพาทหารของตัวเองเดินย่อตัวไปอีกด้านของกำแพง เขาใช้ตะขอเกี่ยวลงบนขอบกำแพง จากนั้นไถตัวลงไปตามเชือกเพื่อหลบสายตาของทหารที่คุ้มกันอยู่ตรงบันไดของกำแพงเมือง

ส่วนทหารที่มีหน้าที่ไปเปิดประตูกำแพงเมืองหย่อนตัวตามเชือกลงไปด้านล่างกำแพงเช่นเดียวกัน ทว่า พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในที่มืดก่อน เมื่อทหารกองทัพหั่วอวิ๋นที่มีหน้าที่จับตัวไป๋ชิงเหยียนเดินจากไปไกล พวกเขาค่อยออกไปเปิดประตูเมือง

ขณะที่กองทัพหั่วอวิ๋นกำลังกลั้นหายใจรอจังหวะอยู่นั้น ใจของแม่ทัพที่เป็นผู้นำทัพในครั้งนี้กระตุกวูบ เขาหันไปมองทางด้านหลัง…แสงคมของอาวุธบางอย่างลอยผ่านลมหนาวมาท่ามกลางความมืด ลูกธนูแหลมคมแทงทะลุลำคอของเขาแล้วปักลงบนพื้นดินข้างๆ อย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว ปลายธนูสั่นไหวอย่างรุนแรง

เขาเบิกตาโพลง จากนั้นล้มลงบนพื้นทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ท่านแม่ทัพ!” ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นคนหนึ่งหันกลับไปเอ่ยเรียกเสียงเบา

ดวงตาที่เบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวของแม่ทัพซีเหลียงสะท้อนเห็นลูกธนูมากมายที่ลอยมาท่ามกลางหิมะ เขายังไม่ทันเอ่ยเตือนสหายของตัวเอง ลูกธนูนับร้อยก็ลอยมาบดบังสายตาของเขาเสียก่อน

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นในซอยเล็กที่อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองมากที่สุด ไม่นานพายุจึงสงบลง เหลือเพียงกลิ่นคาวเลือดที่น่าพะอืดพะยอมเท่านั้น

ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดเกราะยืนมองทหารกองทัพหั่วอวิ๋นซึ่งถูกธนูนับร้อยยิงทะลุราวกับฝูงมดอยู่บนกำแพงเมืองด้วยแววตาเยือกเย็น

กองทัพหั่วอวิ๋นคิดอยากเอาตัวเองมาเปรียบกับกองทัพหู่อิงอย่างนั้นหรือ!

หึ…

ซีเหลียงประเมินค่าตัวเองสูงไปแล้ว

เสิ่นเหลียงอวี้ยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนไม่ห่างไปที่ใด บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนกำลังตั้งครรภ์อยู่ เสิ่นเหลียงอวี้อดเป็นห่วงหญิงสาวไม่ได้ ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนปลดถุงทรายที่พันไว้รอบกายออก เมื่อเห็นฝีมือการยิงธนูที่ยังคงไร้เทียมทานของหญิงสาว เสิ่นเหลียงอวี้จึงวางใจลงไม่น้อย

“ให้ทหารทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม เปิดประตูเมือง! อย่าปล่อยให้ผู้ที่บุกเข้ามารอดออกไปแม้แต่คนเดียว!” ไป๋ชิงเหยียนออกคำสั่ง

อวิ๋นพั่วสิงที่พาทหารทุกคนซ่อนตัวอยู่ในความมืดมองเห็นประตูเมืองบานใหญ่ซึ่งอยู่ใต้โคมไฟที่แกว่งไปมาบนกำแพงเมืองถูกเปิดออกอย่างช้าๆ…

เลือดในกายของอวิ๋นหลิงจื้อพลุ่งพล่านไปถึงสมอง เขาชักดาบออกมาเตรียมสั่งให้ทหารบุกเข้าไป ทว่า ถูกอวิ๋นพั่วสิงยกมือห้ามไว้ก่อน

“ท่านพ่อ?” อวิ๋นหลิงจื้อหันไปมองบิดาของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ “ประตูเมืองเปิดออกแล้วขอรับ!”

“รอดูก่อน คนของพวกเราบุกเข้าไปในเมืองผิงหยางได้รวดเร็วและราบรื่นไร้อุปสรรคเกินไป” อวิ๋นพั่วสิงส่ายหน้า “ข้ารู้สึกไม่สบายใจ นั่นคือเมืองที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวประทับอยู่ การป้องกันอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้ารู้สึกสังหรณ์แปลกๆ”