ตอนที่ 1118 ไม่ชอบมาพากล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1118 ไม่ชอบมาพากล

อวิ๋นเทียนเอ้าร้อนใจอยากบุกโจมตีเมืองจึงรีบกล่าวขึ้น “พวกนั้นนำทหารไปป้องกันกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งทางประตูทิศใต้หมดแล้ว นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ท่านปู่เลือกโจมตีประตูทิศตะวันออกไม่ใช่หรือขอรับ!”

อวิ๋นพั่วสิงยังคงส่ายหน้า เขารู้สึกไม่สบายใจมาก “ทว่า…นี่มันเร็วเกินไป! ประตูถูกเปิดออกโดยไม่มีแม้แต่เสียงสู้รบกัน…มันคือสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด”

อวิ๋นเทียนเอ้ามองไปทางประตูที่ถูกเปิดออกด้วยความกระวนกระวาย เขารู้สึกว่าท่านปู่ของตัวเองรบพ่ายแพ้ไป๋ชิงเหยียนจนกลายเป็นคนขี้ขลาดไปแล้วจริงๆ

อวิ๋นเทียนเอ้ากล่าวขึ้น “หากท่านปู่หวาดกลัวข้าจะนำคนบุกเข้าไปในเมืองก่อนเองขอรับ หากไม่มีอันตรายท่านปู่ค่อยตามเข้ามา ถึงตอนนั้นห้ามลังเลอีกนะขอรับ!”

อวิ๋นหลิงจื้อได้ยินคำของอวิ๋นเทียนเอ้าจึงเตรียมตวาดสั่งสอน ทว่า เขาเห็นแม่ทัพคนหนึ่งขี่ม้าตรงเข้ามาเสียก่อน

“ท่านแม่ทัพใหญ่! เกิดเรื่องแล้วขอรับท่านแม่ทัพ!” แม่ทัพซีเหลียงขี่ม้าเร็วตรงมา เขาทำความเคารพอวิ๋นพั่วสิงจากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านแม่ทัพ คนต้าโจวจอมแผนการบุกไปยังภูเขาไหลอันขอรับ ตอนนี้พวกเขากำลังโจมตีค่ายที่พักของพวกเราเพื่อจับตัวจักรพรรดินีของพวกเราขอรับ!”

“คนรายงานอยู่ที่ใด” อวิ๋นพั่วสิงกำบังเหียนม้าแน่น

“ร่างของทหารที่มารายงานเต็มไปด้วยเลือด เมื่อรายงานเสร็จก็สิ้นใจลงทันทีขอรับ” แม่ทัพซีเหลียงกล่าว

“ท่านพ่อ!” อวิ๋นหลิงจื้อมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขามองดูเมืองผิงหยางซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่คืบตรงหน้า เขากลัวว่าอวิ๋นพั่วสิงจะเปลี่ยนใจย้อนกลับไปช่วยเหลือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง “ประตูเมืองเปิดออกแล้ว หากพวกเราจากไปตอนนี้ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นที่อยู่ในเมืองผิงหยางจะทำเช่นไรขอรับ”

“ทว่า หากไม่ย้อนกลับไปฝ่าบาทจะทรงเป็นเช่นไรขอรับ!”

เมื่ออวิ๋นเทียนเอ้าได้ยินว่าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงตกอยู่ในอันตรายจึงหน้าซีดเผือดลงทันที “ท่านปู่!”

“ตอนนี้พวกเรามีเพียงทางเลือกเดียวคือการบุกโจมตีเมืองผิงหยางเท่านั้น ขอเพียงพวกเราจับตัวไป๋ชิงเหยียนได้ พวกเราจะมีตัวประกันเพื่อแลกตัวฝ่าบาทของพวกเรากลับมาแน่นอนขอรับ” อวิ๋นหลิงจื้อกล่าว

“กล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร! นั่นคือฝ่าบาทของพวกเรา คือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงนะ! หากจักรพรรดินีของพวกเราถูกจับได้ ซีเหลียงของพวกเราก็จบสิ้นแล้ว” อวิ๋นเทียนเอ้ากำหมัดคารวะอวิ๋นพั่วสิง

“ท่านปู่ ให้ข้านำทหารกลับไปช่วยเหลือฝ่าบาทเถิดขอรับ!”

อวิ๋นพั่วสิงไม่ได้ใส่ใจบุตรชายและหลานชายที่กำลังเถียงกันอยู่ สมองของเขาประมวลผลอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาจึงเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาหนักแน่น

“อวิ๋นหลิงจื้อและอวิ๋นเทียนเอ้านำทหารครึ่งหนึ่งอยู่ที่เมืองผิงหยางต่อ ข้าจะพากองทัพอีกครึ่งกลับไปช่วยเหลือฝ่าบาทเอง!”

อวิ๋นพั่วสิงมองบุตรชายและหลานชายของตัวเอง “เมื่อครู่ข้ารู้สึกไม่ชอบมาพากลที่ทหารของเราบุกเข้าไปในเมืองผิงหยางและเปิดประตูเมืองได้เร็วถึงเพียงนี้ ไป๋ชิงเหยียนคงมั่นใจในตัวเองคิดว่าซีเหลียงยอมพากองทัพหั่วอวิ๋นไปดักซุ่มกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งอยู่ที่แม่น้ำตันสุ่ยและภูเขาหานเหวินตามคำสั่งของต้าโจวเพราะกลัวต้าโจวจริงๆ นางจึงถือโอกาสนี้บุกไปจับตัวจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงของพวกเราเพื่อควบคุมซีเหลียงให้ได้ บัดนี้ในเมืองผิงหยางต้องไม่มีทหารคุ้มกันแน่นอน!”

“ประตูเมืองเปิดออกแล้ว ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าสองคนบุกไปจับตัวไป๋ชิงเหยียนในเมืองผิงหยางมาให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม! นี่คือการตัดสินชะตาของแคว้นซีเหลียงของพวกเรา!” อวิ๋นพั่วสิงกล่าวเสียงดัง

“ท่านพ่อไม่ต้องห่วงขอรับ หากลูกจับเป็นไป๋ชิงเหยียนไปให้ท่านพ่อไม่ได้ ลูกจะถือศีรษะไปพบท่านพ่อแทนขอรับ!” ดวงตาสองข้างของอวิ๋นหลิงจื้อแดงฉาน เขาจะล้างความอัปยศของซีเหลียงให้ได้ในวันนี้

“ไปเถิด ไปแก้แค้นให้พี่ชายของเจ้า!” อวิ๋นพั่วสิงไม่มีวันลืมเรื่องที่กองทัพไป๋ตัดศีรษะบุตรชายคนโตของเขา เขาควบม้าไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นจับบ่าของอวิ๋นหลิงจื้อแน่น

“ทว่า เจ้าจงจำไว้ให้ดีว่าจงแค่สังหารศัตรูในสนามรบเท่านั้น เจ้าต้องเคารพศัตรูของเจ้า อย่าทำเรื่องเหยียดหยามศัตรูของเจ้าเหมือนอย่างที่ข้าเคยทำ แม้การทำเช่นนั้นจะเป็นการปลุกขวัญกำลังใจทหารในกองทัพของเรา ทว่า ขณะเดียวกันก็จะทำให้ศัตรูคิดอยากตายไปพร้อมกับพวกเรา เจ้าเข้าใจหรือไม่!”

อวิ๋นหลิงจื้อข่มความไม่พอใจไว้ในใจ จากนั้นรับคำ “ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ ท่านพ่อเดินทางไปช่วยเหลือฝ่าบาทอย่างสบายใจเถิดขอรับ ข้าจะดูแลทางนี้เองขอรับ!”

เมื่อสั่งการบุตรชายของตัวเองเสร็จ อวิ๋นพั่วสิงจึงขี่ม้าพาทหารครึ่งหนึ่งของกองทัพหั่วอวิ๋นย้อนกลับไปยังภูเขาไหลอันทันทีเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่เทียนเจียว

ไป๋ชิงเหยียนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดบนกำแพงเห็นกองทัพของซีเหลียงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งย้อนกลับไปยังภูเขาไหลอัน อีกฝ่ายมุ่งตรงมายังเมืองผิงหยาง พวกเขาเคลื่อนทัพมาอย่างเงียบเชียบราวกับต้องการโจมตีต้าโจวโดยไม่ให้ต้าโจวได้ทันตั้งตัว

เสิ่นเหลียงอวี้ซึ่งยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น เมื่อซีเหลียงเข้ามาในเมืองผิงหยางหมดแล้ว ต้าโจวจะปิดประตูตีแมวทันที! หวังว่าทางฝั่งของเฉิงหย่วนจื้อจะราบรื่นเช่นเดียวกัน

อวิ๋นหลิงจื้อวางแผนมาอย่างดีว่าจะลอบเข้าไปในเมืองอย่างเงียบเชียบ จากนั้นนำกองทัพใหญ่บุกไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อรับช่วงต่อทหารกองทัพหั่วอวิ๋นที่บุกเข้ามาจับเป็นไป๋ชิงเหยียนก่อนหน้านี้

กองทัพหู่อิงซึ่งซ่อนตัวเตรียมตั้งรับอยู่ในความมืดจ้องไปยังพลธนูของกองทัพหั่วอวิ๋นเขม็งราวกับพวกนั้นคือเหยื่ออันโอชะของพวกเขา

เมื่ออวิ๋นหลิงจื้อบุกเข้ามาในเมืองผิงหยางสำเร็จจึงค่อยลดความเร็วลง เขาควบม้าไปด้านหน้าอย่างช้าๆ เขาได้กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ทว่า ไม่เห็นซากศพ เขารู้สึกว่าทุกอย่างดูไม่ชอบมาพากลสักเท่าใดนัก

ทว่า เขายังไม่ทันจะคิดออกว่าสิ่งใดไม่ชอบมาพากล…ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

จู่ๆ ประตูเมืองทิศตะวันออกก็ถูกปิดลงเสียก่อน

อวิ๋นหลิงจื้อเตรียมหันกลับสั่งไม่ให้ลูกน้องของตัวเองปิดประตูเมืองก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังมาจากบนแพงเมืองเสียก่อน

ต่อมาทหารกองทัพหั่วอวิ๋นซึ่งอยู่บนกำแพงเมืองจึงตะโกนร้องออกมา “ท่านแม่ทัพ!”

พลธนูปรากฏกายขึ้นบนหลังคาและกำแพงทั้งสองด้านของเมืองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พวกเขายิงธนูใส่โดยไม่ปล่อยให้กองทัพหั่วอวิ๋นเวลาเตรียมตัวแม้แต่น้อย

“คุ้มกันท่านแม่ทัพ!” อวิ๋นเทียนเอ้ามีอย่างรวดเร็ว เขารีบกระชากร่างของอวิ๋นหลิงจื้อลงมาจากหลังม้า พลทหารโล่ก้าวไปคุ้มกันด้านหน้า ปกป้องอวิ๋นหลิงจื้อและอวิ๋นเทียนเอ้าให้อยู่ด้านหลังโล่

ม้าศึกที่ทหารขี่เข้ามาในเมืองถูกธนูยิงใส่จนส่งเสียงร้องแหลมออกมาด้วยความเจ็บปวด ม้าศึกบางตัวคิดวิ่งหนีออกไปจากเมืองอย่างบ้าคลั่ง ทว่า เมื่อเห็นประตูปิดสนิท พวกมันจึงรีบวิ่งหาที่หลบฝนธนูที่ยิงถล่มลงมาเป็นพัลวันโดยไม่รู้ว่าเหยียบโดนทหารกองทัพหั่วอวิ๋นที่ไม่ทันป้องกันตัวไปมากเท่าใด

ลูกธนูมากมายกระแทกลงบนโล่ของพลทหารโล่ เสียงลูกธนูกระทบกับโล่เหล็กดังสนั่นราวกับพายุฝนที่ตกใส่ร่างของคน ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก

ตอนนี้อวิ๋นหลิงจื้อจึงตระหนักได้ว่าพวกเขาหลงกลต้าโจวเข้าให้แล้ว!

ลางสังหรณ์แรกของบิดาของเขาถูกต้องแล้ว กองทัพหั่วอวิ๋นบุกเข้ามาในเมืองได้รวดเร็วและเปิดประตูเมืองได้ง่ายดายเกินไป

บัดนี้กองทัพหู่อิงได้เปรียบอยู่บนที่สูง การใช้ธนูสังหารทหารกองทัพหั่วอวิ๋นของซีเหลียงคือทางเลือกที่ดีที่สุด

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมทั่วทั้งเมืองผิงหยาง

ลูกธนูถูกยิงลงมาไม่ขาดสาย ไม่มีเวลาให้กองทัพหั่วอวิ๋นได้พักหายใจแม้แต่น้อย

“บุกขึ้นไป! ยึดกำแพงเมืองให้ได้! เร็วเข้า!” อวิ๋นหลิงจื้อออกคำสั่งเสียงดังลั่น

ไป๋ชิงเหยียนยืนถือธนูเซ่อรื้ออยู่บนกำแพงสูงกับเสิ่นเหลียงอวี้ หญิงสาวมองดูอวิ๋นหลิงจื้อที่กำลังยืนออกคำสั่งให้ทหารบุกขึ้นยึดกำแพงอยู่ใต้โล่กำบังด้วยแววตาเย็นชา

ไป๋ชิงเหยียนเบนหน้าไปทางอื่นเล็กน้อย หญิงสาวกวาดสายตามองไปทางองครักษ์คนหนึ่งที่กำลังยืนคุ้มกันอวิ๋นหลิงจื้อและอวิ๋นเทียนเอ้าอยู่ด้วยแววตาเรียบเฉย จากนั้นมองหาช่องโหว่ระหว่างโล่กำบังที่ถูกธนูปักใส่หลายดอก

นี่คือวิธีการของคนตระกูลอวิ๋นจริงๆ ดีแต่หลบอยู่ในโล่…ไม่กล้าโผล่ศีรษะออกมา

ทว่า กองทัพหั่วอวิ๋นลอกเลียนแบบการฝึกฝนมาจากค่ายหู่อิง พวกเขาไม่ถือว่าฝึกฝนมาเสียเปล่า ไม่นานพลทหารโล่ของพวกเขาล้อมปกป้องทหารทุกคนไว้ได้ พวกเขาเริ่มใช้ธนูโจมตีทหารกองทัพหู่อิงซึ่งอยู่บนกำแพงเมืองบ้าง