บทที่ 1140 กลับหมู่บ้านอู๋ซี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1140 กลับหมู่บ้านอู๋ซี

กู้เสี่ยวหวานยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ลวี่เทาจึงพูดต่อว่า “เสี้ยนจู่ ข้ามีเรื่องจะขอร้อง”

กู้เสี่ยวหวานมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ใต้เท้าหลี่กล่าวมาเถอะ”

“เฉาซินเหลียนผู้นี้คือฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเจ้าในตอนนั้น ตอนนี้นางกลายเป็นนักโทษประหาร เจ้าสามารถพักผ่อนอย่างสงบได้ เดี๋ยวไปพร้อมกับเสี้ยนจู่ ไปจุดธูปให้พ่อแม่ของเจ้า ถือว่าข้าพยายามช่วยเท่าที่ช่วยได้แล้วกัน”

ลวี่เทาผู้นี้มีแผนการที่ดีอยู่แล้ว

ขอเพียงแค่ทำดีกับกู้เสี่ยวหวานต่อหน้า ต่อไปก็เข้าไปพัวพันกับตระกูลถานได้ นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายงั้นหรือ

แต่น่าเสียดายที่แผนการในใจเขา ทำไมกู้เสี่ยวหวานจะดูไม่ออก

จากนั้นลวี่เทาก็อาศัยความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเองรังแกเด็กอย่างกู้เสี่ยวหวานโดยคิดว่านางดูไม่ออก

ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนใต้เท้าลวี่ ภูเขาสูงระยะทางไกล ไม่สะดวกมาก ใต้เท้าลวี่เป็นเจ้าเมืองของเมืองหลิวเจีย ยุ่งวุ่นวายหลายเรื่อง ข้าเกรงว่าจะหน่วงรั้งท่านจนเสียงานเสียการไปหลายวัน ใต้เท้าลวี่ทั้งขยันและรักประชาชน น้ำใจของท่านต้องส่งไปถึงพ่อแม่ของข้าแน่นอน”

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้ลวี่เทาไปต่อไม่ได้ แต่ในใจก็รู้สึกโล่งไปครู่หนึ่ง

กู้เสี่ยวหวานผู้นี้พูดว่าขยันและรักประชาชน นี่ยังไม่เรียกว่าชมเชยอีกงั้นหรือ

ลวี่เทารู้สึกปริ่มใจอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาให้เห็น เลยแสร้งทำท่าทีเป็นเสียดาย “โธ่… ใช่สิ เมืองนี้เรื่องเยอะจริง ๆ”

ตอนนี้ลวี่เทาพยายามประจบประแจงกู้เสี่ยวหวาน เอาใจขนาดนั้น กู้เสี่ยวหวานจะฟังไม่ออกได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธอย่างสุภาพว่า “ข้าขอรับเจตนาที่ดีของใต้เท้าลวี่ไว้ ที่บ้านข้าเตรียมของที่จะเอาไปเซ่นไหว้ที่สุสานแล้ว ไม่รบกวนใต้เท้าลวี่แล้ว”

จากนั้นลวี่เทาที่ต้องการให้อย่างอื่น แต่ก็ถูกกู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เมื่อลวี่เทาเห็นกู้เสี่ยวหวานยิ้มและมองมาที่เขา เขาคิดว่าเด็กน้อยคนนี้ปฏิบัติต่อเขาเปลี่ยนไปแล้วในใจก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา

ใช้เพียงไม่กี่คำก็ได้รับความโปรดปรานจากกู้เสี่ยวหวาน ข้อตกลงครั้งนี้มันช่างคุ้มค่าจริง ๆ

หลังจากส่งลวี่เทาเสร็จ รอยยิ้มมุมปากกู้เสี่ยวหวานก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้วปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยแทน

กู้เสี่ยวหวานและจวิ้นจู่เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันคือเรื่องดี ในเมืองหลิวเจียทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายไม่น้อยเลย

คนที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในเมืองหลิวเจียล้วนมาหากู้เสี่ยวหวาน แต่ไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ แต่มีพวกคุณหนูและผู้หญิงที่แต่งงานแล้วบางคนมาหานาง กระทั่งเอ่ยขอให้กู้เสี่ยวหวานแนะนำจวิ้นจู่ให้พวกนางรู้จัก

ที่ร้านจิ่นฝูนี้ก็ครึกครื้นมาหลายวันแล้ว

เมื่อเห็นร้านจิ่นฝูนี้ คนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่มาสืบเรื่องเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานทุกวัน แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไปที่สวนกู้แล้ว

พอดีเฉาซินเหลียนถูกตัดศีรษะ ในปีนั้นการตายอย่างอนาถของพ่อแม่ถือว่าได้รับคำอธิบายแล้ว กู้เสี่ยวหวานยังอยากจะไปเซ่นไหว้จุดธูปให้พวกเขาที่สุสาน บอกความจริงให้พวกเขารู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น และบอกพวกเขาว่าฆาตกรที่ใส่ร้ายพวกเขาตอนนี้ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

คนในครอบครัวต่างก็มีความคิดแบบนี้มานานแล้ว

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ออกจากหมู่บ้านอู๋ซี ไม่กี่มาปีนี้ ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน ครอบครัวของป้าจาง โดยเฉพาะกู้ฟางสี่ ตั้งแต่เรื่องจุดไฟเผากู้เสี่ยวหวาน หลังจากนั้นพวกนางก็ไม่เคยกลับมาที่หมู่บ้านอู๋ซีอีกเลย

พวกเขาต้องการเซ่นไหว้พ่อแม่ที่สุสาน แต่ไม่กลับไปที่หมู่บ้านอู๋ซี พวกเขาตรงไปที่ภูเขาเพื่อเคารพหลุมศพพ่อแม่

ครั้งนี้บรรพบุรุษของกู้เสี่ยวหวานได้รับความยุติธรรม กู้เสี่ยวหวานต้องการกลับไปดูบ้านเก่าแน่นอน การปรับปรุงบ้านของบรรพบุรุษสามารถถือเป็นคำอธิบายแก่พ่อแม่และปู่ย่า

หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ทุกคนขึ้นรถม้าสองคันและกลับไปที่หมู่บ้านอู๋ซี

และภายในบ้านเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย

กู้เสี่ยวหวานอยากพากู้หนิงผิงไปผ่อนคลายอารมณ์ อยากจะดูว่าจะทำให้กู้หนิงผิงมีความสุขได้หรือไม่

พอถึงหมู่บ้านอู่ซี ทุกคนในหมู่บ้านอู๋ซีก็แปลกใจมากเมื่อเห็นรถม้าสองคัน

นานแล้วที่ไม่มีรถม้าหรูหราเข้ามาในหมู่บ้านนี้ ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงพอดี และงานในไร่นาก็ใกล้เสร็จแล้ว พวกเขาทั้งหมดอยู่ในหมู่บ้าน และคุยโม้ไปบ้านโน้นบ้านนี้เพื่อให้เวลาผ่านไป

เมื่อเห็นรถม้าหรูหราสองคันตรงมาในหมู่บ้านและหยุดจอดที่หน้าประตูบ้านเก่าตระกูลกู้ ชาวบ้านทุกคนมารวมตัวกันรอบ ๆ อย่างแปลกใจเพื่อดูความครึกครื้น

เมื่อเห็นว่าคนขับรถม้าเป็นชายร่างสูงเหมือนฉือโถว เขามีใบหน้าที่เย็นชาแต่งดงาม เมื่อชายคนนั้นเห็นคนที่มาล้อมเขา

ใบหน้าก็เย็นชาราวกับถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง ทำให้ผู้คนรอบ ๆ รู้สึกกลัดกลุ้ม

คนเหล่านั้นไม่กล้าเข้าใกล้อาโม่ พวกเขาจึงทำได้เพียงพูดคุยกับฉือโถว

“อุ๊ย นี่ไม่ใช่ฉือโถวหรอกหรือ สวรรค์ รถม้าของเจ้าหรูหราจริง ๆ พวกเจ้ากับกู้เสี่ยวหวานคงจะมีความสุขมากสินะ” บางคนพูดอย่างอิจฉาตาร้อน

ในใจชาวบ้านเหล่านั้นรู้สึกอิจฉาตาร้อน

ในปีนั้น คนของตระกูลจางแบ่งปันของกินให้กู้เสี่ยวหวาน และก็ถูกกู้เสี่ยวหวานพาไปอยู่ที่สวนกู้ด้วยกัน มีของกินของดื่มอร่อยมากมาย ได้ยินว่าบ้านที่ครอบครัวจางเลี่ยฮู่กับกู้เสี่ยวหวานอยู่นั้นเหมือนกัน ของกินของดื่มก็เหมือนกัน

พอคนในหมู่บ้านอู๋ซีได้ยิน ต่างก็รู้สึกอิจฉา

กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ไม่เจียมตัวเลย กินอาหารของบ้านตระกูลจางได้มากหน่อย ตอนนี้ทุกคนก็มาตอบบุญคุณ เหมือนตกลงมาจากฟ้าชัด ๆ

คนเหล่านั้นมองดูฉือโถวอย่างอิจฉา

ฉือโถวเพิ่งขับรถม้า และเสื้อผ้าบนร่างกายดูดีกว่าของพวกเขามาก

เสื้อผ้าที่ฉือโถวสวมใส่ เกรงว่าชีวิตนี้ถึงตายก็คงไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ดีแบบนี้

ขณะที่เขากำลังอิจฉา ก็เห็นฉือโถวย้ายเก้าอี้ยาวเอาไปวางที่รถม้า

“มันวิเศษมาก” มีคนชะเง้อคอพลางทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วพูดว่า

“ตอนนี้ทุกคนต่างกัน แน่นอนว่าให้ความสำคัญ” มีคนพูดด้วยความอิจฉา

“สิ่งที่คนอื่นมีในตอนนี้ เกรงว่าพวกเราคิดทั้งชีวิตก็คงคิดไม่ออก” มีคนพูดด้วยความอิจฉาริษยา

“คิดทั้งชีวิตก็คิดในสิ่งที่คิดถึงได้ ข้าก็คิดทุกวัน อย่างน้อยก็ยังมอบมันให้กับคนรุ่นหลังข้าได้”

“ฝันไปเถอะ ดีสุดก็แค่กลับไปนอน แล้วฝันกลางวันเอา”

ชาวบ้านกลุ่มนั้นชะเง้อคอมองเข้าไปในรถม้า

คนแรกที่ลงมาจากรถม้าคือ ป้าจาง คนที่พวกเขาคุ้นเคยดี

ตอนนี้ป้าจางดูงดงามกว่าเก่านั้น ดูเหมือนว่าใบหน้าถูกทาด้วยชาดสีแดงและแป้งน้ำ ทำให้ทุกคนที่เห็นคิดว่านางเด็กลงสิบปี

ตรงไหนที่ยังมีรูปร่างท่าทางของหญิงสาวชาวบ้านอยู่

อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าบนร่างกายที่ล้วนทำมาจากวัสดุคุณภาพดี ไม่ใช่เสื้อผ้าที่คนทั่วไปสวมใส่ได้

เสื้อผ้าทำจากผ้าคุณภาพสูงและตัดเย็บอย่างดี เมื่อมองแวบแรกก็ดูออกว่าไม่ได้ซื้อมาจากร้านค้าทั่วไป

ทุกคนอิจฉาอยู่พักหนึ่ง

แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดว่าป้าจางเป็นเพียงชาวนา แต่ในตอนนี้ไม่คิดว่าจะโชคดีมากขนาดนี้ ได้ติดตามกู้เสี่ยวหวาน ชีวิตนี้ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด

ผู้หญิงบางคนในหมู่บ้านอู๋ซีแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่บ้านมีเงิน เมื่อเห็นครอบครัวที่ยากจนอย่างป้าจาง อย่างไรก็รู้สึกรังเกียจ

ทุกครั้งที่เห็นก็เชิดหน้าขึ้นฟ้าแล้วเดินจากไป

ตอนแรกดูถูกป้าจาง

ขาของลุงจางถูกสัตว์ร้ายกัดขาด เขาไม่มีขา รายได้หลักของครอบครัวทั้งหมดพังทลายแล้ว ภาระทั้งหมดของบ้านตอนนี้ตกอยู่ที่ป้าจาง

ป้าจางออกแต่เช้าและกลับมาดึกทุกวัน นางยุ่งอยู่กับงานในไร่และงานในบ้าน บนร่างกายมักจะสวมใส่เสื้อผ้าสีเทาโทรม ๆ และใส่รองเท้าผ้าสีดำ

ใบหน้าที่โดนลมและแสงแดดทำให้ใบหน้าหยาบกร้าน ท่าทางแบบนั้นเลยทำให้ดูแก่กว่าอายุ

ดังนั้นในอดีตผู้คนที่คิดว่าตนเองมีครอบครัวที่ร่ำรวยจะเกิดความรู้สึกรังเกียจ และไม่ต้องการมีความเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน

แต่ในตอนนี้ คนที่เคยดูถูกป้าจาง ครั้งนี้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

เนื่องจากป้าจางอยู่กับกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานก็รู้วิธีการดูแลตัวเองและมีของสำหรับความงามอยู่เสมอ นางไม่จำเป็นต้องตากแเดดทุกวัน

ยิ่งกว่านั้น เสื้อผ้าบนเรือนร่างก็ดูดีทั้งหมด แต่ละคนต่างเอาผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แถวนี้นี้มาเปรียบเทียบกันหมด

คนเหล่านั้นมองป้าจางด้วยความอิจฉาริษยา

ตามด้วยกู้ฟางสี่ที่ลงมาจากรถม้า

คนเหล่านั้นที่รู้จักกู้ฟางสี่ ครั้งนี้เจอนางกลับมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ

“นี่ไม่ใช่ฟางสี่หรือ ทำไมนางถึงกลับมาล่ะ นางควรอยู่ที่หมู่บ้านต้าหม่าไม่ใช่หรือ”

“ใช่สิ สามีนางยอมให้นางกลับมาหรือ”

“สามีอะไรล่ะ คนเขาหย่ากันนานแล้ว” คนที่รู้เรื่องนี้พูดว่า “ตอนข้ากลับหมู่บ้านต้าหม่า ผ่านบ้านหลิวชิงซานพอดี คนเขาเลิกกันนานแล้ว ตอนนี้กู้ฟางสี่ติดตามและอยู่กับกู้เสี่ยวหวานด้วยกัน”

พอกู้ฟางสี่ลงมา ก็ตามมาด้วยกู้เสี่ยวหวาน

ตอนนี้นางก็อายุสิบสี่ปีแล้ว ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร แค่เหยียบเก้าอี้แล้วกระโดดลงมา

ทุกคนมองนางด้วยความประหลาดใจ

ไม่ได้เจอกันหลายปี ก่อนหน้านี้ยังเป็นตุ๊กตาตัวน้อยมีขี้มูกอยู่เลย แต่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว