บทที่ 1148+1149 หน้าตาดี/ไม่เชื่อว่าจะไม่หวั่นไหว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1148+1149 หน้าตาดี/ไม่เชื่อว่าจะไม่หวั่นไหว

บทที่ 1148 หน้าตาดี

นับตั้งแต่เกาเหลียนจืออายุสิบขวบ เกาซื่อมักจะได้รับคำแนะนำจากพี่ของตนเองเสมอ โดยบอกให้นางหาครอบครัวที่ดี แล้วส่งลูกสาวไปแต่งงาน

เกาซื่อเป็นเป็นเพียงจากหญิงจากหมู่บ้านชนบท ไม่เคยเห็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจ แม้จะพยายามค้นจนสุดความสามารถแล้วก็ยังไม่พบ

ครั้งนี้ทันทีที่กู้หนิงอันกลับมา หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงคิดแผนการนี้ขึ้นมา

หากกู้หนิงอันถูกตาต้องใจเกาเหลียนจือ เกาเหลียนจือจะยอมแต่งงานเข้าตระกูลกู้หรือไม่?

ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของตระกูลเกาที่ต้องการขายลูกสาวในราคาสูง แต่ยังบรรลุจุดประสงค์ของเขาที่ต้องการประจบสอพลอกู้เสี่ยวหวาน

มันเหมือนกับปาก้อนหินหนึ่งก้อนฆ่านกได้ถึงสองตัว

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เกาซื่อก็ฉีกยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกถึงรูหู

เกาซื่อพาเกาเหลียนจือกลับบ้าน และหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นเกาเหลียนจือที่เขาไม่ได้เจอมาหลายปี และตอนนี้นางก็งดงามขึ้นเรื่อย ๆ

ช่างงดงามและอ่อนโยนราวกับหญ้าที่ปลิวไสวไปตามสายลม ช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก

ปีนี้นางอายุสิบสองปี และตอนนี้ความงดงามของนางก็เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ

ช่างเป็นความงดงามแสนละเอียดอ่อน

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองดูมันด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายที่มุมปากของเขา

เกาเหลียนจือรู้ตัวว่าตอนเองสวย ยามเดินเล่นภายในหมู่บ้านมีผู้ใดบางที่จะไม่มองนาง

ตั้งแต่เด็กจนโต นางเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของบิดามารดาและพี่ชาย ทุกวันใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล

“เหลียนเอ๋อร์ มาหาข้าเร็วเข้า นับวันเจ้ายิ่งสวยขึ้น” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นว่านางยืนนิ่งเงียบ เขาก็หุบยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่ได้เจออาของเจ้ามานานแล้ว สองสามวันมานี้ต้าเปาไม่อยู่บ้าน เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนอาของเจ้าก่อนสิ”

ตอนแรกเกาเหลียนจือใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านดี ๆ แต่จู่ ๆ บิดามารดาก็สั่งให้ตนออกมากับท่านอาโดยไม่ถามความสมัครใจจากนางสักคำ

สิ่งนี้ทำให้เกาเหลียนจืองุนงงเป็นอย่างมาก

นางเคยมาที่แห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้นางไม่ได้มานานแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกว่าที่นี่เหมือนสถานที่อันไม่คุ้นเคย เกาเหลียนจือมองไปที่อาหญิงของตนเองอีกครั้ง และนางมักจะส่งยิ้มให้ตนเองตลอดเวลา

หากแต่เกาเหลียนจือไม่ได้เก็บสิ่งนี้มาใส่ใจ

“ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านอาเอง” เกาเหลียนจือและเกาซื่อค่อนข้างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

หลังจากพูดจบเกาซื่อก็พาเกาเหลียนจือไปไปบ้านที่ตนเองอาศัยอยู่ในตอนนี้

ภายในห้องมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับเตรียมไว้สำหรับเกาเหลียนจือมากมาย เด็กหญิงรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นสิ่งของเหล่านั้นภายในบ้านของท่านอา

เมื่อมองดูชุดและเครื่องประดับเหล่านั้น เกาซื่อก็ร้องขอให้นางเปลี่ยนชุด

เกาเหลียนจือยืนนิ่งไม่ไหวติง นางขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านอา ทำไมท่านใจดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่เคยร้องขอสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ”

เกาเหลียนจือผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครพูดถึงจุดประสงค์ต่าง ๆ ต่อหน้านาง และไม่มีใครล่วงรู้เกี่ยวกับแผนการของบิดามารดา

ดังนั้นเกาเหลียนจือจึงคิดเสมอว่านางเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวเกา

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าถูกพามาที่หมู่บ้านอู๋ซีเพียงลำพัง ไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่ นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“ท่านอา สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร” เกาเหลียนจือถามอย่างสงสัย

“เจ้าเด็กโง่ ข้าเตรียมของพวกนี้ไว้ให้แล้ว เสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่ ๆ ไปลองดูสิ” เมื่อเห็นว่านางไม่สะทกสะท้านกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่เหล่านี้ เกาซื่อก็แอบสบถในใจ

เกาเหลียนจือยังคงนิ่งเงียบไม่ขยับ ก่อนจะส่ายหัวและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านอา ข้าคงรับไว้ไม่ได้”

มีคนเคยบอกนางว่าอย่ารับของที่ผู้อื่นมอบให้

เกาเหลียนจือทำไม่ได้

“เหตุใดถึงไม่รับเอาไว้เล่า” เกาซื่อสับสนเล็กน้อย เด็กคนนี้โง่เขลานัก เด็กผู้หญิงคนไหนจะไม่มีความสุขที่เห็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สวยงามนี้ แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ต้องการมัน

“มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องรับไว้” เกาเหลียนจือหลุบตามองปลายเท้าตนเอง ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

“พ่อแม่ของเจ้าส่งเจ้าไปเรียนหนังสือสินะ” เกาซื่อตะคอกด้วยความประหลาดใจ พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของนางใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อหาครอบครัวสามีที่ดีให้กับเด็กสาวคนนี้

ไม่เป็นไร…ตราบใดที่นางพบครอบครัวของสามีที่ดี เงินทั้งหมดที่ใช้ไปกับนางก่อนหน้านี้จะได้กลับคืนมาในคราวเดียว

นางเป็นผู้หญิง ดังนั้นการแต่งงานกับครอบครัวที่ดีก็เพื่อประโยชน์ของนางเช่นกัน

เกาเหลียนจือได้ยินเกาซื่อถามและมองตนเองด้วยความสงสัย ใบหน้าเรียวเล็กของนางขึ้นสีแดงระเรือราวกับกลัวว่าเกาซื่อจะเห็นอะไรบาง จากนั้นพลันก้มหน้างุด

“ข้าเปล่า…ท่านอา เพียงแต่ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง”

เกาเหลียนจือหน้าแดงก่ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าใบหน้าสวย ๆ นั้นน่ารักแค่ไหน

นอกจากนี้ยังมีความเขินอายและความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเป็นระยะในสายตา หากตนเองเป็นผู้ขาย คงจะออกมาปกป้องอีกฝ่ายทันทีอย่างแน่นอน

พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้นี่สอนลูกดีจริง ๆ อายุยังน้อย แต่เพียงแค่แววตาคู่เดียวก็ยั่วยวนผู้คนได้มากมาย

เกาซื่อดูพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หยิบปิ่นเงินที่เตรียมไว้ เดินไปหยุดข้างกายเกาเหลียนจือแล้วปักลงบนผมของนาง พลางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เด็กโง่ ข้าเป็นอาของเจ้า มันเป็นของที่ข้าอยากมอบให้เจ้า ข้าไม่ได้หวังสิ่งใดทั้งสิ้น”

ปิ่นสีเงินนั้นเป็นรูปแบบยอดนิยมของหญิงสาว ซึ่งมันสวยงามเป็นอย่างมาก

เกาเหลียนจือถูกลากเข้าไปในห้องด้านในโดยเกาซื่อ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เกาเหลียนจือดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน

หญิงสาวสวมใส่ชุดสีแดงสด บนศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมเงิน เครื่องแต่งกายนี้ขับให้เด็กหญิงดูสวยสง่าราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด

ความงดงามปรากฏสู่สายตาทำให้เกาซื่ออดชื่นชมนางไม่ได้ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วพี่ชายและพี่สะใภ้ของตนทำบุญใดมาถึงได้มีลูกสาวที่งดงามเช่นนี้

ด้วยรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ นับประสาอะไรกับการแต่งงานในตระกูลที่ดี ตราบใดที่สถานะของนางดีขึ้น วันข้างหน้านางอาจจะได้เข้าวังและกลายเป็นนางสนมที่ฮ่องเต้โปรดปราน

….

บทที่ 1149 ไม่เชื่อว่าจะไม่หวั่นไหว

“จุ๊ ๆ เหลียนจือ เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน” เกาซื่อชมแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าดูดีมาก เจ้าสามารถเข้าวังไปเป็นนางสนมได้”

หลังจากที่เกาซื่อพูดจบ เกาเหลียนจือก็หมดความอดทน และพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านอา ท่านอย่าได้พูดเรื่องไร้สาระ ข้าไม่ต้องการเข้าวังเพื่อเป็นนางสนม”

ครั้นเห็นว่าเด็กหญิงคนนี้กล่าวว่าไม่ต้องการเข้าวัง เกาซื่อจึงมุ่ยปากและตำหนิเล็กน้อย “การที่จะได้เป็นนางสนมในวังนับว่าเป็นพรของชีวิต การได้รับโอกาสดี ๆ เช่นนั้น เหตุใดจึงไม่รีบคว้าเอาไว้”

เกาซื่อหวั่นเกรงว่าพี่ชายและพี่สะใภ้จะตำหนินาง เพราะพวกเขาล้วนอยากที่จะส่งเกาเกลียนจือเข้าวัง

แต่เด็กคนนี้นั้นทำตัวไม่ได้ดั่งใจเหลือเกิน

“ข้าไม่ไป… ข้าต้องการอยู่กับคนที่ข้ารัก และใช้ชีวิตเรียบง่ายไปด้วยกันตลอดชีวิต” เกาเหลียนจือวาดฝันไว้อย่างงดงาม

แต่สิ่งที่นางเอ่ยออกมายิ่งทำให้เกาซื่องุนงงยิ่งนัก

พี่ชายและพี่สะใภ้เลี้ยงดูเด็กคนนี้เพื่อความมั่งคั่งและมั่งมีมากตลอด เหตุใดนางจึงมีความคิดแตกต่างจากบิดามารดาอย่างสิ้นเชิง?

สำหรับเกาซื่อ เนิ่นนานแล้วที่นางไม่ได้พบเจอกับหลานสาวผู้นี้ ทุกครั้งที่เจอกันก็จะเป็นช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่า ซึ่งเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

รู้แค่ว่าหลานสาวผู้นี้ยิ่งโตยิ่งงาม

นอกเหนือจากนี้นางก็ไม่รู้อะไรแล้ว

ทำไมหลานสาวผู้นี้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่นางคิดไว้

เกาซื่อไม่มีเวลาคิดมากและไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้หลานคนนี้แปลกแยกไป หลังจากที่นางแต่งตัว เกาซื่อเห็นว่าทุกอย่างเกือบจะเรียบร้อยแล้ว

นางจับเกลาเหลียนจือหมุนซ้ายหมุนขวาสำรวจร่างกายอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี จึงลากหลานสาวออกมาจากในห้อง ทั้งยังอธิบายอย่างโอ้อวดอีกว่า

“เหลียนจือ เจ้าไม่มาที่นี่นานแล้ว หลายปีมานี้หลายอย่างเปลี่ยนไปมาก วันนี้ข้าจะพาไปเที่ยวเล่นรอบหมู่บ้าน เพื่อดูว่าหมู่บ้านภายใต้การดูแลของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเป็นอย่างไร”

เมื่อเห็นว่าอาหญิงเสนอตัวเป็นผู้พาตนเองเดินเที่ยวรอบหมู่บ้าน เกาเหลียนจือจึงไม่ได้ปฏิเสธ

ในเวลานี้กู้หนิงอันน่าจะยังทบทวนบทเรียนอยู่บริเวณลำธาร เกาซื่อจึงคิดจะพานางไปที่นั้น

ตอนนี้เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ชาวบ้านต่างก็ทยอยกันออกจากบ้านเพื่อออกมาเดินเล่นรับลม คราวนี้เมื่อเห็นว่าเกาซื่อเดินมาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย ทุกคนต่างชะเง้อหน้ามองเด็กสาวคนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หญิงสาวคนนั้นงดงามจริง ๆ

ทุกคนไม่อาจละสายตาจากนางได้

เกาเหลียนจือก้าวเท้าเร็วขึ้นเพราะเขินอายต่อสายตาผู้คน

เกาซื่อมองเกาเหลียนจือด้วยความภาคภูมิใจ

ด้วยรูปร่างหน้าตาของเกาเหลียนจือ เกาซื่อไม่เชื่อว่ากู้หนิงอันจะไม่หวั่นไหว

กู้หนิงอันมักจะไปนั่งทบทวนบทเรียนบริเวณโขดหินขนาดใหญ่ริมลำธารในตอนเช้า

แน่นอนว่าเมื่อเข้าใกล้ลำธารมากขึ้น นางเห็นกู้หนิงอันยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ในชุดสีขาวสง่า

เกาซื่อยิ้มอย่างมีชัยขณะมองไปที่เกาเหลียนจือผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร ทันใดนั้นก็ยกมือกุมท้อง สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปและเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “เหลียนจือ เจ้าเดินไปรอข้างที่ลำธารก่อน อยู่ ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา ประเดี๋ยวข้ากลับมา”