บทที่ 1150 นายน้อยชุดขาว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1150 นายน้อยชุดขาว

บทที่ 1150 นายน้อยชุดขาว

หลังจากพูดเสร็จ เกาซื่อก็กุมท้องรีบสาวเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหายลับไปอย่างไร้ร่องรอยจนเกาเหลียนจือไม่ทันจะบอกว่าตนเองจะเดินไปกับนาง

เกาเหลียนจือกวาดสายตามองซ้ายแลขวา พลันเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจ

ข้างลำธารไม่มีใครเลยนอกจากชายชุดขาวผู้นั้น ท่านอาพานางที่นี่ทำไมกัน?

เกาเหลียนจือเต็มไปความสงสัย และต้องกลับบ้านเดียวนี้ แต่กลัวว่าท่านอาจะกลับมาแล้วหาตัวนางไม่พบ ดังนั้นจึงไปที่ลำธารตามคำขอของอีกฝ่าย

ยามนางเข้าใกล้ลำธารมากขึ้น เสียงนุ่มนวลของชายชุดขาวพลันดังขึ้น

“สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของเหล่าชายหนุ่ม” เสียงของกู้หนิงอันเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ด้วยเหตุผลบางอย่างเกาเหลียนจือดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำให้ใบหน้าของนางนั้นแดงก่ำ

เกาเหลียนจือก้มหน้างุด สาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้บริเวณลำธาร ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงอย่างเชื่องช้า สายตาจองมองธารน้ำใส หากแต่หูยังเงี่ยฟังเสียงของอีกฝ่าย

น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่ำทำให้ความคิดของนางล่องลอยไปไกล

ใบหน้าแดงซ่านราวกับผลหยางเหมยสุกงอม

กู้หนิงอันไม่รู้ว่ามีเด็กสาวนางหนึ่งอยู่ไม่ห่างจากเขา และเอาแต่จดจ่ออยู่แต่กับหนังสือตรงหน้า หลังจากกลับจากเมืองหลิวเจีย กู้หนิงอันค้นพบว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เงียบสงบในการอ่านหนังสือ

ลำธารมีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก ภูเขาที่เงียบสงบและมีเสียงร้องขับขานอันไพเราะของนกน้อย ยามเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือ การมองสายน้ำไหลเชี่ยวและภูเขาที่เงียบสงบเป็นเรื่องที่วิเศษมาก

ดังนั้นกู้หนิงอันจึงมาที่แห่งนี้ทุกเช้า หลังจากช่วงเวลาที่กลุ่มผู้หญิงมาตักน้ำและซักผ้าเสร็จแล้ว

ที่นี่มีเพียงเขาคนเดียว และไม่มีผู้ใดมารบกวน

เกาเหลียนจือลอบฟังอีกฝ่ายอ่านหนังสืออย่างเงียบ ๆ

ดูเหมือนว่าความคิดของนางจะรวมเข้ากับเสียงของกู้หนิงอันอย่างสมบูรณ์

เกาซื่อเดินออกไปไม่ไกลก็หันศีรษะกลับมามอง และเห็นว่าเกาเหลียนจือมุ่งหน้าไปยังลำธารตามที่ตนสั่งแล้วก็เบี่ยงตัวหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ลอบมองเกาเหลียนจือมองไปที่กู้หนิงอันอย่างเขินอาย ใบหน้าผู้เป็นหลานสาวของนางแดงก่ำ

เกาซื่อรู้สึกมีความสุขมาก

กู้หนิงอันคนนั้นดูดีและเป็นบัณฑิต ตอนนี้ในครอบครัวของเขาก็มีเสี้ยนจู่ระดับห้า ครอบครัวของเขามีทั้งอาหาร ที่ดิน และบ้านหลังใหญ่โต หากเกาเหลียนจือสามารถแต่งงานกับตระกูลกู้ได้ มันก็เป็นเพราะนางทำบุญมามากในชีวิตที่แล้ว

หัวใจของเกาซื่อรู้สึกยินดีเมื่อคิดว่า เมื่อตนเองพาเกาเหลียนจือไปที่หมู่บ้านอู๋ซี และบอกถึงสถานะของกู้หนิงผิงให้พี่ชายและพี่สะใภ้ฟัง ดวงตาของเขานั้นเปล่งประกาย

มันคือความมั่นคงที่พวกเขาใฝ่หา หากพวกเขาสามารถแต่งงานกับตระกูลกู้ได้ ตระกูลเกาของพวกเขาจะเจริญรุ่งเรือง

ไม่เพียงแต่พี่ชายและพี่สะใภ้ของเกาซื่อเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แม้แต่เกาซื่อก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

หากเกาเหลียนจือแต่งงานกับกู้หนิงอัน ตระกูลกู้และตระกูลเหลียงก็จะเกี่ยวดองกันด้วย

แล้วจากนี้ไปเรื่องของต้าเปาจะเป็นเรื่องของตระกูลกู้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เกาซื่อเกือบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่นางกลัวว่าจะทำลายความสงบของบริเวณโดนรอบ ดังนั้นนางจึงรีบปิดปากและจ้องไปยังกู้หนิงอันกับเกาเหลียนจือไม่กะพริบตา

เกาเหลียนจือรู้สึกทึ่งกับการอ่านของกู้หนิงอัน และด้วยความไม่ระวังทำให้ผ้าเช็ดหน้าในมือตกลงไปในลำธาร และไหลไปตามสายน้ำ

เมื่อถึงเวลาที่นางค้นพบ ผ้าเช็ดหน้าได้ลอยผ่านหน้ากู้หนิงอันไปแล้ว

จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ผ้าเช็ดหน้าของข้า!”

การอ่านหนังสือของกู้หนิงผิงถูกขัดจังหวะ จึงหันกลับไปมองตามเสียงนั้น และเห็นเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าง้ำงอ สายตาของนางจ้องมองลำธารที่ไหลเชี่ยวด้วยสายตาที่เป็นทุกข์

กู้หนิงอันรีบมองไปตามสายตาของเด็กสาว และพบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งลอยผ่านหน้าตนเองไป

กู้หนิงอันยัดหนังสือไว้ในเสื้อโดยไม่ได้คิด เขากระโดดลงไปในลำธารโดยไม่สนใจจะถอดรองเท้า และคว้าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมา

เกาซื่อซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ดูฉากนี้ นางดีใจแทบจะปรบมือออกมา

เคล็ดลับในการโยนผ้าเช็ดนี้ไม่สร้างความรำคาญ และเมื่อเห็นกู้หนิงผิงไปอาสาเก็บผ้าเช็ดหน้าของหลานตนเอง ก็รู้สึกภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น

เด็กสาวที่โดนสอนด้วยครอบครัวพี่ชายนั้นฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก

กู้หนิงอันหยิบผ้าเช็ดหน้าเดินไปบริเวณฝั่ง เงยหน้าสบตาเกาเหลียนจืนที่ยืนหน้าแดงอยู่ “ขอบคุณนายน้อย เสื้อผ้าของท่านเปียกไปหมดแล้ว”

เบ้าตาแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิดบนใบหน้า เบะปากราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ

รองเท้าและกางเกงของกู้หนิงอันเปียกโชก และสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงก็หนาวเย็น

กู้หนิงอันเปียกตั้งแต่เข่าจนถึงปลายเท่า ยามสายลมพัดผ่านทำให้รู้สึกหนาวไม่น้อย เดิมทียังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยาม แต่ในสภาพนี้ เกรงว่าจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเป็นหวัดเอาได้

กู้หนิงอันบิดน้ำออกจากกางเกง ใบหน้าของเกาเหลียนจือเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และเริ่มร้องไห้ออกมา “นายน้อย ข้าขอโทษ มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด”

กู้หนิงอันส่ายศีรษะและเมื่อเห็นหญิงสาวพูดเอ่ยปากไม่กี่คำก็ร้องไห้ออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร คราวหน้าระวังตัวด้วย”

เมื่อเกาเหลียนจือได้ยินสิ่งนี้ นางต้องการใช้เสื้อผ้าของนางเพื่อช่วยกู้หนิงอันเช็ดตัวทันที

เมื่อกู้หนิงอันเห็นจึงรีบถอยหลังไปด้านหลัง และหมุนกายเตรียมจากไปอย่างเฉยเมย

เมื่อเกาเหลียนจือเห็นว่ากู้หนิงอันช่วยนาง และกำลังจะจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ นางก็สะอื้นไห้ “นายน้อย ข้าขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่ ท่านช่วยข้า…แต่ข้ายังไม่รู้ชื่อท่านเลย”

กู้หนิงอันไม่ชอบน้ำตาของผู้หญิง เมื่อเห็นว่าเกาเหลียนจือเพิ่งทำผ้าเช็ดหน้าตกน้ำ ดังนั้นจึงรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย หากแต่ก็เขินอายเกินกว่าจะแสดงออกมา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดอย่างเย็นชา “มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย แม่นางไม่ควรเก็บมันมาใส่ใจ”

หลังจากพูดเขาก็ก้าวเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันไปแล้ว เกาเหลียนจือมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชุ่ม

เมื่อเห็นชายในชุดขาวจากไป นางก็มองไปรอบ ๆ ครู่หนึ่ง และสงสัยว่าทำไมท่านอาของตัวเองยังไม่กลับมา ใบหน้าจึงเกิดความกังวลเล็กน้อย

โชคดีที่เกาซื่อเห็นว่ากู้หนิงอันจากไปไกลแล้ว ดังนั้นจึงออกมาจากหลังต้นไม้โดยทำราวกับว่านางไม่รู้อะไรเลย และเมื่อนางเห็นเกาเหลียนจือจึงอุทานว่า “เหลียนจือ เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเหมือนร้องไห้เลย”

ก่อนที่เกาเหลียนจือจะเอ่ยพูด เมื่อเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าในมือหลานสาวยังคงมีน้ำหยดอยู่และอุทานอีกครั้ง “เหลียนจือ ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นอะไร? มันตกลงไปในน้ำหรือ? เจ้าเก็บมันขึ้นมาได้อย่างไร?”

เมื่อเกาเหลียนจือเห็นว่าอาหญิงของนางถามดังนั้น นางรีบส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ท่านอา ข้าไม่เป็นอะไร ข้าไม่เป็นอะไร”

เกาซื่อพึงพอใจในตัวเอง แต่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลและรีบถามว่า “ผ้าเช็ดหน้าของเจ้าเปียก มันตกลงไปในลำธารหรือเปล่า”

เกาเหลียนจือพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ”

“เจ้าเด็กโง่ ถ้ามันตกน้ำก็ปล่อยให้มันตกไปสิ แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว ถ้าเจ้าตกน้ำขึ้นมาจะทำอย่างไร!”

ครั้นเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของผู้เป็นอา เกาเหลียนจือรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย “ท่านอา ข้าไม่ได้เก็บมันเอง มีนายน้อยชุดขาวใจดีคนหนึ่งเป็นคนเก็บขึ้นมาให้ข้า” เกาเหลียนจือยังไม่ได้พูดอะไร แต่หลังจากนั้นใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

เมื่อครู่เกาซื่อหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ และเห็นการกระทำของทั้งสองทั้งหมด และสามารถมองเห็นความเขินอายของหลานสาวได้ทั้งหมด

“นายน้อยชุดขาวใจดี?” เกาซื่อทำท่าราวกับไม่รู้เรื่องพลางเอ่ยต่อ “ที่นี่มีแค่เจ้ากับข้า ไม่เห็นมีนายน้อยชุดขาวอะไรนั่นเลย”

“ท่านอา เขาคือชายในชุดขาวที่อ่านหนังสืออยู่บนโขดหินก้อนใหญ่ในเมื่อครู่” เกาเหลียนจือไม่เห็นการแสดงออกในสายตาของท่านอา นางหันศีรษะและชี้ไปที่โขดหินก้อนใหญ่ แล้วพูดว่า “นั่น เมื่อครู่นี้เขายืนอยู่ตรงนั้น”

“โอ้” เกาซื่อแสร้งทำเป็นเสียใจมากและพูดต่อ “เฮ้อ ทั้งหมดเป็นเพราะข้าปวดท้อง ข้ามาช้าไป ไม่เช่นนั้นข้าก็คงรู้ว่าใครใจดีเก็บผ้าเช็ดหน้าให้เจ้า พวกเราจะได้ไปขอบคุณเขาได้”

หลังจากที่เกาเหลียนจือได้ฟัง นางก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านอา เขาเก็บผ้าเช็ดหน้าให้ข้า กระโดดลงไปในน้ำโดยไม่สนใจตัวเองเลย ร่างกายของเขาเปียกปอนไปหมด ข้าต้องขอบคุณเขาจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ผ้าเช็ดหน้าที่ท่านอามอบให้ข้าก็คงไหลไปกับกระแสน้ำ” เกาเหลียนจือแสดงความขอบคุณ

“เด็กโง่ ถึงเจ้าจะมีนิสัยซื่อตรง ถ้าผ้าเช็ดหน้าหายไป ข้าจะซื้อผืนใหม่ให้เจ้า” เกาซื่อพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ หากแต่แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกาเหลียนจือจึงรีบพูดว่า “ท่านอาต้องไม่ทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านให้เสื้อผ้าและเครื่องประดับมากมายแก่ข้าแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ท่านจะต้องให้ข้าอีก”

เกาเหลียนจือดูระแวดระวัง

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่คุยแล้ว” เมื่อเห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกของเกาเหลียนจือ เกาซื่อก็ยิ้มและพูดว่า “ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปรอบ ๆ หมู่บ้านอีกครั้งเพื่อพบปะผู้คน เจ้าจะต้องอยู่ในหมู่บ้านนี้ไประยะหนึ่ง และมันคงไม่สนุกหากต้องติดตามหญิงชราอย่างข้าไปตลอด ทำไมเจ้าไม่ไปเล่นกับเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านเหล่านั้นล่ะ”