บทที่ 1151 น่าสงสัย

บทที่ 1151 น่าสงสัย

เกาเหลียนจือรีบพูดว่า “ท่านอา ข้ามาที่นี่เพื่ออยู่กับท่าน ข้าจะไม่ไปไหน…ข้าจะอยู่กับท่าน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เกาซื่อก็รีบพูดว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่อติดตามข้า แต่ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าอุดอู้อยู่แต่ในบ้านได้ เหลียนจือตอนนี้เจ้าไม่เด็กแล้ว ปีนี้เจ้าอายุสิบสองแล้ว”

เกาเหลียนจือพยักหน้า “ใช่แล้ว หลังจากขึ้นปีใหม่ข้าก็จะมีอายุสิบสามปี”

เกาซื่อปรบมือแล้วกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เจ้าไม่เด็กแล้ว และเจ้าก็งดงามยิ่งนัก ข้าไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีใครมาแต่งงานกับเจ้า แต่คงจะเป็นโชคแปดชั่วอายุคนจริง ๆ”

เมื่อเกาเหลียนจือได้ยินเกี่ยวกับการแต่งงาน ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง และพูดอย่างเขินอายว่า “ท่านอา ท่านอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ข้ายังเด็ก ข้าอยากอยู่กับท่านพ่อท่านแม่อีกสักสองสามปี”

เมื่อเห็นใบหน้าเขินอายของเกาเหลียนจือ เกาซื่อก็หัวเราะเยาะในใจ เด็กคนนี้ช่างโง่เขลา นางไม่รู้หรือว่าท่านพ่อท่านแม่รอแทบไม่ไหวที่จะส่งนางออกไป และไล่ถามผู้คนว่าพวกเขาต้องการลูกสะใภ้หรือไม่

ตระกูลกู้มีอำนาจและร่ำรวย หากเกาเหลียนจือสามารถแต่งงานเข้าตระกูลกู้ได้ นั่นหมายความว่าในชีวิตที่แล้วพวกเขาได้ทำดีมากมาย

“เจ้าเด็กโง่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนกตัญญู” เกาซื่อจับมือเกาเหลียนจือและเดินเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับพูดว่า “ในชีวิตนี้ ข้าไม่มีลูกสาว ข้าให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง และลูกชายก็ให้กำเนิดลูกชาย ไม่มีลูกสาวแม้แต่คนเดียว บังเอิญว่าท่านพี่ต้าเปาของเจ้าออกไปเที่ยวเล่นในช่วงเวลานี้และข้าเป็นหญิงชราที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก ดังนั้นข้าจึงพาเจ้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าไปสักพักหนึ่ง ถือว่าช่วยข้าจากความเจ็บปวดที่ไม่มีลูกสาว”

เกาซื่อจับกุมมือของเกาเหลียนจือไม่ปล่อย

เมื่อเกาเหลียนจือเห็นท่าทางกระตือรือร้นเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองก็ประทับใจ เดิมทีทั้งสองเองก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองกำลังใกล้ชิดกันขึ้นไปอีก

เกาเหลียนจือยังจับแขนของเกาซื่อด้วยความรัก พูดคุยกับเกาซื่อตลอดทางด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า

อากับหลานสาวกำลังคุยกัน และในชั่วพริบตาพวกนางก็มาถึงหมู่บ้าน

กางเกงและรองเท้าของกู้หนิงอันเปียกโชก และรีบมุ่งตรงกลับบ้านโดยไม่แวะที่ใด

เมื่อเดินกลับถึงบ้านก็เคาะประตูอย่างเร่งรีบ ไม่นานฉือโถวก็ออกมาเปิดประตู และบังเอิญเจอกับกู้เสี่ยวหวานที่กำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันกลับมาเร็วกว่าที่คิด จึงเกิดความสงสัยเล็กน้อย “หนิงอัน เหตุใดถึงกลับมาเร็วเช่นนี้?”

กลับมาเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วยาม

กู้หนิงอันเดินเข้าไปในบ้านเร็วรี่ กู้เสี่ยวหวานมองไปที่เท้าของกู้หนิงอัน ร่างกายของเขาเปียกโชก นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและถามอย่างเป็นทุกข์ “เกิดอะไรขึ้น รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ช้ากว่านี้อาจจะเป็นหวัดได้”

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนิงอันถึงมาแล้วล่ะ” กู้ฟางสี่ก็ออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังโวยวาย เมื่อเห็นสภาพหลานชาย นางก็ตื่นตระหนก

กู้เสี่ยวหวานดึงกู้หนิงอันกลับไปที่ห้อง และสั่งให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเร็วที่สุด กู้ฟางสี่จึงปรี่ไปที่ห้องครัว และทำน้ำแกงขิงหนึ่งชาม

นอกจากนี้ยังขอให้ฉือโถวเตรียมน้ำร้อนเพื่อให้กู้หนิงอันแช่เท้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น

กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาถามให้มากความ ดังนั้นนางจึงรีบขอให้ทุกคนเตรียมตัว

หากเป็นหวัดในยุคโบราณที่วิทยาการทางการแพทย์ยังด้อยพัฒนาอย่างนี้ อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้

กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถประมาทได้

น้ำร้อนถูกนำเข้ามาอย่างรวดเร็ว และรีบนำมาให้กู้หนิงอันแช่เท้า

น้ำแกงขิงของกู้ฟางสี่ก็พร้อมแล้ว นางรีบนำไปให้กู้หนิงอันดื่มในขณะที่ยังร้อนอยู่

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงเปียกแบบนั้น เจ้าได้ลงไปในน้ำหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าเขาดื่มน้ำแกงขิงหมดแล้ว และเริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา นางจึงถามด้วยความโล่งใจ

“พี่ท่าน ตอนข้าอ่านหนังสือ มีแม่นางคนหนึ่งทำผ้าเช็ดหน้าตกน้ำ ข้าจึงรีบลงไปในน้ำจนลืมถอดรองเท้า” กู้หนิงอันตอบอย่างตรงไปตรงมา

“แม่นาง? ปกติเจ้าไม่ได้อ่านหนังสือตอนที่ผู้คนกลับมาหมดแล้วหรือ? จะมีผู้หญิงได้อย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างสงสัย

ลำธารเป็นที่ที่ชาวบ้านในหมู่บ้านใช้ซักผ้า ล้างผัก และตักน้ำดื่ม โดยปกติแล้วผู้ที่ซักผ้าที่นี่จะเป็นผู้หญิง และผู้ที่มาตักน้ำจะเป็นคนในหมู่บ้านเช่นกัน

แต่ทุกคนจะไปเช้ามาก ในเวลานี้พูดตามเหตุผลไม่ควรมีใครอยู่ริมลำธาร

ยิ่งไปกว่านั้น…สถานที่นั้นอยู่ห่างจากหมู่บ้านเล็กน้อย และเด็กสาวทั่วไปมักจะไม่ไปที่นั้นเพียงคนเดียว

“ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก”

“แล้วเจ้ารู้จักหญิงคนนั้นหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว

“ไม่คุ้นหน้าเลยขอรับ แต่ดูแล้วเหมือนจะอายุใกล้เคียงกับข้าง นานมากแล้วข้าออกจากหมู่บ้านอู๋ซีไป ข้าไม่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่านางมาจากตระกูลใด” กู้หนิงอันตอบตามความเป็นจริง

“นางกำลังทำอะไรอยู่…ตักน้ำหรือซักผ้า?” กู้เสี่ยวหวานยังคงซักถามต่อ

กู้หนิงอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ได้ทำอะไร ดูเหมือนว่าจะนั่งอยู่ที่นั่น”

กู้หนิงอันหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือในเวลานั้น เขาจึงไม่ได้สังเกตว่ามีผู้หญิงคนนี้อยู่ข้าง ๆ เขา

เมื่อหญิงสาวอุทาน ผ้าเช็ดหน้าก็ลอยไปทางกู้หนิงอันแล้ว

กู้หนิงอันไม่ได้ใส่ใจและรีบกระโดดลงไปเก็บผ้าเช็ดหน้า เขาจึงไม่พบอะไรเลย

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าตอบรับ “สองวันนี้ เจ้าควรจะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน อย่าไปที่ลำธารอีก”

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจว่าจะเป็นใคร ผู้หญิงหน้าตาดีจะวิ่งไปที่ลำธารโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร

ไม่ได้ไปตักน้ำและไม่ได้ไปซักผ้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย

กู้หนิงอันพยักหน้าและพูดว่า “ข้ารู้ ท่านพี่ สองวันนี้ข้าจะอยู่ที่บ้านไม่ไปไหน”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้รบกวนเขา แต่ออกไปข้างนอกและปล่อยให้กู้หนิงอันอ่านหนังสือ

แต่ก็ยิ่งฉงนในใจว่าเหตุใดเด็กสาวคนหนึ่งถึงไปที่นั่นไปตามลำพัง

อย่างไรก็ตาม นางไม่ทราบว่าเป็นคนจากครอบครัวใด ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยมันไป