ตอนที่ 1132 รีบร้อน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1132 รีบร้อน

สีหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบเฉยเหมือนเคย ทว่า รู้สึกอุ่นวาบขึ้นในใจทันที เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน “จักรพรรดินีแห่งต้าโจวตรัสถูกแล้ว”

เมื่อส่งมู่หรงเหยี่ยนและแม่ทัพของต้าเยี่ยนออกไปจากจวนเสร็จ ไป๋ชิงอวี๋ส่งเตาอุ่นมือให้ไป๋ชิงเหยียน เสิ่นชิงจู๋ยื่นถุงมือกำมะหยี่สีขาวให้ไป๋ชิงเหยียน

“แม้เมืองผิงตู้จะอยู่ไม่ห่างจากเมืองผิงหยางมากนัก ทว่า ตอนนี้อากาศหนาวกว่าเดิมมาก คุณหนูใหญ่สวมถุงมือกันไว้ดีกว่าเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนรับเตาอุ่นมือและถุงมือมาสวมยิ้มๆ จากนั้นเดินกลับเข้าไปด้านใน

หลังคากระเบื้องของจวนหรูหราและมั่งคั่งถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะ ผ้าม่านไม้ไผ่แขวนอยู่สองข้างทางของระเบียงทางเดิน โคมไฟหกเหลี่ยมที่ยังไม่ได้ถูกจุดไฟแกว่งสะบัดไปมาตามแรงลม

ไป๋ชิงอวี๋ในชุดเสื้อคลุมกันลมสีขาวเดินทอดยาวไปตามระเบียงทางเดินพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน

ชายหนุ่มหันไปถามไป๋ชิงเหยียน “เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงมอบช้างจำนวนมากกว่าให้ต้าเยี่ยนขอรับ จากผลงานในครั้งนี้หากพี่หญิงแบ่งช้างให้สองแคว้นจำนวนเท่ากันก็ถือว่าดีมากแล้วขอรับ การมอบช้างมากกว่าให้ต้าเยี่ยนคงทำให้ทหารต้าโจวไม่พอใจมาก มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ทะเลาะกันที่นอกเมืองเช่นนี้ขอรับ”

“พี่รู้ดี…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ

“พี่ชายห้า! แม้พวกเราจะแบ่งช้างให้ต้าเยี่ยนมากกว่า ทว่า พี่หญิงใหญ่บอกว่าการทำเช่นนี้จะทำให้สองแคว้นสามัคคีกันมากขึ้นเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองเมื่อครู่ให้ไป๋ชิงอวี๋ฟังอย่างละเอียด

ไป๋ชิงอวี๋นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ไม่นานจึงเข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที เขามองไปทางพี่สาวของตัวเอง “พี่หญิงกำลังซื้อใจทหารต้าเยี่ยนหรือขอรับ”

“ใช่แล้ว พี่กำลังซื้อใจทหารต้าเยี่ยน” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ใจคนเรามักไม่รู้จักพอ ถึงแม้จะแบ่งผลประโยชน์ให้เท่าเทียมกันก็อาจรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบได้ ในเมื่อเราต้องทำงานร่วมกันอีกนานก็ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเช่นนี้ หากพวกเราใจกว้างสักนิดวันหน้าพวกเราจะได้ร่วมมือกันอย่างราบรื่นมากขึ้น จะได้จับมือกันทำสงครามขับไล่เทียนเฟิ่งออกไปจากแคว้นของพวกเราให้ได้ ทว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…วันหน้าสองแคว้นจะรวมเป็นหนึ่งเดียว อุปสรรคใหญ่ที่สุดไม่ใช่ขุนนางในราชสำนักและตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลาย คนเหล่านั้นล้วนเอนเอียงไปตามทิศทางของอำนาจอยู่แล้ว…”

ไป๋ชิงอวี๋เห็นว่าด้านหน้ามีบันไดจึงเข้าไปประคองแขนพี่สาวของตัวเอง

หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิดอีกครั้ง เกล็ดตกลงบนกระถางต้นไม้ซึ่งวางตกแต่งอยู่ตรงบริเวณมุมขวาของระเบียงทางเดิน

เกล็ดหิมะร่วงโรยลงบนกลางลานหญ้าราวกับกลีบดอกไม้ ไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นจื้อเดินอยู่ด้านหน้าสุด เสิ่นชิงจู๋ เว่ยจงและบรรดานางกำนัลขันทีเดินตามหลังโดยเว้นระยะห่างประมาณสิบก้าว

เมื่อเดินขึ้นบันไดเสร็จไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวกับไป๋ชิงอวี๋ต่อ “เจ้าเป็นทหารเช่นกัน เจ้าน่าจะรู้ว่าทหารรักศักดิ์ของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด พวกเขายอมหักแต่ไม่ยอมงอ สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดหากสองแคว้นรวมเป็นหนึ่งก็คือบรรดาทหารเหล่านี้ หากทหารเกิดความไม่พอใจ หากตระกูลใดใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจเหล่านี้ วันหน้าต้องเกิดปัญหาร้ายแรงตามมาแน่ หากทหารต้าเยี่ยนเห็นแก่ความมีน้ำใจที่ต้าโจวเคยมอบให้พวกเขา บางทีอาจหลีกเลี่ยงสงครามที่จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีกครั้งได้”

ไป๋ชิงอวี๋พยักหน้า เขาเข้าใจจุดประสงค์ของพี่สาวแล้ว “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

ไป๋จิ่นจื้อเข้าใจเช่นเดียวกัน “ที่แท้มีสิ่งที่ลึกไปกว่านั้นอยู่อีกหรือเจ้าคะ”

“เสี่ยวซื่อ เรื่องนี้ยังไม่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เจ้าห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด” ไป๋ชิงอวี๋กำชับไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า “พี่ชายห้าไม่ต้องห่วง ข้ารู้ขอบเขตดีเจ้าค่ะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ไป๋ชิงอวี๋เชื่อว่าการปกครองของพี่หญิงต้องเอาชนะการปกครองของต้าเยี่ยนได้แน่ สำหรับไป๋ชิงอวี๋แล้ววันหน้ากองทัพของต้าเยี่ยนต้องกลายเป็นกองทัพของต้าโจวแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นการที่พวกเขาทำดีต่อทหารเหล่านั้นก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว

“อีกเรื่องพี่คิดว่าอันชิงซานผู้นั้นไม่เลวทีเดียว เขากับหวังต้าโก่วของต้าเยี่ยนทะเลาะกันจนสนิทสนมกันแล้ว เจ้ารับเขามาเป็นทหารในสังกัดของเจ้า ให้เขารับผิดชอบเรื่องการติดต่อสื่อสารกับต้าเยี่ยนในสงครามครั้งต่อๆ ไปด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกำชับ

“ขอรับ อาอวี๋จะจัดการเรื่องนี้ให้ พี่หญิงวางใจได้ขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋ฟังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ จากนั้นกล่าวต่อ “พี่หญิง เมื่อพี่หญิงฉลองคืนวันสิ้นปีเสร็จพี่หญิงเดินทางกลับเมืองหลวงเถิดขอรับ ช่วงประมาณปลายเดือนสองต้นเดือนสามจะถึงการสอบชุนเหวยแล้ว พี่หญิงต้องเป็นคนสอบปากเปล่าผู้เข้าสอบเหล่านั้นหน้าท้องพระโรงนะขอรับ คำนวณจากเวลาแล้วพี่หญิงน่าจะคลอดช่วงเดือนสี่หรือห้านี้แล้ว ท่านแม่ พวกท่านอาและเหล่าขุนนางคงไม่สบายใจที่พี่หญิงยังอยู่ที่นี่ต่อนะขอรับ”

“จริงเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่ ที่นี่มีพี่ชายห้าและข้าอยู่ พี่หญิงรองก็กำลังเดินทางมา…” ไป๋จิ่นจื้อยังไม่ทันกล่าวจบก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่หญิงใหญ่สั่งให้นางคืนตัวเริ่นซื่อเจี๋ยให้ต้าเยี่ยน ปรากฏว่านางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เมื่อเอ่ยถึงพี่หญิงรองจึงนึกขึ้นมาได้ สีหน้าของไป๋จิ่นจื้อตะลึงงันไปเล็กน้อย นางหยุดฝีเท้าลง มองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างรู้สึกผิด “พี่หญิงใหญ่ ข้าลืมคืนเริ่นซื่อเจี๋ยให้ต้าเยี่ยนเจ้าค่ะ…”

ไป๋ชิงเหยียน “…”

เมื่อเห็นพี่หญิงใหญ่ของตัวเองทำสีหน้าไม่ถูก ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วแล้วรีบกล่าวขึ้น “จะโทษข้าไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้รับคนทั้งคนกลับไป ทว่า ต้าเยี่ยนกลับไม่ทวงข้าสักนิด ต้าเยี่ยนไม่ใส่ใจคนของตัวเอง ข้ามัวแต่ยุ่งวุ่นวายทั้งวัน อีกทั้งเป็นคนสะเพร่า…”

น้ำเสียงมั่นใจของไป๋จิ่นจื้อแผ่วลงเรื่อยๆ เมื่อถูกสายตาของพี่หญิงใหญ่จับจ้อง จนสุดท้ายไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น นางมองไปทางพี่หญิงใหญ่อย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ต้าเยี่ยนเพิ่งเดินทางกลับไปได้ไม่นาน รีบให้คนพาตัวเริ่นซื่อเจี๋ยไปคืนให้พวกเขาเถิด เริ่นซื่อเจี๋ยจะได้กลับไปฉลองคืนวันสิ้นปีกับพวกเดียวกัน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋จิ่นจื้อรีบรับคำและจากไปทันที

“รีบไปรีบกลับ คืนนี้คือคืนสิ้นปี พวกเราจะทานเกี๊ยวด้วยกัน” ไป๋ชิงอวี๋ตะโกนตามหลังน้องสาว

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ!”

เสิ่นชิงจู๋ไม่ไว้ใจไป๋จิ่นจื้อ นางก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ ข้าจะไปเป็นเพื่อนคุณหนูสี่เจ้าค่ะ”

“ดีแล้ว มีเจ้าอยู่ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

มองส่งไป๋จิ่นจื้อรีบร้อนจากไปเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนได้ยินไป๋ชิงอวี๋กล่าวว่าพ่อครัวลองนำเนื้อช้างมาห่อเกี๊ยว รสชาติไม่เลวทีเดียว หญิงสาวอยากทานเกี๊ยวร่วมกับทหารในกองทัพเหมือนที่ท่านปู่และท่านพ่อของนางเคยทำเมื่อต้องฉลองคืนสิ้นปีที่สนามรบ

ไป๋ชิงอวี๋พยักหน้า “ได้ขอรับ”

พวกของหลู่หยวนเผิงเพิ่งเข้ามาในเมืองก็เห็นไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าเร็วตรงมาทางประตูเมืองอย่างรีบร้อนพลางตะโกนให้พวกเขาหลีกทาง ทหารที่กำลังเดินเข้ามาในเมืองรีบหลีกทางให้ทันที…

หลู่หยวนเผิงเห็นว่าผู้ที่ขี่ม้าตรงเข้ามาคือไป๋จิ่นจื้อจึงลดผ้าเช็ดหน้าห่อหิมะซึ่งไว้ที่คลึงตาที่บวมช้ำในมือลง จากนั้นตะโกนถาม “ไป๋จิ่นจื้อ เจ้ารีบร้อนไปที่ใดกัน”

ทหารที่อยู่ด้านหลังหลู่หยวนเผิงพากันกลั้นหายใจ พวกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดแม่ทัพของพวกเขาจึงกล้าเรียกนามของเกาอี้จวินตรงๆ เช่นนี้ เกาอี้จวินคือน้องสาวของฝ่าบาทเชียวนะ!

ไป๋จิ่นจื้อได้ยินจึงหันไปทางเสียงเรียก เมื่อเห็นหลู่หยวนเผิงที่ตาบวมช้ำราวกับลูกวอลนัทจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ

“ข้าจะนำคนไปคืนต้าเยี่ยน เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ หากมิเป็นอันใดก็ไปด้วยกันสิ…”