บทที่ 1142 พี่ใหญ่สู้ ๆ น้า

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1142 พี่ใหญ่สู้ ๆ น้า

บทที่ 1142 พี่ใหญ่สู้ ๆ น้า

เขาได้รับสายจากคุณย่า

ท่านโทรมาบอกว่าน้องผอมลง เพราะเขาล้มเหลวในฐานะการเป็นพี่ชาย

เลยตำหนิตนผู้ทำงานที่นี่แล้วทำให้น้องลำบาก

ซูโส่วเวินเสียใจมาก ถึงเราจะทำงานที่เดียวกัน แต่ตัวเขาเองยังไม่ได้เจอเธอเลย

แต่ไม่กล้าพูดกลัวโดนโกรธกว่าเดิม

สุดท้ายคุณย่าก็ย้ำว่าพี่ชายคนโตต้องดูแลน้องให้ดีสิ ไม่อย่างนั้นจะถลกหนังในคราวหลัง

หลังวางสายก็เกือบถึงเวลากินข้าว เลยวิ่งมาหาน้อง

แม้จะดูแลเรื่องนี้ไม่ได้ แต่อาหารการกินไม่พลาด

อาหารในกระทรวงถือว่าใช้ได้ แม้จะสู้ที่ย่าทำไม่ได้ แต่รสชาติดีกว่าร้านข้างนอกแน่

“หนูไม่ได้กินข้าวกับพี่มาสักพักแล้วเนอะ”

เธอดีใจที่ได้เจอเขาเหมือนกัน ทำงานในกระทรวงมาตั้งนานแต่ไม่มีเวลากินข้าวกับพี่ใหญ่ด้วยซ้ำ

ใบหน้ามีรอยยิ้มหวานหยด ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแสดงถึงนิสัยใจคอที่แท้จริง และน่าดึงดูดใจไม่น้อย

คนอื่น ๆ แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้

เพราะไม่เคยเห็นด้านนี้ของเธอมาก่อนเลย

ไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กด้วยซ้ำ

“ตั้งแต่วันนี้เดี๋ยวพี่มากินข้าวด้วยทุกวันเลย”

ซูโส่วเวินลูบผม น้องเล็กผอมลงจริง ๆ ย่าพูดถูก ไม่ดูแลตัวเองเลย

“ผมหนูยุ่งหมดแล้ว”

น้ำเสียงนุ่มนวลและออดอ้อนดังขึ้นก่อนจะวิ่งไปที่โต๊ะหยิบกล่องข้าวออกมา แล้วชวนไปกินข้าวด้วยกัน

“รีบไปกันพี่ใหญ่ หนูหิวจะตายอยู่แล้ว!”

“ย่าไม่ได้ทำข้าวเช้าให้หรือ?” เขาสงสัย

“หนูกินมาแล้วแต่มันย่อยไปหมดแล้วไง และหนูก็หิวอีก! ว่าไป ข้าวที่นี่อร่อยมากเลยนะคะ!”

“แมวตะกละ…” ได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยด้วยความเอ็นดู

สองพี่น้องเดินหัวเราะจากไปไกล ท่าทางเหล่านั้นทำให้คนมองต่างอิจฉา แล้วอดทอดถอนใจไม่ได้ ความสัมพันธ์ดีจริง ๆ

พวกถังผิงเฝ้ามองโดยไม่ทันได้เอ่ยทักซูโส่วเวินสักนิด

เหตุผลที่อากัปกิริยาซูโส่วเวินคงความสุภาพเอาไว้ แต่ไม่ได้เอ่ยทักทายคนอื่นเพราะรู้ว่าส่วนใหญ่มีปัญหาทั้งนั้น

เขาไม่ชอบคนที่รังแกน้องจริง ๆ

เพราะงั้นเลยไม่ได้ทักทายน่ะ

“ทำไมเราไม่นัดซูเสี่ยวเถียนไปกินข้าวด้วยกันนะ” ถังผิงเอ่ยด้วยความคับข้องใจ

เธอตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว จึงอยากขอโทษ

แต่ด้วยความโอหังทำให้พูดไม่ออก

ถึงจะนิสัยเสีย มั่นใจในตัวเอง หัวสูง แต่ก็เป็นคนมีความรับผิดชอบ

แล้วนี่ก็พิจารณาได้ว่าการคาดเดาของตัวเองล้วนผิดพลาด ตระหนักได้ถึงความใจแคบของตัวเองจึงอยากขอโทษน่ะ

“ถ้าอยากขอโทษก็ทำตั้งแต่เนิ่น ๆ สิ พอพลาดแล้วมันหาโอกาสยากนะ!”

ลู่เซวียนเอ่ยจบก็หยิบกล่องข้าวออกไปไม่สนใจสองคนที่เหลือเลย

ถังผิงเงียบไป

เยี่ยไคอวี่ไม่พอใจเท่าไร ปากพึมพำ ๆ

เสียงเบาจนถังผิงยังไม่ได้ยิน

สองพี่น้องเดินทางมาถึงโรงงานอาหารก่อนจะนั่งกินข้าวริมหน้าต่าง

“เสี่ยวเถียน กินให้เยอะ ๆ นะ หลายวันนี้ผอมลงเชียว!”

ก่อนจะเริ่มลงมือ ชายหนุ่มตักซี่โครงรสเปรี้ยวหวานกว่าครึ่งใส่กล่องข้าวให้น้อง

ซูเสี่ยวเถียนมองมัน ไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไง

“หนูกินเยอะขนาดนี้ไม่ได้หรอก!”

“ไม่ใช่ว่าชอบกินหรอกหรือ?”

ชอบกินแต่ไม่ได้หมายความว่าจะกินเยอะได้นี่

สุดท้ายก็คีบคืนกลับไปแล้วเริ่มลงมือ

อร่อยจัง

กินไปได้ไม่กี่คำก็จำเรื่องเมื่อเช้าได้เลยเอ่ยเสียงเบา

“หนูตอบตกลงย่ารองไปแล้วว่าจะทำงานที่นี่สองปีค่ะ”

ถึงจะเสียใจแต่ก็ตอบตกลงไปแล้ว เธอไม่คิดจะกลับคำด้วย

“เธอไม่อยากทำงานที่นี่หรือ?” ชายหนุ่มประหลาดใจ

เขารู้มาตลอดว่าน้องไม่อยากทำงานในกระทรวงต่างประเทศ

เลยเสียใจมาตลอด

หลังจากได้มาทำงานที่นี่ก็รู้สึกว่าตัวเองยังขาดความสามารถอยู่

หลายครั้งที่คิดว่าถ้าน้องมาคงไม่เหมือนกับตนแน่

เขาคิดเสมอว่าเสี่ยวซื่อทำธุรกิจคนเดียวก็พอ ส่วนเสี่ยวเถียนมาทำงานกับเราจะได้ช่วยส่องแสงให้กับประเทศได้

ด้วยความสามารถของเธอจะต้องคว้าความรุ่งโรจน์มาให้ได้แน่นอน

อนาคตเธอก็ต้องรุ่งโรจน์เช่นกัน!

“หนูไม่อยากทำงานที่นี่ค่ะ แต่ย่ารอบอกว่าเขาขาดคนอยู่ก็เลยต้องทำ!”

เธอหดหู่ใจมาก

ซูโส่วเวินหัวเราะ

เธอก็เป็นแบบนี้แหละ จิตใจอ่อนโยนกับคนที่สนิทและคนที่ชอบเสมอ

ย่ารองคงรู้จุดอ่อน

ชายหนุ่มเดาได้ว่าตอนนี้น้องคงเสียใจแน่ ๆ

“ถ้าเธออยู่ในกระทรวงจะทำประโยชน์ให้ประเทศเยอะเลยนะ”

ซูเสี่ยวเถียนส่ายหัว “กระทรวงมีพี่คนเดียวก็พอแล้วค่ะ”

พี่ใหญ่เป็นคนมั่นคง เธอว่าเขาเหมาะทำงานที่นี่มากกว่าเธออีก

เธอเป็นคนขี้เกียจมาก ไม่เหมาะกับทำงานในกระทรวงต่างประเทศหรอก

แต่เห็นน้องแน่วแน่ขนาดนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร

ยังไงก็ต้องทำที่นี่ตั้งสองปี ค่อย ๆ ชักชวนไปก็ได้

เธออาจจะคิดได้และยอมอยู่ต่อ

“พี่ใหญ่ต้องสู้ ๆ ด้วยนะ!”

พี่ใหญ่คงเป็นคนเดียวที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการเมือง อนาคตของตระกูลซูจะไปทิศทางไหนขึ้นอยู่กับความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว

ถึงตอนนี้ตระกูลเราจะพัฒนาไปได้สวย แต่รู้ดีว่ามีแค่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จ

เพราะต่อให้มีเงินก็โดนคนดูถูกอยู่ดี

และตอนนี้ที่บ้านเราโดนดูถูกเพราะคนรู้ว่าแค่มีสายสัมพันธ์กับปู่รอง แถมอาเขยก็ถือว่าเป็นผู้นำด้วย อนาคตไร้ขีดกำจัด

พออยู่ในจุดนี้แล้วถึงมองเห็นชัด

เธอไม่เหมาะกับวงการนี้เลย!

——————————————