บทที่ 1170+1171 แต่งงานกันก็จบเรื่องแล้ว(2)/ขอความเป็นธรรม

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1170+1171 แต่งงานกันก็จบเรื่องแล้ว(2)/ขอความเป็นธรรม

บทที่ 1170 แต่งงานกันก็จบเรื่องแล้ว (2)

ไม่มีใครเห็นสิ่งที่กู้หนิงอันทำ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อและแม่ของเกาเหลียนจือพูดอย่างจริงจัง แน่นอนว่าเรื่องนี้จะต้องไม่จบอย่าง่าย ๆ แน่นอน เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้หนิงอันคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตาม เกาเหลียนจือเป็นหญิงดูดีมากเช่นกัน กู้หนิงอันคงไม่ได้เสียเปรียบเท่าใดนัก

“เฮ้ ตระกูลกู้มีสถานะสูงส่ง ถ้าเจ้าข่มเหงเขาแบบนี้ ระวังว่าเขาจะส่งเจ้าไปหาเจ้าหน้าที่ทางการนะ” ใครบางคนหัวเราะขึ้น

ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ เกาต้าผิงก็สวนกลับทันควัน

“มีสถานะสูงส่งแล้วอย่างไรล่ะ? ถ้าเจ้าเอาเปรียบลูกสาวของคนอื่น คิดว่าจะสะบัดก้นหายหัวไปอย่างไร้ร่องรอยหรือ คิดว่าตระกูลเกาของข้าเป็นอะไรกัน” เกาต้าผิงรู้สึกไม่พอใจ

“ฮัดชิ่ว… ฮัดชิ่ว…” เกาเหลียนจือจามติดต่อกันหลายครั้งราวกับเป็นหวัด

ร่างกายของนางเปียกโชก เมื่อลมหนาวพัดมาจึงทนไม่ได้อีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าเกาซื่อได้เสนอวิธีแก้ปัญหาที่ดีแล้ว สวีซื่อก็รู้ว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป หากเกาเหลียนจือเป็นหวัดจริง ๆ จะเป็นการเสียเงินเปล่า

ดังนั้นนางจึงรีบพูดอย่างทุกข์ใจ “สามี เหลียนจือเป็นหวัดแล้ว ข้าจะพานางกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

เกาต้าผิงดูเป็นทุกข์ “รีบไปเร็ว อย่าปล่อยให้นางเป็นหวัดเด็ดขาด ไม่ต้องกังวลไป วันนี้ข้าจะขอคำอธิบายให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”

สวีซื่อและเกาต้าผิงมองหน้ากัน จากนั้นสวีซื่อก็พาเกาเหลียนจือไปที่บ้านของเกาซื่อ

เกาซื่อรู้ว่าการที่ตนเองอยู่ที่นี่ยังมีประโยชน์ จึงไม่ได้ตามหลานสาวกลับไป

นางหันไปมองเกาต้าผิง “พี่ใหญ่ ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?”

“เราควรทำอย่างไรน่ะหรือ? ก็ไปหาครอบครัวของเขาและขอคำอธิบายสำหรับเหลียนจือน่ะสิ” เกาต้าผิงผลักกู้หนิงอันที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่ “เหตุใดเจ้ายังยืนบื้ออยู่ ทำไมยังไม่รีบไปหาพ่อแม่เจ้าอีก เราจะได้คุยเรื่องนี้กัน”

“ท่านพี่ บ้านของเขาไม่มีผู้อาวุโส ทั้งพ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตไปหมดแล้ว” เกาซื่อพูดอย่างหมดหนทาง

“ถ้าอย่างนั้นก็หาคนที่สามารถตัดสินใจได้ เขาทำสิ่งที่อุกอาจเช่นนี้ แล้วจะให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือ ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เขาต้องให้คำตอบที่น่าพอใจกับข้า เจ้าเดินนำไปข้างหน้า ข้าจะไปหาครอบครัวของเขา” เกาต้าผิงมัดมือของกู้หนิงอันและดึงเขาให้เดินตามเกาซื่อกลับไปที่หมู่บ้าน

มือของกู้หนิงอันถูกเกาต้าผิงมัดไว้อย่างแน่นหนา ใบหน้าของเขาซีดเผือด และเขาไม่รู้ว่ามันมาจากความหวาดกลัวหรือความหนาวเย็น

ระหว่างทาง กู้หนิงอันถูกเกาต้าผิงลากไปเหมือนสุนัขหลงทาง

มีผู้คนเฝ้าดูความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเดินตามไปไม่ห่าง

เกาต้าผิงรู้สึกภูมิใจมากขึ้นเมื่อเห็นผู้คนมากมายที่อยู่ข้างหลังเขา

ยิ่งมีคนรู้มากเท่าไร ก็มาดูกันว่ากู้หนิงอันจะหาทางปฏิเสธอย่างไร

เมื่อพวกเขามาถึงบ้านเก่าของตระกูลกู้ พวกเขาต่างไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น คนแรกที่มาบอกพวกเขาคือเหลียงเหยาซื่อที่บ้านอยู่ติดกัน

เมื่อเหลียงเหยาซื่อผ่านที่นั่น นางก็เห็นกู้หนิงอันถูกมัดและกำลังถูกพามาที่บ้านเก่าตระกูลกู้

เหลียงเหยาซื่อกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น จึงรีบวิ่งล่วงหน้ามาก่อน

กู้ฟางสี่กำลังตากผ้าอยู่ที่ลานบ้าน จึงเห็นเหลียงเหยาซื่อวิ่งมาอย่างตื่นตระหนกและเอ่ยว่า “ฟางสี่ เกิดเรื่องแล้ว!”

หลังจากนั้น นางเล่าเรื่องทั้งหมดให้กู้ฟางสี่ฟัง เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินเช่นนั้น อ่างในมือของนางพลันร่วงลงตกกระแทกพื้นทันที

เมื่อได้ยินเสียงดังโครมคราม ป้าจางและกู้เสี่ยวหวานต่างก็วิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้าน หลังจากได้ยินคำพูดของเหลียงเหยาซื่อ ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะพูดอะไรก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางประตูบ้านเก่าตระกูลกู้

….

บทที่ 1171 ขอความเป็นธรรม

เกาซื่อเป็นผู้นำทาง และด้านหลังของนางเป็นชายแปลกหน้า หากมองดูดี ๆ แล้วเขาค่อนข้างมีลักษณะคล้ายเกาซื่อ

แต่ทว่าใบหน้าของกู้หนิงอันซีดเผือดราวกับว่าหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้

เขาถูกเกาต้าผิงลากมาด้วยความมึนงง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็ปวดร้าว

เสื้อผ้าบนร่างกายของกู้หนิงอันเปียกโชกแนบไปกับร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาคิดมาก นางรีบเปิดประตูและออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หนิงอัน”

เกาต้าผิงเป็นผู้ควบคุมตัวกู้หนิงอันไว้ เขาอยู่ในอาการงุนงง ใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณ

สีหน้าของเขาราวกับว่ามีคนมาบีบคออย่างโหดเหี้ยม เมื่อมองไปที่ท่าทางไร้สติของกู้หนิงอัน หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็เหมือนถูกคมมีดกรีดแทง

ไหนบอกว่าไปอ่านหนังสือที่ริมลำธาร ทำไมถึงกลับมาด้วยสภาพเช่นนี้ล่ะ

กู้เสี่ยวหวานรีบวิ่งไปข้างหน้าหมายจะคว้ากู้หนิงอัน แต่เกาต้าผิงจะปล่อยให้นางทำเช่นนั้นอย่างง่ายดายได้อย่างไร เขารีบดึงกู้หนิงอันหลบไปด้านหลังตนเองทันที

การกระทำเช่นนั้นทำให้สามารถมองเห็นกู้หนิงอันได้อย่างชัดเจน ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน และเมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็พบว่าพี่สาวของตนยืนอยู่ตรงหน้ากำลังมองดูเขาด้วยความทุกข์ใจ

“ท่านพี่…” กู้หนิงอันเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ลำธารเป็นแน่

“หนิงอัน เกิดอะไรขึ้น” กู้เสี่ยวหวานเห็นการแสดงออกที่จริงจังของน้องชาย และท่าทางว้าวุ่นใจในตอนนี้ เช่นเดียวกับเกาซื่อและชายวัยกลางคนที่ดูคล้ายกับเกาซื่อผู้นั้น

แต่คนฉลาดอย่างกู้เสี่ยวหวานดูเหมือนว่านางจะเดาอะไรบางอย่างได้

แน่นอนว่าชายที่ดูคล้ายกับเกาซื่อตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เจ้าเป็นพี่สาวและเป็นผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัวของเขาแล้วหรือ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ข้าเป็นพี่สาวของเขา แล้วท่านเป็นใคร”

“ข้าเป็นใครน่ะหรือ?!” เกาต้าผิงตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าเป็นพ่อของเด็กหญิงที่ถูกน้องชายของเจ้ารังแก ถ้าไม่ใช่เพราะข้าและภรรยาเดินทางมาที่หมู่บ้านอู๋ซีเพื่อพบลูกสาวของข้าในวันนี้ก็คงจะไม่รู้ว่าลูกสาวของข้าถูกน้องชายของเจ้าข่มเหงอนาจาร”

อนาจาร?

ชายคนนั้นบอกว่ากู้หนิงอันลวนลามลูกสาวของเขา

กู้เสี่ยวหวานมองกู้หนิงอันที่ร่างกายเปียกโชกและมีสภาพยุ่งเหยิง กู้หนิงอันส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ แม่นางเกาพลักตกลงไปในน้ำ ข้าแค่กระโดดลงไปช่วยนาง”

คำพูดไม่กี่คำของกู้หนิงอันทำให้คิ้วของกู้เสี่ยวหวานขมวดแน่นยิ่งขึ้น

ถ้านางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ นางก็โง่เหมือนหมูจริง ๆ

เกาเหลียนจือคงจะไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และกู้หนิงอันก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างชายหญิงเพื่อช่วยชีวิตคน การที่นางใส่เสื้อผ้าเบาบางเช่นนั้น…

คิดเอาไว้แล้วเชียว!

“แค่กระโดดลงไปช่วยนางหรือ” เกาต้าผิงตะคอกอย่างเย็นชาและความแข็งแกร่งในมือของเขาเพิ่มมากขึ้น