บทที่ 1168+1169 ข้าจะเอาเรื่องเจ้า(3)/แต่งงานกันก็จบเรื่องแล้ว(1)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1168+1169 ข้าจะเอาเรื่องเจ้า(3)/แต่งงานกันก็จบเรื่องแล้ว(1)

บทที่ 1168 ข้าจะเอาเรื่องเจ้า (3)

กู้หนิงอันตัวสั่นไปทั้งร่าง ประการแรกคือ เพราะร่างกายของเขาเปียกปอน ประการที่สองคือ ตนเองทำดีแต่กลับถูกใส่ร้าย

กู้หนิงอันตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธและทำได้เพียงจ้องมองเกาเหลียนจืออย่างเดือดดาล โดยหวังว่านางจะพูดบางอย่างเพื่อช่วยเหลือตนเองบ้าง

แต่สวีซื่อกลับมองเกาเหลียนจืออย่างดุร้าย และเมื่อเห็นว่าเกาเหลียนจือกำลังจะเอ่ยปาก นางจึงดึงเกาเหลียนจือเข้ามาและเอ่ยขัดทันที “เหลียนจือ ลูกสาวผู้น่าสงสารของข้า นางต้องทนทุกข์ทรมาน”

เกาซื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ รุดขึ้นหน้าก่อนจะหยุดลงข้างหน้าเกาเหลียนจือ บังการมองเห็นของกู้หนิงอันและพูดอย่างเป็นทุกข์ “มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ข้าไม่ควรพาเจ้ามาที่ริมลำธารเลย ข้าควรปล่อยให้เจ้าอยู่บ้าน เจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าของพ่อแม่ ไม่เคยทำงานหยาบอย่างนี้มาก่อน ข้าผิดเอง ข้าผิดเอง”

“น้องสาว ข้าไม่โทษเจ้าสำหรับเรื่องนี้ ถ้าเจ้าต้องการตำหนิ เจ้าก็ตำหนิชะตากรรมอันเลวร้ายของเหลียนจือ เมื่อร่างกายของนางถูกเปิดเผยแล้ว ไม่ว่านางจะอยู่หรือตายในอนาคตก็เป็นชะตากรรมของนาง” สวีซื่อกล่าวอย่างยอมจำนนต่อโชคชะตา

หลังจากที่ทุกคนฟัง พวกเขาเริ่มกระซิบกระซาบ บางคำพูดของทุกคนอาจรุนแรงเกินไปและโจมตีจุดอ่อนของเกาซื่อ

“ท่านแม่ ข้า…” เกาเหลียนจือต้องการจะอธิบายบางอย่าง แต่ถูกสวีซื่อจ้องตาเขม็ง “เจ้าจะพูดอะไรอีก ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงโดดลงลำธารเพื่อฆ่าตัวตายไปแล้ว”

เกาเหลียนจือไม่คาดคิดว่ามารดาของตนจะพูดคำเช่นนี้ออกมา นางตกตะลึงกับคำพูดอันรุนแรงเหล่านั้น และเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าอันโศกเศร้า “ท่านแม่…”

สวีซื่อสะบัดมือของเกาเหลียนจือ และพุ่งเข้าหากู้หนิงอันด้วยความโกรธ “เจ้าทำลายลูกสาวของข้า ข้าจะเอาเรื่องเจ้า!”

สวีซื่อพุ่งไปหากู้หนิงอันอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อเกาซื่อเห็นเช่นนั้นก็ตามมารั้งตัวสวีซื่อไว้ “ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ”

“เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอยู่ได้อย่างไร ลูกสาวคนนี้เป็นทั้งหัวใจและจิตวิญญาณของข้า ตอนนี้นางสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว คงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้นางตาย และแสร้งทำเป็นว่าข้าไม่เคยคลอดนางออกมาเสีย อย่าให้มาทำลายชื่อเสียงของตระกูลเกาเลย” สวีซื่อกล่าวราวกับว่ากำลังคิดถึงชื่อเสียงของตระกูลเกา นางตะโกนโวยวายเสียงดังและทำให้สถานการณ์ทั้งหมดวุ่นวายในทันที

เกาเหลียนจือก็ตามเกาซื่อไปจับสวีซื่อไว้ และเอาแต่ร้องเรียกมารดาของตน “ท่านแม่ ท่านแม่!”

สวีซื่อไม่สามารถจับกู้หนิงอันได้ ดังนั้นนางจึงส่งเสียงข่มขู่ “อา… สาวน้อยผู้น่าสงสารของข้า เด็กสาวผู้แสนดีถูกทำลายชื่อเสียงแบบนี้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร พวกเจ้าอย่าจับข้า ให้ข้าไปตายเถอะ หากลูกสาวข้าอยู่ต่อไปไม่ได้ เช่นนั้นแล้วข้าก็ไม่อยากอยู่เช่นกัน ฮือ ๆ”

เกาเหลียนจือไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อครู่จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็ซีดลงด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าสวีซื่อกำลังจะฆ่าตัวตาย เกาเหลียนจือก็รู้สึกตกตะลึงและจับมือสวีซื่อไว้ไม่ยอมปล่อย

กู้หนิงอันยืนอยู่ที่เดิมพลางมองดูท่าทางเสียสติของสวีซื่อ ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความตกใจ

บริเวณลำธารเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ เสียงคำราม และความโกลาหลวุ่นวาย

เกาต้าผิงจึงตะโกนขึ้น “ไอ้เด็กตัวเหม็น ครอบครัวของเราถูกเจ้าทำลาย ตอนนี้เจ้าจะทำอย่างไร”

เกาซื่อดึงสวีซื่อที่เสียสติจนแทบจะรั้งไว้ไม่ไหว “พี่ใหญ่ ช่วยข้าที ข้าจะห้ามพี่สะใภ้เอาไว้ไม่ไหวแล้ว

ท่าทางกระวนกระวายของสวีซื่อราวกับจะไปเอาชีวิตกู้หนิงอัน เกาซื่อกลัวว่านางจะสร้างปัญหา ดังนั้นจึงจับสวีซื่อไว้แน่นและไม่ยอมขยับ

….

บทที่ 1169 แต่งงานกันก็จบเรื่องแล้ว (1)

แต่ตอนนี้สวีซื่ออยู่ในอารมณ์โกรธเคือง เรี่ยวแรงของนางจึงยิ่งทวีคูณ แม้ว่าเกาซื่อและเกาเหลียนจือจะรั้งนางไว้ แต่อย่างไรก็ไม่อาจต้านทานแรงของนางได้

เมื่อเห็นท่าทางที่เศร้าสร้อยของภรรยา เกาต้าผิงเองก็รู้สึกโศกเศร้า “เจ้าอย่าได้เป็นเช่นนี้เลย มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า หากเจ้าต้องการจะตำหนิ เจ้าก็ตำหนิเด็กสารเลวคนนี้ ถ้าเขาไม่ทำให้ความบริสุทธิ์ของเหลียนจือมัวหมอง เราก็คงไม่ต้องมีสภาพเช่นนี้ มันไม่ใช่ความผิดของเรา”

เกาต้าผิงปลอบโยนสวีซื่อ และสวีซื่อก็ทรุดตัวนั่งลงพลางร้องไห้ฟูมฟายในอ้อมแขนของเกาต้าผิง

เกาเหลียนจือก็คร่ำครวญและร้องไห้ออกมาเช่นกัน

สามคนพ่อแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ มองดูแล้วเป็นท่าทางที่ดูน่าเจ็บปวดใจจริง ๆ

ครั้นท่าทางของพวกเขา เกาซื่อก็กระทืบเท้าและกล่าวโทษตัวเองว่า “มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ถ้าข้าไม่ได้พาเหลียนจือมาที่หมู่บ้านอู๋ซีก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น มันเป็นความผิดของข้าเอง”

ใบหน้าของเกาซื่อโศกเศร้าราวกับว่าต้องการนำความผิดมาไว้ที่ตน

แต่เมื่อหัวข้อเปลี่ยนไป เรื่องนี้ก็กลับไปหากู้หนิงอันอีกครั้ง

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ อย่าเสียใจไป อย่างที่เขาว่ากัน ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เหลียนจือเป็นเด็กดี เราจะคิดหาทางออกได้อย่างแน่นอน นางเป็นเด็กดีและในอนาคตนางจะต้องเจอผู้ชายที่ดีอย่างแน่นอน” เกาซื่อมองเกาเหลียนจือ และสร้างความมั่นใจให้สวีซื่อ

สวีซื่อสะอื้นไห้ “ฮือ ฮือ ฮือ แต่นางถูกกอดไปแล้ว ร่างกายก็ถูกเห็นไปแล้ว แบบนี้จะมีผู้ใดอยากแต่งงานกับนางล่ะ”

“ท่านพี่สะใภ้ ท่านอย่าเป็นเช่นนี้เลย คนตรงหน้าก็ถือว่าเป็นคนที่ดีไม่ใช่หรือ ในเมื่อหนิงอันทำสิ่งนี้ เขาก็ต้องรับผิดชอบเหลียนจือ แบบนั้นทุกคนก็จะมีความสุขไม่ใช่หรือ” เกาซื่อแนะนำ

หลังจากได้ยินคำแนะนำนี้ สวีซื่อและเกาต้าผิงก็หยุดร้องไห้ และเสียงรอบด้านก็เงียบลงทันที

พวกเขาหันไปมองใบหน้าอันซีดเผือดของกู้หนิงอันที่กำลังยืนนิ่งเงียบ

หลังจากได้ยินคำพูดของเกาซื่อ ใบหน้าของกู้หนิงอันก็ซีดลง และเอ่ยปฏิเสธโดยตรง “ท่านป้า ข้าช่วยชีวิตนาง ข้าไม่ได้เอาเปรียบนาง”

ความหมายคือเจ้าต้องการให้ข้าแต่งงานกับนางหรือ ไม่มีทางเสียหรอก

เมื่อสวีซื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็เริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง “ทำไมชีวิตข้าช่างลำบากนัก หลังจากให้กำเนิดลูกชายสามคน ไม่ง่ายเลยที่จะให้กำเนิดลูกสาวคนนี้ จะเก็บนางไว้ในปากก็กลัวจะละลาย ถือไว้ก็กลัวจะทำแตก การกิน การดื่ม เสื้อผ้าล้วนเป็นของดี ข้าไม่เคยให้นางต้องทำงานหนัก ข้าเลี้ยงดูนางมาอย่างดี เมื่อโตขึ้นก็อยากให้นางเจอผู้ชายดี ๆ ที่รักนาง และใช้ชีวิตดี ๆ แต่ตอนนี้มันพังหมดแล้ว”

สวีซื่อจ้องมองกู้หนิงอันและพูดทีละคำทีละประโยคราวกับต้องการผู้มัดอีกฝ่าย

หลังจากที่เกาต้าผิงได้ยินคำพูดของเกาซื่อ และนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด ปล่อยสวีซื่อเดินมาข้างกายกู้หนิงอันแล้วพูดว่า “น้องสาว วิธีของเจ้าดีมาก แค่ทำตามวิธีนี้ก็จัดการเรื่องของเด็กคนนี้ได้แล้ว วันนี้ถ้าไม่ยินยอมก็ต้องยินยอม วันนี้เราต้องการคำอธิบาย ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราจะไปสร้างปัญหาให้บ้านเจ้า”

ใบหน้าของเกาต้าผิงเต็มไปด้วยความมาดร้าย จ้องมองกู้หนิงอันอย่างดุดัน

“ฮือ ท่านพ่อ” เกาเหลียนจือร้องไห้อย่างขมขื่น

“สามี เจ้าต้องร้องขอความยุติธรรมให้กับเหลียนจือ!” สวีซื่อร้องไห้ฟูมฟายอย่างข่มขื่น

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังกู้หนิงอันด้วยความสงสัย

จากสิ่งที่คนเหล่านี้พูด ดูเหมือนว่ากู้หนิงอันจะเอาเปรียบเกาเหลียนจือ และถูกพ่อแม่ของเกาเหลียนจือจับได้

ลูกสาวของเขาถูกคนอื่นเอาเปรียบโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร โดยธรรมชาติแล้ว ความผิดทั้งหมดถูกผลักไปที่กู้หนิงอัน