ตอนที่ 1146 ควบคุม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1146 ควบคุม

ไป๋จิ่นซิ่วเห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ชิงอวี๋ หญิงสาวพยักหน้ายิ้มๆ “ได้”

เมื่อเห็นสูงโปร่งของน้องชายยืนเอามือไขว้หลังด้วยท่าทีสง่างาม ขอบตาของไป๋จิ่นซิ่วจึงร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวรีบหันหน้าหนีไปเช็ดน้ำตา จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “มีน้องชายอยู่ช่างดีจริงๆ”

อาอวี๋กลับมาแล้ว…ช่างดีจริงๆ

คืนวันที่ยากลำบากที่มีเพียงพี่หญิงใหญ่คอยแบกรับเอาไว้คนเดียวหมดไปแล้ว ตระกูลไป๋…จะดีขึ้นเรื่อยๆ

กองทัพไป๋ที่หนานเจียงกำลังเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังทางใต้ราวกับกำลังแย่งชิงโจมตีเมืองของซีเหลียงกับต้าเยี่ยน ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สนใจแคว้นเทียนเฟิ่งอีกต่อไป ประกอบกับที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นได้รับรายงานเรื่องที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวกำลังจะเดินทางกลับเมืองหลวงและเรื่องที่ต้าเยี่ยนยึดเมืองฟางจงได้ ตอนนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจึงสามารถถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอกเสียที

เขาเอ่ยสั่ง “รีบให้คนส่งจดหมายไปบอกอาเค่อเซี่ยให้เขารีบนำทัพกลับแคว้นเทียนเฟิ่งโดยเร็วที่สุด”

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวจบจึงโยนจดหมายทิ้งในกองไฟตรงหน้า เขามองดูไฟค่อยๆ กลืนกินจดหมายจนเหลือเพียงขี้เถ้า ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นหรี่ตาแคบลงพลางถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นหันไปกล่าวกับศิษย์ของจอมเวทย์

“ไม่ว่าอย่างไรช้างก็ไม่คุ้นชินกับอากาศหนาวอยู่ดี เดิมทีข้าคิดว่าเมื่อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ให้พวกมันแล้วพวกมันคงรับได้ ทว่า กองทัพช้าวเหล่านี้ไม่เคยไปจากดินแดนที่มีแต่ความอบอุ่นอย่างเทียนเฟิ่ง แม้แต่ลมหายใจของพวกเรายังมีแต่ไอหนาวเลย อาเค่อเซี่ยส่งจดหมายมาบอกว่าช้างของเราล้มป่วยไปหลายตัว”

ศิษย์ของจอมเวทย์สวมเสื้อคลุมหนานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น เขาเติมถ่านลงไปในกองไฟสองสามก้อนจากนั้นกล่าวขึ้น “การถอยทัพไปตั้งหลักจะเป็นประโยชน์กับพวกเรามากกว่า เมื่อท่านจอมเวทย์ฟื้นขึ้นและสามารถชี้ตัวเจ้าของดินแดนตัวจริงให้พวกเรารู้ได้ พวกเราค่อยส่งทหารยอดฝีมือออกไปสังหารคนผู้นั้น เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงพวกเราค่อยเริ่มต้นทำสงครามใหม่ ถึงเวลานั้นกองทัพช้างของพวกเราจะไร้เทียมทาน ดินแดนแห่งนี้จะกลายเป็นของเทียนเฟิ่งของพวกเราแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นพยักหน้า “ตอนนั้นท่านจอมเวทย์บอกให้ข้ารออีกหน่อย ข้าไม่ฟังคำของเขาเอง…”

“ตอนนั้นจักรพรรดินีองค์ก่อนของซีเหลียงส่งทูตมาขอร้องให้พวกเรายกทัพไปช่วยเหลือซีเหลียง พวกเรายกทัพไปอย่างชอบธรรม ฝ่าบาททรงมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ!” ศิษย์ของจอมเวทย์กล่าว

“เอาเถิด! ผิดก็คือผิด เจ้าไม่ต้องหาข้ออ้างให้ข้าหรอก” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวกับศิษย์ของจอมเวทย์ยิ้มๆ “เราไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วอีก พวกเรากลับไปวางแผนใหม่..รออีกสองสามปีค่อยยกทัพมาใหม่”

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นมองเปลวไฟจากกองไฟตรงหน้า จากนั้นถอนหายใจออกมา “ดินแดนแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มาก ประชากรมีมากมาย…ขอเพียงข้าได้กลายเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ พวกเราก็จะมีเสบียงและทาสที่ไม่วันสิ้นสุด ชาวเมืองเทียนเฟิ่งของพวกเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเหมือนที่พวกเขาเคยเป็น” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ฝ่าบาททรงห่วงใยและทำเพื่อชาวเมืองเทียนเฟิ่งมากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ เทพเจ้าต้องซาบซึ้งในการกระทำของฝ่าบาทแน่พ่ะย่ะค่ะ” ศิษย์ของจอมเวทย์กล่าวยิ้มๆ

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกล่าวยิ้มๆ “เจ้าไม่ต้องมาประจบข้าหรอก”

“ฝ่าบาท ต้าโจวทราบเรื่องหยกจักจั่นแล้ว ทว่า กระหม่อมทูลจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไปว่ามีเพียงสายเลือดของราชวงศ์เทียนเฟิ่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้พลังของหยกจักจั่น หยกจักจั่นอีกชิ้นอยู่ที่ฝ่าบาท หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวต้องการหยกจักจั่นจริงๆ นางต้องส่งคนมาเจรจากับฝ่าบาทแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ถึงเวลานั้นพวกเราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นขมวดคิ้วแน่น “หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมีสิ่งที่ต้องการย้อนกลับไปแก้ไขก็คงเป็นสามีของนาง”

ศิษย์ของจอมเวทย์พยักหน้าพลางกล่าวเสริม “ไม่เพียงสามีของนางเท่านั้น กระหม่อมได้ยินมาว่าสงครามหนานเจียงที่ซีเหลียงและหนานเยี่ยนร่วมมือกันโจมตีต้าโจวในตอนนั้นทำให้ปู่ บิดา ลุงและน้องชายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวล้วนเสียชีวิตอยู่ที่นั่น นางต้องอยากย้อนเวลากลับไปช่วยเหลือญาติและสามีของตัวเองแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกอีกครั้ง “เช่นนั้นพวกเราต้องได้เปรียบแน่ พวกเรารีบกลับไปตั้งหลักก่อนเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ กลับไปเทียนเฟิ่งก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ศิษย์จอมเวทย์กล่าว

ตอนที่อาเค่อเซี่ยได้รับคำสั่งจากซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเขาก็คิดว่าพวกเขาควรถอยทัพกลับไปยังเทียนเฟิ่งก่อน เขาคือแม่ทัพสูงสุดของกองทัพช้าง ฝ่าบาทเชื่อพระทัยในตัวเขาถึงสั่งให้เขาเป็นคนควบคุมกองทัพใหญ่เหล่านี้

หลายวันมานี้อาเค่อเซี่ยเห็นช้างค่อยๆ ล้มป่วยไปทีละตัว เขาปวดใจเหมือนเห็นลูกของตัวเองล้มป่วย เขากลัวว่าช้างเหล่านี้จะเป็นอันใดไปเสียก่อน

ทว่า ฝ่าบาทของเขาเป็นคนสั่งให้เขายกทัพมายังดินแดนแห่งนี้ เขาไม่อาจกังขาในคำสั่งของฝ่าบาทดังนั้นจึงจำต้องพากองทัพช้างมาเช่นนี้

วันนี้ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ถอยทัพอาเค่อเซี่ยจึงโล่งใจขึ้นไม่น้อย ตอนนี้ต้าเยี่ยนกับต้าโจวกำลังแย่งบุกยึดครองดินแดนของซีเหลียงราวกับสุนัขแย่งพื้นที่ของตัวเองกันอยู่ พวกเขาควรถือโอกาสนี้ถอยกลับไปยังเทียนเฟิ่งให้เร็วที่สุด

อาเค่อเซี่ยจะกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีก ถึงเวลานั้นเขาจะทำให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนมาคุกเข่าอยู่แทบเท้าช้างศึกของเขาให้ได้

อาเค่อเซี่ยนึกถึงต่งชิงเยว่ก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้น ไม่เคยมีผู้ใดกล้าเหิมเกริมต่อหน้ากองทัพช้างของเขาเช่นนี้มาก่อน

“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ถอยทัพแล้ว พวกเราถอนค่ายทหารและรีบออกเดินทางเถิดขอรับ!” รองแม่ทัพของอาเค่อเซี่ยกล่าวขึ้น

อาเค่อเซี่ยรู้ดีว่าเขาควรรีบถอยทัพจากไปให้เร็วที่สุดทันทีที่ได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท ทว่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้

เมื่อเห็นอาเค่อเซี่ยเม้มปากแน่น รองแม่ทัพจึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ท่านแม่ทัพ จะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้วนะขอรับ พวกเราควรรีบจากไปโดยเร็วที่สุด! จากไปเร็วเท่าใดช้างของพวกเราจะล้มป่วยน้อยลงเท่านั้นขอรับ”

อาเค่อเซี่ยหลับตาลง ไม่นานจึงกล่าวขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่รีบ ทว่า ก่อนหน้านี้ทัพของฝ่าบาทเสียหายอย่างหนักที่ภูเขาหานเหวิน หากพวกเราต้องการเดินทางกลับไปถึงแคว้นเทียนเฟิ่งโดยเร็วที่สุดพวกเราต้องเดินผ่านภูเขาหลิวเซียง ข้ากลัวว่าต้าเยี่ยนหรือต้าโจวอาจดักซุ่มโจมตีพวกเราอยู่ที่นั่น”

“สายของพวกเรารายงานว่ากองทัพใหญ่ของต้าโจวมุ่งหน้าไปยังทิศใต้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ” รองแม่ทัพกล่าว

“ทว่า ข้ายังไม่สบายใจอยู่ดี” อาเค่อเซี่ยนิ่งคิดครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ให้ทหารรีบรื้อค่ายทหารและจากไปโดยเร็ว ส่งคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของต้าโจวเพิ่ม เมื่อใกล้ถึงภูเขาหลิวเซียงจงหยุดตั้งค่ายพักแรมแถวนั้นก่อน เมื่อต้าเยี่ยนและต้าโจวเริ่มบุกโจมตีซีเหลียงพวกเราค่อยรีบเดินผ่านภูเขาหลิวเซียงกลับไปยังเทียนเฟิ่งทันที!”

“ขอรับ” ทหารรับคำและไปถ่ายทอดคำสั่ง

ข่าวที่อาเค่อเซี่ยถอนค่ายทหารและเริ่มออกเดินทางถูกส่งไปให้ไป๋ชิงอวี๋และไป๋จิ่นซิ่วอย่างรวดเร็ว

“คำนวณจากความเร็วในการเดินทางของกองทัพช้าง พวกเขาคงถึงภูเขาหลิวเซียงในวันมะรืน” ไป๋ชิงอวี๋มองแผนที่พลางกล่าวขึ้น

“อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนส่งข่าวมาบอกว่าเขาจะมาถึงบริเวณนี้ของภูเขาหลิวเซียงในวันพรุ่งนี้” ไป๋จิ่นซิ่วชี้นิ้วลงในตำแหน่งหนึ่งของแผนที่

ไป๋ชิงอวี๋ยกยิ้มมุมปาก “ภูมิประเทศของภูเขานี้คล้ายคลึงกับภูเขาหานเหวินมากดังนั้นพวกเราใช้วิธีการรบเดียวกับที่ภูเขาหานเหวินอีกครั้งก็แล้วกัน ครั้งนี้จำนวนช้างของพวกนั้นมากกว่าคราวที่แล้ว หากช้างเหล่านั้นได้กลิ่นฉุนของพริกพวกมันต้องคุ้มคลั่งและวิ่งชนกันเองจนล้มตายไปหลายตัวแน่ พวกเราจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมาก”

ไป๋ชิงอวี๋มีประสบการณ์จากสนามรบที่ภูเขาหานเหวินมาแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกว่ากองทัพช้างไม่ได้ควบคุมได้ง่ายถึงเพียงนั้น