บทที่ 1153 พักไม่ได้

หลายวันต่อมา

คณะผู้แทนจากเยอรมนีทำหน้าที่เสร็จสิ้น

ส่วนเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศยังต้องรับผิดชอบในการไปส่งที่สนามบิน

เรื่องนี้ฝ่ายผู้นำจำต้องออกหน้าอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับล่ามอย่างซูเสี่ยวเถียน

ทว่าเธอได้สร้างอิทธิพลอย่างล้ำลึกต่อคณะผู้แทนไว้ไม่น้อย เลยได้รับเกียรติจากพวกเขาอย่างสูง

สุดท้ายทางผู้นำก็ตัดสินใจให้เธอติดตามเฉียนกังผู้รับผิดชอบงานรับรองคณะผู้แทนในคราวนี้ไปส่งที่สนามบิน

เพื่อนร่วมงานในกระทรวงได้ยินต่างอิจฉา

นั่นหมายความว่าเด็กสาวได้รับการยอมรับจากแขกชาวต่างชาติและผู้นำของกระทรวงการต่างประเทศ

ซึ่งคนที่ได้รับการยอมรับตั้งแต่อายุยังน้อย โดยพื้นฐานจะมีอนาคตอันสดใสในกระทรวงแน่นอน

“เสี่ยวเถียน ฉันจะตั้งใจทำงานเพื่อเรียนรู้จากเธอ และมุ่งมั่นฝึกฝนตัวเองให้เร็วที่สุด!”

จานจิ้งอวิ๋นมีแต่ความรู้สึกอิจฉาล้วน ๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม และเธอก็เอ่ยด้วยความจริงใจ

หลายวันมานี้เธอกับซูเสี่ยวเถียนอยู่ด้วยกันทั้งวัน เลยทำให้ได้รู้จักอีกฝ่าย

ทีแรกคิดว่าแค่เก่งเฉย ๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องพึ่งพาผู้ใหญ่ที่บ้าน

ทว่ากลับเห็นเธอใช้เวลาที่เหลือไปกับการอ่านหนังสือเพื่อชาร์จพลัง

เหมาะมากหากอธิบายตัวซูเสี่ยวเถียนด้วยประโยคที่ว่า ‘มือไม่ห่างจากม้วนหนังสือ’*[1]

เด็กผู้หญิงแบบนี้ฉลาด และยินดีทำงานหนักเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาครอบครัวเลย

“พี่จิ้งอวิ๋นสู้ ๆ นะคะ!” ซูเสี่ยวเถียนให้กำลังใจ

เธอชอบผู้หญิงร่าเริงและไม่มีความคิดอื่นแฝงแบบนี้มาก

ระหว่างทางไปสนามบิน คริสติน่าจับมือซูเสี่ยวเถียนไว้ตลอด และเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่าไม่อยากกลับเลย

เธอยิ้ม “อนาคตเธอมาหาเราได้บ่อย ๆ นะ ฉัน พี่สี่ แล้วก็คนที่บ้านยินดีต้อนรับเสมอ!”

ถ้าได้มาใช้ชีวิตที่ดีจะดีกว่าไหมนะ

คริสติน่ายิ้มแย้มทันที “พี่ชายฉันคิดจะเปิดสาขาที่จีนนะ ไว้ถึงเวลาจะมาทำหน้าที่ส่วนนี้นะ!”

เดิมทีเธอไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ได้มาที่ประเทศจีนและเห็นความเปลี่ยนแปลงเพียงไม่กี่ปีจึงจุดประกายความคิดขึ้น

ซูเสี่ยวเถียนไม่นึกเลยว่าออกัสจะมีความคิดเช่นนี้

แต่เจ้าตัวก็ไม่แปลกใจเท่าไร

เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนในตอนนี้ดีมาก จึงเหมาะแก่การลงทุนไม่น้อย และยังมีสิทธิพิเศษหลายอย่างสำหรับนักธุรกิจต่างชาติด้วย

เป็นเรื่องปกติหากคุณออกัสจะเห็นตลาดที่นี่

เธอมองเพื่อนสาว หากเจ้าตัวมาทำงานที่จีนได้คงได้เป็นว่าที่สะใภ้สี่บ้านเราจริง ๆ

โธ่ถัง เธอห่วงเรื่องนี้จริง ๆ นะ!

“ยินดีต้อนรับคุณคริสติน่าคนสวยย้ายมาอยู่จีนนะคะ ไว้ถึงตอนนั้นจะพาไปกินอาหารจีนเองค่ะ!”

การจะจับคริสติน่าต้องเอาของกินมาล่อ

แล้วอีกฝ่ายดันสนใจจริง ๆ

“กลับถึงบ้านเมื่อไรฉันจะเรียนภาษาจีนเลย”

ซูเสี่ยวเถียน “…”

พี่สี่จะแพ้ของกินจริง ๆ หรือ?

ถึงพวกคริสติน่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้แค่ขึ้นเครื่องกลับเยอรมนีไป

ซูเสี่ยวเถียนมองเครื่องบินเหนือน่านฟ้าด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ตามกฎของกระทรวงการต่างประเทศนั้น หลังจากเข้าร่วมงานต้อนรับจะมีเวลาพักผ่อนสองสามวัน

ก่อนหน้านี้เธอจะไปโรงอาหารที่หลู่เซียงเซียง แต่ว่าตอนนี้ตั้งใจจะหยุดพักสองวัน

หลายปีที่ผ่านมาเธอมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก

พอคุณย่าซูรู้ว่าหลานสาวจะกลับมาพักที่บ้านก็เอาแต่พูดว่า “ยัยเด็กคนนี้ ควรพักผ่อนได้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีสอบแล้วไม่ใช่หรือ มัวทำอะไรอยู่เนี่ย?”

ซูเสี่ยวเถียนดึงแขนเสื้อท่านแล้วเอ่ยอย่างน่ารัก “ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ว่า ‘อยู่จนแก่ เรียนจนแก่’*[2] ถึงจะไม่ได้สอบแล้ว แต่เราจะผ่อนคลายตัวเองไม่ได้ค่ะ เหมือนย่าที่อายุเยอะแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดทำอาหารใหม่ ๆ ออกมาใช่ไหมล่ะ”

หญิงชราบีบจมูกหลานเบา ๆ ก่อนถอนหายใจ

ทีแรกก็นึกว่าการพักผ่อนของหลายคือพักจริง ๆ

แต่วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวกลับทำอะไรไม่รู้อยู่ในห้อง

พอตื่นปุ๊บก็เขียนแบบแผนทันที

เอกสารนี้เป็นการวางแผนเรื่องโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่หมู่บ้านหนานหลิ่ง

ในเมื่อมีความคิดแล้วเธอย่อมตัดสินใจดำเนินการทันที

ยายเฒ่าทุกข์ใจที่เห็นหลานเอาแต่ขีด ๆ เขียน ๆ แม้จะอยู่บ้าน เลยอดบ่นไม่ได้

“ยัยเด็กคนนี้ หยุดทั้งทีทำไมยังทำงานอยู่เนี่ย”

“ปล่อยเด็กไปเถอะยายเฒ่า พวกเขาโตแล้ว มีชีวิตเป็นของตัวเอง!”

ในขณะที่คุณปู่ใจกว้างกับเรื่องนี้เสมอมา

เขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องเด็ก ๆ เท่าไร

เพราะลูกหลานล้วนมีเหตุผลเป็นของตน และไม่ทำให้เขาเสียใจแน่

“แค่ปวดใจเฉย ๆ อยากให้หลานมันพักบ้าง”

คุณย่าซูคิดมาตลอดว่าถ้ามีหลานสาวจะตามใจเยอะ ๆ

กลายเป็นว่าหลานสาวดันทำงานเหนื่อยกว่าไอ้พวกเหลือขอที่บ้านเสียอีก

ได้พักทั้งทีก็ต้องทำงาน

ยายแก่แบบเธอทำอะไรไม่ได้เลย

“ไปทำอาหารกันเถอะ เดี๋ยวเจี้ยนหงจะมาด้วยนี่ จะไม่ทำของอร่อย ๆ เตรียมต้อนรับว่าที่หลานสะใภ้หรือ?”

เพื่อไม่ให้ภรรยาพูดไปเรื่อย คุณปู่ซูจึงเปลี่ยนเรื่อง

หญิงชราได้ยินดังนั้นก็ชวนสามีช่วยทำอาหารทันที

“เจี้ยนหงต้องไม่ได้กินของอร่อย ๆ แน่เลย ฉันเตรียมของที่เธอชอบไว้ดีกว่า”

คุณปู่ซูมองอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ยายแก่อายุเยอะมากแล้ว แต่นิสัยยังเหมือนเดิมเลย

จะว่าไปคงเพราะได้ใช้ชีวิตสุขสบายในเมืองหลวงด้วย จึงดูสาวกว่าสมัยอยู่หนานหลิ่งเสียอีก

เมื่อหลี่เจี้ยนหงมาถึง ซูเสี่ยวเถียนยังเขียนแผนการไม่เสร็จเลย

หญิงสาวเห็นก็ได้แต่ตกใจ

“เสี่ยวเถียน เธอจะเปิดโรงงานใหม่หรือ?”

เราเรียนด้วยกัน อยู่หอเดียวกัน มาจากตะวันตกเฉียงเหนือด้วย แต่ทำไมเพื่อนถึงเก่งขนาดนั้น?

จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง?

เธอคิดว่าโรงงานแปรรูปก็ดีมากแล้วนะ แต่ตอนนี้เหมือนโดนโจมตีจนร่างแหลกอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากทำงานในสมาพันธ์สตรีก็ได้สร้างโรงงานทำเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของผู้หญิง

ทีแรกคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วนะ แต่พอเห็นของเพื่อนแล้วเทียบไม่ได้เลยจริง ๆ!

“ฉันคิดจะสร้างโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกแห่งหนึ่งในหมู่บ้านหนานหลิ่งน่ะ คิดว่าน่าจะเป็นตลาดที่ใหญ่แน่!”

[1] มือไม่ห่างจากม้วนหนังสือ หมายถึง คนที่ขยันหมั่นเพียร

[2] อยู่จนแก่ เรียนจนแก่ หมายถึง คนเราต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต