ตอนที่ 288-2 น้องเฉียวออกโรง

จีซวงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หากนางเป็นน้องสาวของเจ้าจริง เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้”

ท่านเขยฉินก้มหน้านิ่ง “ข้าจะกล้าบอกเจ้าได้อย่าไร สถานการณ์ของข้าเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ หากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะบอกหรือ”

“ข้า…” จีซวงไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

ท่านเขยฉินเอ่ยอย่างเศร้าหมอง “ข้าไม่อยากใช้เงินของเจ้าเลี้ยงดูน้องสาวตัวเอง”

จีซวงเลื่อนสายตาไปมองเขา “ที่เจ้าบอกว่าจะไปเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษา ก็เพราะคิดอยากเลี้ยงดูน้องสาวงั้นหรือ”

ท่านเขยฉินพยักหน้า เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วยซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ควรหลอกเจ้า ข้าไม่กล้า…ไม่กล้าให้เจ้ารู้สถานการณ์ของบ้านข้าจริงๆ ข้ากลัวว่าเจ้าจะดูถูกข้า…”

จีซวงบิดผ้าเช็ดหน้า “เหตุใดนางถึงมาที่เมืองหลวง สามีของนางเล่า”

ท่านเขยฉินถอนหายใจ “สามีนางออกไปทำธุระข้างนอก ไม่ได้กลับไปหลายปีแล้ว นางได้ยินว่าสามีของนางมาอยู่ที่เมืองหลวงจึงเข้าเมืองมาตามหา แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ เงินที่พกติดตัวมาด้วยก็ใช้หมดแล้ว ตอนข้าบังเอิญเจอนาง นางกำลังเดินเร่ร่อนอยู่ตามถนนกับบุตรของนาง ข้าทำใจไม่ได้จริงๆ จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ”

จีซวงบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยความขุ่นมัว

ท่านเขยฉินจับหัวไหล่นาง นางปัดมือเขาออก เขาก็ยื่นมือมาจับอีก จับไว้แน่นมาก

จีซวงหลุบตาลง สีหน้าดูโกรธเกรี้ยวแต่กลับไม่ผลักออกอีก

เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “ซวงเอ๋อร์ ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ข้าผิดที่ปิดบังเจ้า แต่นางเป็นน้องสาวของข้าจริงๆ เจ้าเชื่อข้านะ”

จีซวงหันมองหลี่ซื่อ หลี่ซื่อเบือนหน้าหนีด้วยความลำบากใจ นางเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

จีซวงหันไปมองสตรีนางนั้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้าเข้ามานี่!”

สตรีนางนั้นอุ้มบุตรค่อยๆ เดินเข้ามา

จีซวงปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเรียบเฉย “เจ้าชื่ออะไร”

สตรีนางนั้นหันไปมองท่านเขยฉิน ท่านเขยฉินพยักหน้า นางหลุบตาลงตอบว่า “ข้าชื่อฉินเฉียว”

ฉินเฉียว? จีซวงมองประเมินอีกฝ่ายขึ้นลงรอบหนึ่ง นางบอกไม่ถูกว่าทำไม แต่รู้สึกว่าสตรีนางนี้ดูคุ้นหน้า คล้ายว่าเคยพบที่ไหนมาก่อน “เจ้าเป็นน้องสาวเขาจริงๆ?”

ฉินเฉียวค้อมกายเล็กน้อย “เจ้าค่ะ”

ท่านเขยฉินพูดเสียงเบาว่า “ซวงเอ๋อร์ เวลานี้เจ้ายกโทษให้ข้าได้แล้วกระมัง”

จีซวงพลันถลึงตาใส่ “ฝันไปเถอะ!”

ท่านเขยฉินพูดเสียงอ่อนว่า “จะผิดเป็นร้อยเป็นหมื่นครั้งก็เป็นความผิดข้า เจ้าจะโกรธข้าก็ได้ แต่เจ้าอย่าห้ามไม่ให้ข้าอุ้มลูกจะได้หรือไม่ ลูกก็คิดถึงพ่อนะ”

จีซวงกรอกตาบนพร้อมส่งเสียงหึเย็นๆ

ท่านเขยฉินอุ้มคุณชายห้าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นตุ่มบนใบหน้าเขา นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความสงสาร

จีซวงเห็นเขาท่าทางประหนึ่งอยากจะเจ็บป่วยแทนบุตรชายเสียให้ได้ สีหน้าจึงดูดีขึ้นเล็กน้อย “เวลานี้เจ้าคิดจะทำเช่นไร”

ฉินปิงอวี่ตอบว่า “รักษาเด็กให้หายดีก่อน ไว้หายแล้วข้าค่อยหาวันเหมาะๆ ส่งพวกเขาแม่ลูกกลับไป”

จีซวงกระแอมไอ “ไม่หาสามีนางแล้วหรือ”

ฉินปิ่งอวี่ยิ้มเล็กน้อย “ข้าหาก็พอแล้ว ให้นางกลับไปรอฟังข่าวจากข้า”

ตัวจีซวงเองตัดสินใจไม่ถูก จึงหันไปหาหลี่ซื่อ คราแรกกระทั่งเฉียวเวยนางยังไม่ชอบ จึงยิ่งไม่ชอบญาติยากจนของผู้เป็นเขยสักเท่าไร นางเอ่ยเสียงเรียบว่า “ในเมื่อท่านเขยวางแผนไว้แล้ว เช่นนั้นก็จัดการตามที่ท่านเขยว่าเถิด หากต้องการให้พี่รองของเจ้าช่วยเหลือก็ไม่ต้องเกรงใจ”

ฉินปิงอวี่วางบุตรชายลงแล้วลุกขึ้นประสานมือโค้งคำนับ “ขอบคุณพี่สะใภ้รอง”

หลี่ซื่อยิ้มตอบตามมารยาท “คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”

ฉินปิงอวี่พูดกับจีซวงต่อว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปส่งน้องสาวกลับ”

“กลับไปที่ใดหรือ”

จู่ๆ เสียงของเฉียวเวยดังขึ้นที่หน้าประตู พอผ้าม่านขยับ เฉียวเวยก็เดินเบาๆ เข้ามา สายตาเจือแววยิ้มกวาดมองไปรอบห้องแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “คึกคักเพียงนี้เชียวหรือ เมื่อครู่ข้ากลับไปที่จวน ได้ยินว่าท่านน้าตามหาข้า”

จีซวงหันไปมองนาง “เจ้ามาหาถึงที่นี่ได้อย่างไร”

เฉียวเวยตอบว่า “ข้าไปหอหลิงจือที่อยู่แถวบ้านตระกูลจี ท่านหมอโยวบอกข้าว่าพวกท่านมากันที่นี่แล้ว”

จีซวงจึงบอกว่า “น้องห้าของเจ้าเป็นโรคหัด ข้าหาเจ้าอยู่เป็นครึ่งค่อนวันก็หาตัวไม่เจอสักที ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว!”

เฉียวเวยเดินเข้ามาพร้อมยื่นมือออกไป “ให้ข้าดูหน่อย”

จีซวงส่งบุตรชายให้เฉียวเวย

“เจ้าเคยออกหัดมาแล้ว?” หลี่ซื่อถาม

เฉียวเวยยิ้ม “เคยแล้ว”

หลี่ซื่อจึงวางใจ

เฉียวเวยตรวจดูให้คุณชายห้าเสร็จก็ห่อตัวคุณชายห้าด้วยผ้าอย่างเก่า “เป็นโรคหัด ท่านหมอเขียนใบยาให้แล้วกระมัง”

หลี่ซื่อรีบบอกว่า “เขียนให้แล้ว เอาไปต้มอยู่”

“เช่นนั้นก็ดี” สูตรยาของที่นี่กับสูตรของนางเป็นสูตรเดียวกัน เพียงแต่มีคนส่วนน้อยที่เพราะเหตุผลทางร่างกาย จึงมีการต่อต้านสมุนไพรที่ใส่ลงไปพอสมควร หากเด็กคนนี้ไม่มีร่างกายประเภทนี้ ก็จะหายดีได้ในเวลาไม่กี่วัน

หลังจากนั้นเฉียวเวยถึงได้คล้ายว่ามองเห็นสองแม่ลูกคู่นั้นในที่สุด สีหน้านางดูตกใจ “เอ๊ะ? นี่ไม่ใช่ฮูยินคนเมื่อวานที่พวกเราบังเอิญเจอบนถนนหรอกหรือ”

ฉินเฉียวที่อุ้มบุตรอยู่ย่อตัวคารวะ

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

สตรีนางนั้นกัดริมฝีปาก

จีซวงตอบแทนเสียงเรียบว่า “นางเป็นน้องสาวของท่านเขย”

เฉียวเวยคล้ายเข้าใจทุกอย่างในบัดดล “เป็นน้องสาวของท่านเขยหรือนี่ แล้วเหตุใดถึงมาเมืองหลวงได้ เวลานี้พักอยู่ที่ใด”

สตรีนางนั้นหันไปหาท่านเขยฉินอย่างทำอะไรไม่ถูก ท่านเขยฉินตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “น้องสาวเพิ่งมาเมื่อต้นปี เช่าบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่ในเมืองหลวง”

เฉียวเวยถอนหายใจ “ท่านเขย นี่ก็เป็นท่านที่ทำไม่ถูกแล้ว น้องสาวของท่านก็เป็นน้องสาวของท่านน้า ในเมื่อน้องสาวของท่านน้ามาก็ควรจะให้อยู่บ้านตระกูลจีถึงจะถูก เหตุใดถึงไปอยู่อย่างอัตคัดในบ้านหลังเล็กๆ ได้”

ท่านเขยฉินคลี่ยิ้ม “อีกไม่นานนางก็จะกลับแล้ว”

เฉียวเวยบอกว่า “ก็เพราะยิ่งใกล้จะกลับนี้แลจึงต้องไปพักอยู่ที่บ้านตระกูลจี มิเช่นนั้นวันหน้าหากเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนที่รู้ก็จะบอกว่าท่านเขยไม่อยากรบกวนตระกูลจี แต่คนไม่รู้คงคิดกันว่าตระกูลจีรังเกียจท่านเขย จนแม้แต่ญาติของท่านเขยก็พลอยถูกรังเกียจไปด้วย!”

จีซวงรู้สึกว่าที่เฉียวเวยพูดมีเหตุผลนัก ถึงแม้นางจะไม่ได้ต้อนรับสตรีนางนี้สักเท่าไร แต่ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงหน้าตาของฉินปิงอวี่ อย่างไรนางก็ควรให้อีกฝ่ายมาอยู่ที่บ้าน “ให้น้องสาวเจ้าย้ายมาอยู่บ้านตระกูลจีเถิด”

ท่านเขยฉินรีบบอกปัด “ไม่ต้องลำบากหรอก อีกไม่กี่วันนางก็ไปแล้ว!”

เฉียวเวยเอ่ยยิ้มแย้มว่า “ท่านเขย เด็กที่ป่วยเป็นโรคหัด ต้องใช้เวลาเป็นสิบวันครึ่งเดือนกว่าจะหาย หลังจากหายดีแล้วก็ยังต้องบำรุงให้ดี หากไม่มีสักยี่สิบวันหรือหนึ่งเดือน คงออกไปไหนไม่ได้”

การทิ้งให้ญาติของท่านน้าอยู่ข้างนอกนานเพียงนั้น หากพูดกันออกไปคงไม่น่าฟังนักจริงๆ

จีซวงโบกมือ “ไม่ต้องพูดแล้ว ให้ฉินเฉียวย้ายเข้าบ้านตระกูลจีไปนี่แหละ”