ตอนที่ 1157 ใจดี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1157 ใจดี

“ขอบพระคุณใต้เท้ามากขอรับ ขอบพระคุณขอรับ!” เจ้าเมืองรีบโค้งกายคำนับ

เซียวรั่วไห่พยักหน้า เขาค่อนข้างประทับใจในตัวเจ้าเมืองผู้ไม่โลภมากคนนี้อยู่พอสมควร ชายหนุ่มกล่าวต่อ “เจ้าเมืองช่วยไปเขียนความชอบและนิสัยประจำตัวของฮูหยินและบุตรสาวของท่านให้ข้าอย่างละเอียดที่เรือนรับรองด้วย”

“ขอรับ เขียนเสร็จแล้วข้าจะให้คนนำไปมอบให้ท่านขอรับ” เจ้าเมืองรีบโค้งคำนับเซียวรั่วไห่อีกครั้ง

ตอนเซียวรั่วไห่เดินกลับไปหาไป๋ชิงเหยียน ชุนจือเตรียมหม้อทองแดงตามคำสั่งของเว่ยจงเรียบร้อยแล้ว

วันนี้ทุกคนจะรับประทานอาหารเย็นกันที่เรือนดอกไม้ น้ำแกงในหม้อตุ๋นแกะเดือดระอุและส่งกลิ่นหอมออกมาจากหม้อ

เมื่อเห็นเซียวรั่วไห่เดินมาไป๋จิ่นเจาจึงเอ่ยขึ้น “เซียวรั่วไห่มาแล้ว! พวกเราจะได้ทานกันเสียที ข้าหิวจนตาลายแล้วเจ้าค่ะ”

“ลำบากหรู่ซยงแล้ว พวกเราทานไปพลางสนทนากันไปเถิด…” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้เซียวรั่วไห่จากนั้นกล่าวต่อ “ชิงจู๋ไม่ชอบทานเนื้อแกะ ในเมืองมีเรื่องต้องจัดการอีกมากมายนางจึงขอตัวก่อน”

เซียวรั่วไห่รับคำด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขาหันไปทำความเคารพเจ้านายทุกคน จากนั้นนั่งลงข้างเว่ยจ้าวเหนียน ทุกคนล้วนเป็นทหารและครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีการแบ่งแยกบุรุษและสตรี

เซียวรั่วไห่ยื่นป้ายหยกให้เว่ยจงให้เว่ยจงส่งต่อให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ตอนนั้นบ่าวรับใช้คนสนิทของแม่ทัพเย่โส่วกวนเป็นคนมอบป้ายหยกแผ่นนี้ให้ฮูหยินของเจ้าเมืองขอรับ ฮูหยินเจ้าเมืองกล่าวว่าขอเพียงบุตรสาวของนางนำป้ายหยกนี้ไปพบบ่าวรับใช้ของเย่โส่วกวน เขาจะขโมยป้ายคำสั่งของเย่โส่วกวนมาให้นางแน่นอนเพราะว่าใบหน้าของบุตรสาวของเจ้าเมืองคล้ายคลึงกับฮูหยินเจ้าเมืองตอนเป็นสาวมากขอรับ ทว่า ต่อมาเจ้าเมืองบอกข้าว่าบุตรสาวของเขาไม่ได้หน้าคล้ายคลึงกับฮูหยินของเขาถึงเพียงนั้น ที่สำคัญบุตรสาวของเขาค่อนข้างเจ้าแผนการ เขากลัวว่านางจะมีใจคิดเป็นอื่นระหว่างเดินทางไปยังด่านเย่เฉิงจนเป็นอันตรายต่อชีวิตของนางเองขอรับ”

“บุตรสาวของเขาอายุเท่าใดแล้ว ข้าแสร้งปลอมตัวเป็นบุตรสาวของเขานำป้ายหยกไปพบบ่าวรับใช้ของเย่โส่วกวนแทนนางดีหรือไม่” ไป๋จิ่นเจาหันไปขออนุญาตพี่หญิงใหญ่ของตัวเอง “พี่หญิงใหญ่ ให้ข้าลองดูเถิดเจ้าค่ะ”

“คุณหนูห้าไม่เหมาะสมขอรับ บุตรสาวของเจ้าเมืองเป็นกุลสตรีที่เก็บตัวอยู่แต่ในจวน นางไม่ได้มีไอสังหารที่ได้มาจากสนามรบอย่างคุณหนูห้า หากคุณหนูห้าไปต้องถูกจับได้แน่นอนขอรับ” เซียวรั่วไห่กล่าวอย่างบ่ายเบี่ยง คุณหนูห้าฝึกซ้อมรบและออกรบในสนามจนผิวคล้ำลงกว่าเดิมมาก สตรีสูงศักดิ์ของตระกูลใดจะมีผิวที่คล้ำเช่นนี้กัน

มีเพียงตระกูลไป๋ของเขาเท่านั้นที่สตรีสูงศักดิ์ไม่ปฏิบัติตัวให้เหมือนสตรีสูงศักดิ์ ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีล้วนต้องออกรบในสนามรบทั้งสิ้น

คิดได้ดังนี้เซียวรั่วไห่จึงรู้สึกสงสารคุณหนูใหญ่ของเขาและคุณหนูคนอื่นของตระกูลไป๋มาก

“เช่นนั้นให้ข้าไปแทนหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นหวากล่าว “ทว่า ข้าแสดงไม่ค่อยเก่งเจ้าค่ะ”

“ครั้งนี้มีอันตรายหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นเซ่อถาม “หากไม่อันตราย ข้ามีคนจะเสนอเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงฉีมองไปทางน้องสาวของตัวเอง ความจริงเขาก็มีตัวเลือกอยู่ในใจคนหนึ่งเช่นเดียวกัน คนคนนั้นน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ไป๋จิ่นเซ่อคิด คนผู้นี้แสดงละครตบตาผู้อื่นได้อย่างแนบเนียน แสร้งทำเป็นความจำเสื่อมตั้งแต่ท่านอาหลูช่วยชีวิตนางไว้ นางหลอกจนน้องชายและน้องสาวของเขาหลงเชื่อคำนางทุกคน

หลูหนิงฮว่าได้ยินคำกล่าวของไป๋จิ่นเซ่อจึงรู้ทันทีว่านางกำลังหมายถึงหลูเหลียวเฉิน หลูหนิงฮว่าเป็นกังวลขึ้นมาทันที “ทว่า ฐานะของเหลียวเฉินไม่ชัดเจน ข้าไม่ดีเอง ข้าเห็นว่านางความจำเสื่อมไร้ที่พึ่งจึง…”

“ท่านอาหลูไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเช่นนี้ ท่านอามีเมตตาทำเรื่องดีเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลูหนิงฮว่ายิ้มๆ

“หลูเหลียวเฉินน่าจะคือซือหม่ารั่วตาน…” ไป๋ชิงฉีเอ่ยขึ้นช้าๆ “นางคือคนของตระกูลซือหม่าแห่งเมืองหลวง เป็นญาติกับซือหม่าผิงที่มาเข้าร่วมกองทัพไป๋ผู้นั้น”

“ที่แท้พี่ชายสามรู้นานแล้วหรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นเจาเบิกตาโพลง

“มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าพี่ชายสามจะปล่อยให้นางอยู่ในกองทัพไป๋ต่ออย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงอวิ๋นกล่าวยิ้มๆ

“นั่นสินะ…” ไป๋จิ่นเจาเกาศีรษะของตัวเองยิ้มๆ

“ตระกูลซือหม่า คือตระกูลของใต้เท้าซือหม่าผู้ช่วยผู้ตรวจการอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ตอนอยู่ที่เมืองหลวงหลูหนิงฮว่าอยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่มาตลอดโดย หญิงสาวรู้จักขุนนางในเมืองหลวงเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ช่วยผู้ตรวจการผู้นี้เป็นคนฉลาดและไหวตัวเร็วมาก เขาลางานอยู่แต่ในจวนก่อนที่เหลียงอ๋องจะเกิดเรื่องขึ้นเพียงไม่นาน เขากันตัวเองออกมาจากปัญหาของเหลียงอ๋องได้อย่างปลอดภัย

ต่อมาเมื่อแคว้นใหม่ถูกสถาปนาขึ้นเขาไม่ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ยังคงดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ตรวจการเพราะความสัมพันธ์ที่มีกับฉินหล่าง

“คือคนจากตระกูลบรรพบุรุษซือหม่าอย่างนั้นหรือ”

หลูหนิงฮว่ากล่าวจบก็ได้ยินหลูเหลียวเฉินขอเข้าพบไป๋ชิงเหยียนพอดี

ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือยิ้มๆ จากนั้นวางผ้าเช็ดหน้าลงบนถาดสี่เหลี่ยมที่ชุนจือถืออยู่ตามเดิม “ดูเหมือนว่านางคงจะคิดได้แล้ว ให้นางเข้ามาเถิด เตรียมถ้วยกับตะเกียบให้นางอีกชุดด้วย”

“ดูเหมือนว่าพี่หญิงใหญ่จะชอบเหลียวเฉิน…แม่นางซือหม่าจริงๆ นะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นเจากล่าวยิ้มๆ

ชุนจือพาซือหม่ารั่วตานเข้าไปด้านใน บัดนี้ซือหม่ารั่วตานเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเดิมตอนที่หลูหนิงฮว่าช่วยชีวิตนางเอาไว้ สาวน้อยสวมเสื้อคอปกสีขาวลายดอกกล้วยไม้งดงาม สวมกระโปรงยาวสีขาวหิมะ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมหยกสีขาวหนึ่งเล่ม ร่างทั้งร่างดูเรียบร้อยและสะอาดตามาก ทว่า ดวงตากลมโตสีดำคู่นั้นแดงก่ำ

ซือหม่ารั่วตานตัดสินใจได้แล้วจึงมาขอพบไป๋ชิงเหยียน นางคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนซึ่งเป็นถึงจักรพรรดินีของแคว้นจะไม่ถือตัว ไม่เพียงไม่ลงโทษที่นางหลอกลวงเบื้องสูงเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนยังกล่าวกับอาจารย์ของนางอีกว่านางคงมีเรื่องลำบากใจที่กล่าวออกมาไม่ได้

ดวงตาของซือหม่ารั่วตานร้อนผ่าว นางไม่อยากปิดบังไป๋ชิงเหยียนจึงตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เก็บสัมภาระของตัวเอง จากนั้นเตรียมสารภาพความจริงและจากไปทันที

สาวน้อยเดินเข้าไปในห้อง สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของไป๋ชิงฉีแวบหนึ่ง เมื่อเห็นไป๋ชิงฉียังคงมองมาที่นางด้วยแววตาราบเรียบเหมือนเคย นางจึงก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท หม่อมฉันแสร้งความจำเสื่อมติดตามท่านอาจารย์มายังชายแดนเพราะเมื่อหม่อมฉันหนีออกมาจากตระกูลนั้น หม่อมฉันก็ไม่มีที่ไปอีกเพคะ”

ใจของหลูหนิงฮว่ากระตุกวูบ นี่ยังมีเรื่องสตรีสูงศักดิ์หนีออกจากจวนอีกหรือนี่ เด็กสาวผู้นี้อ่านนิยายมากเกินไปหรืออย่างไรกัน!

“ไม่ปิดบังฝ่าบาท ความจริงหม่อมฉันคือคนของตระกูลซือหม่า ใต้เท้าซือหม่าผู้ช่วยผู้ตรวจการคือท่านอาสองของหม่อมฉัน นามของหม่อมฉันคือรั่วตานเพคะ…” ซือหม่ารั่วตานไม่กล้าเงยหน้าขึ้น นางกล่าวถึงตรงนี้ก็สะอื้นออกมาทันที

ผู้ช่วยผู้ตรวจการซือหม่าเยี่ยนคือบิดาของซือหม่าผิง ซือหม่าเยี่ยนและบิดาของฉินหล่างคือลูกพี่ลูกน้องกัน แสดงว่าซือหม่ารั่วตานคือญาติผู้น้องของซือหม่าผิงและฉินหล่าง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนจำได้ว่าซือหม่าเยี่ยนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลซือหม่า เหตุใดจึงกลายเป็นอาสองของซือหม่ารั่วตานได้

หากนับตามลำดับญาติในตระกูลบรรพบุรุษซือหม่าแล้วซือหม่ารั่วตานไม่น่าจะเอ่ยถึงซือหม่าเยี่ยนเพียงคนเดียว เพราะคนที่มีอำนาจและบารมีในตระกูลซือหม่าไม่ได้มีเพียงซือหม่าเยี่ยนคนเดียวเท่านั้น

เว่ยจงที่กำลังรินน้ำชาให้ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงขยับเข้าไปกระซิบข้างใบหูของไป๋ชิงเหยียน “บ่าวพอทราบความเป็นมาของตระกูลซือหม่าของผู้ช่วยผู้ตรวจการอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ แม้ใต้เท้าซือหม่าจะเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของครอบครัว ทว่า จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ใต้เท้าชราซือหม่าเคยมีบุตรบุญธรรมมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”