บทที่ 1160 ตัดสินใจขายของที่นี่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1160 ตัดสินใจขายของที่นี่

“อาหารปรุงสุกของหลู่เซียงเซียงใช้พื้นที่แค่ครึ่งหนึ่งเองค่ะ ส่วนพี่หูขายน้ำหวานไม่ได้ใช้พื้นที่เยอะ สองร้านรวมในแผงเดียวน่าจะดีกว่าค่ะ”

เพราะกลัวอีกฝ่ายปฏิเสธเลยรีบว่าต่อ “ค่าเช่ามันสูงกว่าที่อื่นด้วยค่ะ พี่หูรับไหวใช่ไหมคะ?”

หูเสี่ยวเหลียนได้ยินดังนั้นถึงกลับกลืนคำพูดลงไป

“จริงหรือ? ไม่ทำให้เธอเดือดร้อนใช่ไหม?”

หูเสี่ยวเหลียนกลัวจะเป็นตัวถ่วง

ชีวิตในตระกูลเซียงทำให้เธอไม่เคยได้รับความยุติธรรม ทั้งโดนสามีและแม่สามีพูดใส่ตลอดว่าเป็นตัวถ่วงไร้ประโยชน์

คงเพราะโดนดุด่ามากเกินไป จึงเกิดการตั้งคำถามถึงคุณค่าของตัวเอง

“ไม่เดือดร้อนอยู่แล้วค่ะ พี่ดูสิ เมืองอาหารว่างขาดแค่ร้านเครื่องดื่มนะ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะหาทางยังไงดี แล้วก็บังเอิญได้มาเจอพี่หูนี่ไง!”

เธอไม่ได้ปลอบใจ แต่บอกตรง ๆ

ตนเจอปัญหานี้มานานแล้ว ทีแรกจะเปิดร้านชานมเอง แต่ไม่มีพวกแก้วใช้แล้วทิ้ง ถ้าธุรกิจนี้หิ้วแก้วกลับไปไม่ได้มันลำบากมากเลย สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้

ตอนนี้มีน้ำหวานของหูเสี่ยวเหลียนมาขาย ซึ่งถือได้ว่ามันชดเชยข้อบกพร่องตรงนั้นได้

เผลอ ๆ เป็นเรื่องที่ดีมากด้วยซ้ำ

หูเสี่ยวเหลียนเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพบว่าเมืองอาหารว่างแห่งนี้มีแค่อาหาร แต่ไม่มีเครื่องดื่ม

เธอก็เลยไม่สงสัยในคำพูดของเด็กสาว

มันก็เพื่อให้ตนตั้งร้านได้อย่างสบายใจไม่ใช่หรือไง?

คิดได้แบบนั้นก็มองซูเสี่ยวเถียนด้วยสายตาซาบซึ้ง

ตนไม่ได้โง่ และยังรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะหาหนทางช่วยจริง ๆ

ทว่าประโยคที่พูดนั้นเรียบง่ายมาก จึงไม่รู้ถึงความไม่เหมาะสมตรงไหน

ซูเสี่ยวเถียนเห็นแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร

แสร้งไม่รู้ไม่ชี้แล้วพาอีกฝ่ายไปยังแผงร้านหลู่เซียงเซียง

เจ้าของแผงไม่ได้เจอซูเสี่ยวเถียนมาสักพักแล้ว ตอนที่ได้พบกันอีกครั้งก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาคิดว่าตาฝาดไป

กระทั่งมาถึงตรงหน้าถึงมั่นใจว่าเจ้านายมาจริง ๆ

หลังจากนั้นเจ้าของแผงคนอื่น ๆ ก็หาเวลาเข้ามาทักทาย จากนั้นก็บอกว่าจะให้เธอลองชิมอาหารของพวกเขาด้วย

หูเสี่ยวเหลียนมองเด็กสาวที่ทักทายอย่างเรียบง่าย ดูสนิทสนมกันทำตนไม่มั่นใจยิ่งกว่าเก่า

เราต่างกันมากจริง ๆ

เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของโรงงาน แต่ยังเป็นเจ้าของเมืองอาหารว่าง

หากมีความสามารถสักหนึ่งในสิบของซูเสี่ยวเถียน คงไม่ตกต่ำมาอย่างทุกวันนี้หรอก

หูเสี่ยวเหลียนตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งร้านที่นี่ต่อให้เป็นคนหน้าด้านก็ตาม

เธอยังฉลาดอยู่บ้าง รู้ว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว

ส่วนสาวน้อยทั้งสองดูเขิน ๆ เพราะไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้

แต่พวกเขาไม่ได้ร้องไห้ กลับมองด้วยสายตาตึงเครียดแล้วเม้มริมฝีปาก

เห็นเลยว่าในแววตามีความวิตกกังวลปรากฏอยู่

“เหวินจวิน เหวินอิน ชอบที่ไหนไหม? ถ้าแม่เปิดร้านที่นี่จะดีใจกันหรือเปล่า?” ซูเสี่ยวเถียนพยายามชวนคุย

ที่จริงเด็ก ๆ ไม่รู้เรื่องหรอก

แต่ก็ไม่ได้หยุดจากการพยักหน้าตอบรับเห็นด้วย

“จวินจวินชอบที่นี่!” คนเล็กเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อย

คนพี่พยักหน้าหงึกหงัก “หนูช่วยแม่ได้ค่ะ!”

หูเสี่ยวเหลียนได้ยินเช่นนั้น แววตาถึงกับร้อนผ่าวไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี

ลูกสาวต้องระหกระเหินไปนู่นนี่กับเธอ น่าสงสารมากจริง ๆ หากตั้งร้านที่นี่ได้อย่างน้อยชีวิตในอนาคตจะมั่นคงขึ้น

“พี่หูได้ยินที่เด็ก ๆ พูดแล้วใช่ไหมคะ พี่คิดเห็นว่าไงคะ?”

ซูเสี่ยวเถียนจับมือน้อย ๆ ของสองสาวแล้วเงยหน้าถาม

หูเสี่ยวเหลียนไม่รู้เลยว่าตนเองในตอนนี้ได้ทำให้ซูเสี่ยวเถียนนึกถึงตัวเองในชีวิตครั้งก่อน

เธอทำทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง

แต่หูเสี่ยวเหลียนมีความสุขมากกว่าตรงที่มีลูกสาวด้วย

ตอนนั้นเธอไม่มีลูกด้วยซ้ำ ชีวิตจึงโศกมาก

เลยยินดีให้ความช่วยเหลือกับหูเสี่ยวเหลียนอย่างมาก

หวังว่าโลกใบนี้จะมีผู้หญิงที่ชีวิตน่าสังเวชน้อยลงบ้าง

“ขอบคุณนะคะเจ้านาย!”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เสี่ยวเถา คนนี้คือพี่หูนะ หลังจากนี้แผงร้านเราจะแบ่งอีกครึ่งให้พี่หูเปิดร้านขายเครื่องดื่มด้วยค่ะ คุณเคลื่อนย้ายข้าวของได้นะ”

เทียบกับร้านอื่น ๆ ร้านเราดูกว้างขวางมาก เพราะมันก็แค่เอาอาหารแปรรูปจัดลงจานแล้วเสิร์ฟเอง

ถึงเสี่ยวเถาจะไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ในเมื่อเธอพูดแล้ว ตนที่เป็นคนงานจึงทำตามคำขอ

“เดี๋ยวผมจัดการให้เลยครับ”

จูหลานฮวาที่ถือโอกาสมาหาทราบเรื่อง ท่านก็เอาแต่พูดว่า ‘ดีจัง’ ไม่หยุด

“ก่อนหน้านี้มีคนถามเหมือนกันว่าทำไมไม่ขายเครื่องดื่ม ก่อนหน้านี้ป้าก็ทำอยู่ เอาพวกเครื่องดื่มสำเร็จมาขายน่ะ”

“แต่ถ้ามีร้านเครื่องดื่มมาตั้งขายน่าจะดีกว่าเยอะ”

จูหลานฮวาไว้วางใจในตัวหลานสาวมาก และคนที่พามาก็ไว้ใจได้ทั้งนั้น เรื่องนิสัยใจคอไม่ต้องพูดถึงแค่ฝีมือก็ไม่มีปัญหาแล้ว

ลูกค้าไม่ชอบน้ำอัดลมที่ตนเอามาขาย พวกเขาบอกว่ามันไม่น่าสนใจเท่าไร

เลยคิดว่าจะลองเสนอให้เสี่ยวเถียนดู

ไม่คิดเลยว่าหลานสาวจะพาคนผู้นั้นมาถึงที่นี่แล้ว

“หลังจากนี้ต้องฝากคุณป้าดูแลพี่หูด้วยนะคะ” เธอแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน

แต่ไม่ได้พูดเรื่องส่วนตัวอีกฝ่ายมากนัก

ทว่าจูหลานฮวาเป็นคนฉลาด จะไม่รู้ได้ยังไง?

ผู้หญิงตัวคนเดียวพาลูกสาวสองคนมาด้วย ต้องหย่ามาหรือไม่ก็แม่ม่ายเท่านั้น!

“ไม่ต้องห่วงนะ ที่นี่มีแต่คนกันเองทั้งนั้นจ้ะ ไม่มีใครรังแกเสี่ยวเหลียนกับเด็ก ๆ ได้หรอก

จูหลานฮวาถือว่าเป็นคนน่าเชื่อถือในเมืองอาหารว่างเลย ถ้าเกิดครอบครัวไหนมีปัญหา ตนจะเข้ามาจัดการให้เอง

รับประกันได้เลยว่าไม่มีอะไรให้เสี่ยวเถียนห่วง

“พี่หูลองขายดูนะ ถ้าขายดีก็อยู่ต่อ แต่ถ้าพี่ไม่พอใจก็เปลี่ยนได้เสมอค่ะ!”

“พอดีเลย เดือนนี้เหลืออีกสิบวันเอง เดี๋ยวค่าเช่าเริ่มคิดเดือนหน้านะคะ แต่พวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทำความสะอาดพี่ยังต้องรับผิดชอบค่ะ”

ค่าใช้จ่ายส่วนนั้นไม่ได้เยอะ เธอทำแบบนี้ก็เพื่อให้หูเสี่ยวเหลียนสบายใจน่ะ!