บทที่ 1186 จะแข็งใจปล่อยให้พ่อแม่รับความยากลำบากได้อย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1186 จะแข็งใจปล่อยให้พ่อแม่รับความยากลำบากได้อย่างไร

บทที่ 1186 จะแข็งใจปล่อยให้พ่อแม่รับความยากลำบากได้อย่างไร

“ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าตอนนั้นข้าไม่ทันระวังเลยตกลงไปในน้ำ นายน้อยกู้เลยช่วยชีวิตข้าไว้” เกาเหลียนจืออธิบายอีกครั้ง

สวีซื่อฟังสิ่งที่ลูกสาวอธิบายที่ไหนกัน นางตีมือลูกสาวอย่างแผ่วเบาและเอ่ยเตือน “เหลียนจือ ตอนนี้ตระกูลกู้รับปากที่จะหมั้นหมายกับเจ้าแล้ว เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว เจ้าอย่าสร้างปัญหาอีกเลย หากเจ้าตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ข้ากับพ่อเจ้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ท่านแม่ ท่านก็รู้ว่าข้ากับถัง…” เกาเหลียนจือเอ่ยดักคอ

สวีซื่อสะบัดมืออย่างแรง และพูดอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าอย่าพูดถึงแซ่ถังคนนั้นกับข้า ข้ากับพ่อเจ้าหวังดีต่อเจ้าเสมอ ในอนาคตอยากเห็นเจ้าแต่งงานมีครอบครัวที่ดี ใช้ชีวิตเป็นฮูหยิน และพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้เจ้ากลับมาเป็นสาวชาวบ้านอีก”

“ท่านแม่ พี่ถังจริงใจกับข้า” เกาเหลียนจืออยากจะอธิบาย

ใครจะรู้ว่าเมื่อสวีซื่อได้ฟังแบบนี้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “จริงใจแล้วมันได้อะไร กินข้าวได้ไหม ให้เจ้าแต่งตัวดี ๆ อยู่บ้านดี ๆ เป็นฮูหยินได้ไหม สามารถให้พี่ของเจ้าแต่งสะใภ้ได้ไหม”

สวีซื่อพูดจาอย่างตรงไปตรงมา นางพูดสิ่งที่คิดออกมาอย่างหมดเปลือก เมื่อเกาเหลียนจือได้ฟังก็นิ่งอึ้งไป “ท่านแม่ ข้าเป็นคนแต่งงาน เกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของท่านพี่ด้วย”

เกาเหลียนจือไม่เข้าใจตรรกะของสวีซื่อ และสวีซื่อก็รู้ตัวว่าตนเองพูดผิด จึงรีบหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพูดว่า “เหลียนเอ๋อร์ ข้าทำเพื่อเจ้า นายน้อยจากตระกูลกู้ไม่ได้แย่ไปกว่าถังซ่านจู่ ยิ่งกว่านั้นเขายังแก่กว่าเจ้ามาก แต่นายน้อยกู้ได้เป็นซิ่วไฉแล้ว ทว่าถังซ่านจู่คนนั้น ถึงตอนนี้ยังไม่ใช่ เจ้าลองคิดเกี่ยวกับตะกูลกู้ใหม่อีกครั้ง ตอนเจ้าป่วย เขาก็ให้โสมอายุหนึ่งร้อยปีมารักษาเจ้าให้หาย เกรงว่าตระกูลถังแม้แต่เงินค่าหมอก็ไม่มี ข้าทำเพื่อเจ้า หากเจ้าจะแต่งงานก็ต้องแต่งกับตระกูลที่ร่ำรวย เจ้าเข้าใจหรือไม่”

สวีซื่อบอกกับเกาเหลียนจือด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และบอกความคิดทั้งหมดกับเกาเหลียนจือ

สิ่งที่ตระกูลเกาต้องการคือตระกูลที่ร่ำรวย หากไม่ได้อยู่ในชนชั้นสูง ตระกูลเกาก็ไม่ต้องการ

เกาเหลียนจือไม่เคยคิดเลยว่าสวีซื่อจะห้ามไม่ให้นางแต่งงานกับตระกูลที่ยากจน ตอนแรกนางยากที่จะเข้าใจสิ่งเหล่านั้น

“ท่านแม่ ถึงแม้ท่านแม่กับท่านพ่อจะยากจน ไม่ใช่ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิตหรอกหรือ” เกาเหลียนจือพึมพำ

สามีภรรยาที่ยากจนและมีฐานะต่ำต้อยจะเศร้ากับทุกสิ่ง หากตระกูลเกาไม่ได้รับการช่วยเหลือ ตระกูลเกาคงไม่มีแม้แต่ข้าวกิน

เกาต้าผิงคิดว่ายังมีน้องสาวช่วยค้ำจุน ส่วนตัวเองก็ยังเอ้อระเหยลอยชา ไม่ทำอะไรจริงจังเสียที สิ่งที่คิดทุกวันคือการเลี้ยงให้ลูกสาวโตเร็ว ๆ จะได้มีเงินดื่มสุรา

สวีซื่อหวาดกลัวความจน ลูกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคน ครอบครัวของนางก็ยากจนอยู่แล้ว

นางฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เกาเหลียนจือเท่านั้น โอกาสดีขนาดนี้ควรคว้าเอาไว้ จะปล่อยให้หลุดมือไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้

แค่รู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในใจ เหมือนยิ่งห่างออกจากนางขึ้นเรื่อย ๆ อยากเอื้อมไปคว้า แต่ในใจกลับบอกว่าไม่ควร อย่าเลย เจ้าไม่มีทางทำได้หรอก

สวีซื่อยิ่งพูด น้ำตาก็ยิ่งไหลพรั่งพรูออกมา “เหลียนจือ แค่เจ้าแต่งงาน ในอนาคตพ่อกับแม่และตัวเจ้าเองก็จะมีความสุขเช่นกัน ข้าพยายามมาทั้งชีวิตเพื่อเจ้า แค่หวังว่าเจ้าโตขึ้นจะมีชีวิตที่ดี ถ้าเจ้าไม่มีอนาคตที่ดี เจ้าจะกตัญญูต่อพ่อแม่ได้อย่างไร ถ้าเจ้ายังใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้ พ่อแม่ก็จะคอยห่วงเจ้า แล้วเช่นนี้จะสบายใจได้อย่างไร ฮือ ฮือ ฮือ”

สวีซื่อพูดพลางสะอื้นไห้ไปด้วย คำพูดนั้นจริงจังมากราวกับว่านางเสียใจกับการตัดสินใจของเกาเหลียนจือ

“ชีวิตของเจ้าก็จะน่าสมเพช ข้าอยากจะช่วย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ชีวิตที่ทนทุกข์แบบนั้น เจ้าจะปล่อยให้พ่อแม่เสียใจไปกับเจ้าได้ลงคอหรือ?” สวีซื่อน้ำตานองหน้า ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ

“เจ้าคิดว่าพวกเราสองคนมีชีวิตที่ดีได้ขนาดนี้ ล้วนเป็นเพราะพ่อกับแม่ประหยัดกินประหยัดใช้เพื่อให้เจ้า เจ้าดูบ้านอื่นสิ งานการในบ้านมีลูกสาวบ้านไหนบ้างที่ไม่ต้องทำ ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นแหละ เหมือนกับคุณหนูในเมือง เพราะพวกข้ารักเจ้า อยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดี เป็นคนดี แต่เจ้ากลับทำให้พวกข้าเสียใจ อยากทำให้พวกข้าเสียใจไปทั้งชีวิตหรือ?” สวีซื่อพูดอย่างเจ็บปวดรวดร้าว ยิ่งพูดยิ่งเสียใจ มองลูกสาวที่งามหยาดเยิ้มตรงหน้า ในใจเหมือนกับได้ลิ้มลองรสชาติของชีวิต

ตอนนี้เกาเหลียนจือเป็นหญิงสาวงดงามหยาดเยิ้ม ไหล่อันบอบบางไม่อาจแบกรับเรื่องหนักหนาได้ ถ้าในอนาคตแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยก็คงจะดี หากไม่ได้แต่งออกไปด้วยรูปลักษณ์ที่บอบบางเช่นนี้ ตระกูลใดจะอยากได้ แต่งงานไปก็เป็นได้เพียงแจกันประดับบ้าน

เดิมทีเกาเหลียนจือเป็นคนใจอ่อน ครั้นเห็นสวีซื่อร้องไห้ ในใจก็พลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านอย่าร้องไห้ ท่านอย่าร้องเลย ข้าเชื่อท่าน ข้าเชื่อท่าน ข้าจะแต่งงาน ข้าจะแต่ง ฮือ ฮือ ฮือ”

เกาเหลียนจือร้องไห้สะอึกสะอื้นและบอกว่าตนเองจะแต่งงาน สวีซื่อเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของลูกสาว ในใจรู้อยู่แล้วว่าครั้งนี้เกาเหลียนจือเห็นด้วยจริง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

สวีซื่อคุยกับเกาเหลียนจืออีกสองสามประโยค แล้วก็กำชับเกาเหลียนจือให้พักผ่อนมาก ๆ จากนั้นนางก็ไปหาเกาต้าผิง

สิ่งที่สองแม่ลูกพูดกัน ล้วนเข้าหูของอาจั่วที่อยู่นอกบ้านทั้งหมด

เกาต้าผิงกำลังดื่มเหล้าอยู่ในบ้าน เขาเอาโสมนั้นไปขาย ขายได้หลายร้อยตำลึง

ตระกูลเกาไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน ได้ยินมาว่าโสมขายได้เงินเยอะ

ตระกูลกู้ร่ำรวยเอาเสียมาก ๆ

หลังจากประหลาดใจ ก็ดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง

เกาต้าผิงรับเงิน ขณะนั้นก็กินดื่มเมามายอยู่ที่เมืองหลิวเจีย เมื่อดื่มจนพอใจแล้วก็ยังไม่ลืมซื้อเหล้าสองสามไหกลับไปด้วย

ขณะนี้กำลังกินไปด้วยดื่มไปด้วย

ตอนที่สวีซื่อเข้าไป ภายในบ้านก็อบอวลไปด้วยกินเหล้า ทำให้สวีซื่อขมวดคิ้วมุ่น

เกาต้าผิงคนนี้ไม่ใช่คนเลว แต่ค่อนข้างไปทางขี้เกียจเสียมากกว่า นอกจากทำไร่นาก็ไม่คิดที่จะทำอย่างอื่นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว