ตอนที่ 1161 พักผ่อน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1161 พักผ่อน

“ฮูหยินเจ้าเมืองเย่อิงน่านหวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่าจะถูกกักตัวอยู่นอกด่านเย่เฉิง เมื่อคิดได้ว่าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอยู่ในมือของต้าโจว อำนาจของซีเหลียงกำลังหมดลง นางจึงตัดสินใจกลับไปยังเมืองซุ่นหนิง คิดใช้ฐานะน้องสาวของแม่ทัพเย่โส่วกวนซึ่งสามารถโน้มน้าวให้เย่โส่วกวนยอมจำนนหรือเปิดประตูเมืองให้ต้าโจวเป็นข้อแลกเปลี่ยนให้บุตรสาวของตัวเองได้แต่งงานกับราชวงศ์ต้าโจว”

ไป๋ชิงเหยียนลูบท้องของตัวเองเบาๆ จากนั้นเดินไปด้านหน้าเล็กน้อย “ทว่า จักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่ใช่คนโง่ที่จะถูกเย่อิงน่านหลอกได้ง่ายๆ นางไม่มีทางตอบตกลงทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นผลลัพธ์เช่นนี้แน่นอน ส่วนเย่อิงน่านก็ถูกขังเช่นเดียวกับหลี่เทียนฟู่เพราะความโลภของตัวนางเอง เย่อิงน่านจึงบอกให้บุตรสาวของตัวเองนำป้ายหยกหนีไปขอร้องให้บ่าวรับใช้ชายของเย่โส่วกวนช่วยเหลือ ขอเพียงบ่าวรับใช้ชายขโมยป้ายคำสั่งมาได้ชีวิตของเย่อิงน่านและหลี่เทียนฟู่จึงจะปลอดภัย หากเขาขโมยป้ายคำสั่งและเปิดประตูด่านไม่สำเร็จ ต้าโจวจะใช้ชีวิตของหลี่เทียนฟู่และเย่อิงน่านเป็นโล่กำบังตอนบุกโจมตีด่านเย่เฉิง!

ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าการขโมยป้ายคำสั่งไม่ใช่เรื่องง่าย ป้ายคำสั่งสามารถเปิดประตูด่านได้ นั่นเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของซีเหลียงทั้งแคว้น เย่โส่วกวนจะปล่อยให้ผู้อื่นขโมยมันไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

“บุตรสาวของเย่อิงน่านรู้ดีว่าคราวนี้มารดาของตัวเองอาจจบชีวิตด้วยน้ำมือของต้าโจว นางกลัวว่าความแค้นระหว่างเย่โส่วกวนและมารดาของนางที่สั่งสมมาหลายปีจะทำให้เย่โส่วกวนถือโอกาสนี้กำจัดมารดาของนาง จากนั้นปล่อยให้หลี่เทียนฟู่ตายไปและตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดิเสียเอง ดังนั้นนางจึงไปขอร้องให้บ่าวรับใช้ชายผู้นั้นช่วยเหลือ”

“หากบ่าวรับใช้ชายของเย่โส่วกวนซึ่งเป็นคนซีเหลียงไม่ห่วงความปลอดภัยของจักรพรรดินีของตัวเอง ในฐานะคนที่หลงรักเย่อิงน่านมาหลายปี หากเขาไม่กลัวว่าคนรักของตัวเองจะมีอันตราย เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจชีวิตของหลี่เทียนฟู่และเย่อิงน่าน!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน อธิบายเรื่องทุกอย่างอย่างละเอียดและเป็นขั้นตอน

สองเรื่องมีทั้งเรื่องจริงและโกหกผสมปนเปกัน ทว่า ขอเพียงสองเรื่องนี้เชื่อมโยงกันได้ก็จะยิ่งทำให้เรื่องราวทั้งหมดสมจริงมากยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่เจ้าเมืองและฮูหยินเจ้าเมืองหนีออกจากเมืองซุ่นหนิงไปได้ ทว่า กลับย้อนกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้ง ชาวซีเหลียงมากมายที่อพยพหนีออกไปจากเมืองซุ่นหนิงต่างรับรู้เรื่องนี้ดี ขอเพียงเย่โส่วกวนส่งคนมาสืบก็จะรู้ว่านี่คือเรื่องจริง เรื่องนี้จึงจะยิ่งน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ไป๋ชิงเจวี๋ยจึงกล่าวต่อ “พี่หญิงใหญ่หมายความว่าต้องการให้บ่าวรับใช้ชายผู้นั้นรู้สึกผิดน้อยลงใช่หรือไม่ขอรับ ให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ขโมยป้ายคำสั่งของเย่โส่วกวนไปเพราะหญิงที่เขารักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่า เขายังทำเพื่อจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงด้วย เขาทำไปเพราะความจงรักภักดี…”

“อีกอย่าง เย่โส่วกวนต้องสงสัยแน่ว่าหลี่เทียนฟู่ถูกพวกเราจับตัวได้จริงหรือไม่ เขาต้องสงสัยว่าบุตรสาวของเย่อิงน่านหลบหนีทหารมากมายมาถึงด่านเย่เฉิงได้อย่างไร” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนมีรอยยิ้มน้อยๆ “หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นระหว่างนั้น หากบ่าวรับใช้ชายผู้นั้นถูกจับได้ระหว่างกำลังขโมยป้ายคำสั่งมาจากเย่โส่วกวน เขาอาจบอกเย่โส่วกวนว่าหลี่เทียนฟู่อยู่ในมือของพวกเรา หากพวกเขาไม่ยอมเปิดประตูด่านเย่เฉิงออก พวกเราจะสังหารหลี่เทียนฟู่และฮูหยินของเจ้าเมืองซุ่นหนิง…”

“พี่หญิงใหญ่ต้องการใช้วิธีนี้ทำให้เย่โส่วกวนเชื่อว่าหลี่เทียนฟู่ถูกพวกเราจับได้จริงๆ หรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นเจาถาม “มัน…จะได้ผลหรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้ายิ้มๆ

“ที่ทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะต้องการให้เย่โส่วกวนเชื่อ ทว่า พี่ต้องการให้ทหารในด่านเย่เฉิงทั้งหมดเชื่อว่าหลี่เทียนฟู่อยู่ในกำมือของพวกเรา ต้องการให้พวกเขาทะเลาะกันเอง ยิ่งเรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่เท่าใดยิ่งดี คนอื่นจะได้รู้และยิ่งเชื่อว่าหลี่เทียนฟู่อยู่ในมือของพวกเรา เช่นนั้นเมื่อเราพาหลี่เทียนฟู่ตัวปลอมออกไป หากเย่โส่วกวนบอกว่าหลี่เทียนฟู่คือตัวปลอมเขาต้องถูกทหารในด่านสงสัยอย่างแน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นมองไปทางไป๋จิ่นเซ่อผู้คิดแผนการนี้ขึ้นมา “ขณะเดียวกันพวกเราจะให้ทหารไปดักซุ่มโจมตีทหารซีเหลียงที่พวกเราใช้หลี่เทียนฟู่เป็นเหยื่อล่อพวกเขาออกมาจากด่านตามแผนการที่เสี่ยวชีบอกไว้”

ไป๋ชิงฉีพยักหน้า “ส่งสายลับเข้าไปในเมือง เผชิญหน้ากับศัตรูซึ่งๆ หน้า ทหารกองทัพหู่อิงบุกโจมตีกำแพงด่าน ทำทั้งสามวิธีพร้อมๆ กันต้องสำเร็จแน่นอนขอรับ!”

“วิธีของพี่หญิงใหญ่ดีมากเจ้าค่ะ มีพี่หญิงใหญ่อยู่พวกเราต้องชนะศึกครั้งนี้ได้แน่นอนเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นหวาได้ยินแผนการของไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งรู้สึกว่าชัยชนะอยู่ในมือของต้าโจวแล้ว

“แผนการเป็นของเสี่ยวชี พี่แค่ลงรายละเอียดแผนของเสี่ยวชีและอาเจวี๋ยให้ลึกขึ้นเท่านั้น” ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือลูบศีรษะของน้องสาวเบาๆ “ครั้งนี้เสี่ยวชีติดตามพี่ไปเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง”

“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นเซ่อกำหมัดรับคำ

“เช่นนั้นคืนนี้ให้แม่นางซือหม่าออกเดินทางไปยังด่านเย่เฉิงได้เลย กองทัพต้าโจวของเราจะออกเดินทางตอนเช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราเคลื่อนทัพบุกไปข่มขู่พวกเขา แม้จะไม่ได้บุกโจมตีด่านจริง ทว่า คงทำให้พวกนั้นเสียขวัญได้พอสมควร” ไป๋จิ่นเจากำหมัดแน่น

คืนนั้นซือหม่ารั่วตานที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของครอบครัวเย่อิงน่านอยู่พักใหญ่ก่อนขึ้นรถม้าออกเดินทางไปยังด่านเย่เฉิง เดิมทีนางกังวลว่าจะแสดงได้ไม่ดีจนทำลายแผนการของฝ่าบาท ทว่า ฝ่าบาทไม่เพียงส่งคนมาปกป้องนาง ฝ่าบาทยังตรัสกับนางอีกว่าทำไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ ให้นางรับมือตามสถานการณ์เท่านั้น

ฝ่าบาทตรัสว่าหากพรุ่งนี้กองทัพใหญ่ของต้าโจวยังเดินทางไปไม่ถึงด่านเย่เฉิงแล้วนางหลบไม่พ้นสายตาของทหารคุ้มกันด่านเย่เฉิงก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน ให้นางจงใจหลบหนีสายตาของคนเหล่านั้นไปพบบ่าวรับใช้ชายของเย่โส่วกวนและทำตามแผนการเดิมต่อไป แม้เย่โส่วกวนจะรู้เรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร เย่โส่วกวนไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้สตรีเพียงคนเดียว บางทีเขาอาจจับนางขังคุกหรืออาจแค่กักบริเวณนางไว้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานเท่านั้น ฝ่าบาทปลอบไม่ให้นางเป็นกังวล กองทัพต้าโจวจะบุกเข้าไปช่วยนางในด่านเย่เฉิงแน่นอน

ซือหม่ารั่วตานเชื่อใจไป๋ชิงเหยียนมาก ฝ่าบาทคือวีรสตรีที่ทำลายแคว้นสู่และยุติสงครามที่หนานเจียงได้ ฝ่าบาทไม่เคยรบพ่ายแพ้มาก่อน หากเทียบเรื่องการทำสงครามแล้ว…มีกี่คนในใต้หล้าแห่งนี้ที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของฝ่าบาทของนางได้กัน

นี่คือภารกิจแรกที่ฝ่าบาทมอบหมายให้นางทำ นางต้องทำให้สำเร็จให้ได้

ซือหม่ารั่วตานที่นั่งอยู่ในรถม้าที่โคลงเคลงพลางกำป้ายหยกในมือแน่น นางหลับตานึกถึงกิริยาท่าทางของบุตรสาวของเจ้าเมืองซุ่นหนิง นี่เป็นครั้งแรกที่นางปลอมตัวเป็นผู้อื่น อีกทั้งไม่มีเวลาฝึกฝน นางทำได้เพียงทบทวนกิริยาท่าทางของบุตรสาวเจ้าเมืองอยู่ในสมองซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น

ก่อนนางจากมาคุณหนูเจ็ดทบทวนแผนการทั้งหมดกับนางอีกรอบแล้ว นางถูกบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์พาหนีออกมาจากเมือง พวกนางแย่งรถม้าของผู้อื่นมาได้ระหว่างทาง ใบหน้าและเนื้อตัวของนางต้องมอมแมมสักหน่อยจึงจะสมบทบาท ดังนั้นเสื้อผ้าของนางจึงมีรอยขาดวิ่นหลายแห่ง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยดินโคลนและเศษใบไม้

ด่านเย่เฉิง

ตอนนี้คือยามจื่อ[1] รองแม่ทัพของเย่โส่วกวนยังคงเดินตรวจตราความเรียบร้อยบนกำแพงเมืองอยู่

“ท่านรองแม่ทัพไปพักผ่อนก่อนเถิดขอรับ ต้าโจวเพิ่งยึดเมืองซุ่นหนิงได้ พวกเขาไม่มีทางบุกโจมตีด่านเย่เฉิงต่อทันทีหรอกขอรับ ที่สำคัญด่านเย่เฉิงคือด่านที่โจมตียากที่สุดของซีเหลียงในตอนนี้ ต้าโจวไม่มีทางโจมตีพวกเราได้ง่ายๆ แน่นอนขอรับ” ทหารคุ้มกันเมืองเดินตามหลังรองแม่ทัพพลางกล่าวเสียงเบา “ลมพัดแรงเช่นนี้ ท่านรองแม่ทัพไปพักผ่อนเถิดขอรับ”

รองแม่ทัพชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เขากำดาบที่เอวแน่นพลางตะโกนเสียงดังลั่น “พลธนูเตรียมพร้อม!”

[1] ยามจื่อ เวลาระหว่าง 23.00-01.00 นาฬิกา