ตอนที่ 1162 หวังว่าจะเข้าใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1162 หวังว่าจะเข้าใจ

สิ้นเสียงคำสั่งของรองแม่ทัพทหารที่ยืนตัวหนาวสั่นอยู่บนกำแพงเมืองยืดกายตรง เล็งธนูไปยังเบื้องหน้าทันที

กลุ่มคนจำนวนหนึ่งคุ้มกันรถม้าคันหนึ่งซึ่งมีโคมไฟแขวนอยู่ที่มุมของรถม้าตรงมาทางด่านเย่เฉิงท่ามกลางความมืด

“รีบเปิดประตูเมือง!”

องครักษ์นำขบวนซึ่งสวมเครื่องแต่งกายธรรมดาขี่ม้าดำตรงมาพลางส่งเสียงตะโกนดังลั่น

“คนในรถม้าคือบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองซุ่นหนิง หลานสาวของแม่ทัพเย่โส่วกวน เมืองซุ่นหนิงถูกตีแตกแล้ว ต้าโจวจับเป็นจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงของพวกเราไว้ได้ บุตรสาวของท่านเจ้าเมืองเสี่ยงชีวิตหนีออกมารายงานข่าว ได้โปรดเปิดประตูเมืองให้พวกเราด้วย!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทหารคุ้มกันซึ่งยืนอยู่ข้างกายรองแม่ทัพรีบหันไปมองรองแม่ทัพทันที

“ท่านแม่ทัพ ต้องไปรายงานแม่ทัพเย่หรือไม่ขอรับ”

รองแม่ทัพมองไปยังรถม้าคันนั้นพลางกัดฟันกรอด ครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้น

“เปิดประตูเมือง แม้ตั้งแต่ท่านแม่ทัพชราจากไปคุณหนูเย่จะไม่ได้กลับมาที่ด่านเย่เฉิงอีกเลย ทว่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือหลานสาวของท่านแม่ทัพ บัดนี้เมืองซุ่นหนิงถูกตีแตกแล้ว คุณหนูสกุลเย่ผู้นี้เสี่ยงชีวิตนำข่าวมาแจ้งให้พวกเรารู้ว่าฝ่าบาทถูกจับตัวไป เรื่องนี้คือเรื่องสำคัญจะรอช้าไม่ได้เด็ดขาด เอาอย่างนี้ เปิดประตูเพียงนิดเดียวให้คุณหนูเย่เข้ามา ข้าจะพาคุณหนูเย่ไปพบท่านแม่ทัพ คนอื่นให้รออยู่ด้านนอก หากมีพิรุธจงสังหารทิ้งทันที”

แม่ทัพชราเย่เคยให้เขาสองพ่อลูกสาบานว่าจะปกป้องดูแลเย่อิงน่านไปตลอดชีวิต หลายปีมานี้เย่อิงน่านไม่เคยมาพบพวกเขาเลย บัดนี้บุตรสาวของเย่อิงน่านอยู่ด้านล่างกำแพงเมือง ต่อให้รู้ว่าการทำเช่นนี้เป็นการขัดคำสั่งท่านแม่ทัพเย่ ทว่า เขาจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น

“ทว่า ท่านแม่ทัพเย่สั่งไว้ว่าหากไม่มีป้ายคำสั่งห้ามเปิดประตูเมืองนะขอรับ”

“ส่งคนไปรายงานแม่ทัพเย่ บอกว่าข้าเพียงแง้มประตูให้คุณหนูเย่เข้ามาเพียงคนเดียวเท่านั้น”

รองแม่ทัพกล่าว

“ท่านแม่ทัพ!” ทหารคุ้มกันประตูเมืองคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น

“ข้าไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านแม่ทัพเย่ขอรับ ข้าจะรีบส่งคนไปรายงานท่านแม่ทัพเย่ คงใช้เวลาไม่นานสักเท่าใดนัก ท่านแม่ทัพโปรดรอสักครู่นะขอรับ”

กล่าวจบทหารผู้นั้นหันไปสั่งลูกน้องของตัวเองทันที

“เร็ว รีบไปรายงานท่านแม่ทัพเย่เร็ว!”

รองแม่ทัพกำดาบที่เอวของตัวเองแน่น เขากำขอบกำแพงแน่นพลางกล่าวขึ้น

“ช่างเถิด ข้าจะไปเอง เจ้าไปบอกให้คุณหนูเย่รอสักครู่ ข้าจะไปรายงานแล้วจะรีบกลับมา!”

รองแม่ทัพกล่าวจบก็รีบวิ่งลงจากกำแพงเมืองทันที

แม่ทัพเย่เกลียดเย่อิงน่านและแม่ของนางเข้ากระดูกดำ หากแม่ทัพเย่ได้ยินว่าบุตรสาวของเย่อิงน่านเดินทางมาที่นี่แล้วไม่อนุญาตให้นางเข้ามาทุกอย่างคงแย่ลงกว่าเดิม

หากเขาเป็นคนไปรายงานเอง หากแม่ทัพเย่ไม่อนุญาตให้คุณหนูเย่เขามาเขายังพอเกลี้ยกล่อมแม่ทัพเย่ได้บ้าง ทว่า หากเป็นคนอื่นคงไม่มีทางเกลี้ยกล่อมแม่ทัพเย่ได้อย่างแน่นอน หากแม่ทัพเย่ไม่อนุญาตให้คุณหนูเย่เข้ามาในด่านเย่เฉิง นางคงต้องตายด้วยคมคาบของต้าโจวแน่

ไม่นานรองแม่ทัพจึงเดินทางไปถึงจวนของเย่โส่วกวน

เย่โส่วกวนซึ่งใบหน้าคมคาย ทว่า เต็มไปด้วยหนวดเครานั่งสวมเสื้อคลุมตัวหน้าอยู่หน้าเตาผิงมีสีหน้าบึ้งตึง เมื่อได้ยินนามของเย่อิงน่านแววตาของเขาเต็มไปด้วยไอสังหารในทันที ทว่า คนรุ่นหลานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เย่อิงน่านและแม่ของนางเป็นคนแพศยา ทว่า เด็กคนนี้ไม่รู้เรื่อง เย่โส่วกวนไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องเด็กเพียงคนเดียว

ทว่า ตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญ เขาไม่เคยพบหน้าบุตรสาวของเย่อิงน่านมาก่อน หากต้าโจวส่งตัวปลอมมาล่ะ…

เมื่อรองแม่ทัพเห็นว่าเย่โส่วกวนไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้นจึงขยับเข้าไปใกล้ จากนั้นกล่าวขึ้น

“สิ่งสำคัญคือตอนนี้ฝ่าบาทถูกต้าโจวจับตัวไป คุณหนูผู้นี้อาจหนีออกมาได้พร้อมข่าวสำคัญเกี่ยวกับฝ่าบาท เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ขอรับ ให้คนที่คุ้มกันคุณหนูมาด้วยเหล่านั้นรออยู่ที่นอกด่านอย่างสงบ ให้คุณหนูเข้ามาในเมืองคนเดียว มิเช่นนั้นพวกเราจะยิงคนเหล่านั้นทิ้งทั้งหมด”

ใบหน้าของเย่โส่วกวนสะท้อนแสงไฟจนเห็นอย่างริบหรี่ เขาพยักหน้า

“ทำตามที่เจ้าว่า ให้นางเข้ามาในเมืองเพียงคนเดียว พานางมาพบข้า!”

“ขอรับ!” รองแม่ทัพลุกขึ้นยืน เขากำหมัดคารวะเย่โส่วกวนจากนั้นเดินออกไปจากจวนทันที

ซือหม่ารั่วตานนั่งกำชายเสื้อของตัวเองอยู่ในรถม้าแน่น นางดึงผมและเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นสูดลมหายใจเข้าปอดลึก

“ไม่นานคนที่อยู่บนกำแพงเมืองจึงตะโกนขึ้น “พวกองครักษ์ถอยห่างจากกำแพงเมืองสิบจั้ง[1]ให้คุณหนูของพวกเจ้าลงจากรถม้าคนเดียว คนอื่นห้ามขยับเขยื้อนเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะโดดยิงทิ้งทั้งหมด”

ซือหม่ารั่วตานได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นทันที แสดงว่านางต้องเข้าไปในเมืองคนเดียวอย่างนั้นหรือ

องครักษ์ไป๋มองหน้ากันไปมา ร่างกายของพวกเราล้วนมีบาดแผลเพราะต้องการแสดงให้สมจริงที่สุด

“ท่านแม่ทัพ พวกข้าคุ้มกันคุณหนูหนีมาที่นี่จนได้รับบาดเจ็บกันแทบทุกคน ท่านให้พวกเราเข้าไปรักษาบาดแผลในเมืองได้หรือไม่ขอรับ”

องครักษ์ไป๋ตะโกนถามคนที่อยู่บนกำแพงสูง

รองแม่ทัพไม่ใช่คนไร้น้ำใจ เขาตะโกนบอก

“ข้าจะเอายาไปให้พวกเจ้า ทว่า พวกเจ้าจะเข้ามาในเมืองไม่ได้จนกว่าพวกเราจะพิสูจน์ตัวตนของคุณหนูผู้นี้ได้ ช่วงนี้คือช่วงคับขัน หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ”

เมื่อได้ยินรองแม่ทัพซึ่งอยู่บนกำแพงกล่าวเช่นนี้องครักษ์ไป๋จึงได้แต่หันม้ากลับ เขากล่าวกับซือหม่ารั่วตานซึ่งอยู่บนรถม้าเสียงเบา

“คุณหนู พวกเราจะรออยู่ที่นอกเมืองขอรับ”

ซือหม่ารั่วตานหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม นางเอื้อมมือแหวกม่านบนรถม้าออกช้าๆ พลางมองไปทางองครักษ์ตระกูลไป๋ องครักษ์ไป๋ก้มศีรษะให้นางเล็กน้อยสื่อให้นางไม่ต้องเป็นกังวล

ซือหม่ารั่วตานจึงพยักหน้าน้อยๆ

เมื่อเห็นองครักษ์เหล่านั้นถอยหลังไปแล้ว ประตูเมืองจึงถูกแง้มออกเล็กน้อย รองแม่ทัพพาพลทหารธนูเดินออกมาจากเมืองอย่างหวาดระแวง พลธนูที่อยู่บนกำแพงเมืองเล็งไปยังองครักษ์ไป๋ที่อยู่ห่างออกไปนิ่ง พลธนูที่รองแม่ทัพพาออกมาด้วยเล็งธนูไปยังรถม้านิ่ง…

รองแม่ทัพหยุดอยู่ไม่ห่างจากรถม้า เขากำดาบพลางมองไปทางรถม้าอย่างหวาดระแวง จากนั้นตะโกนเสียงดัง “คุณหนู เชิญลงจากรถม้าขอรับ”

ซือหม่ารั่วตานรู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองเกร็งแน่น น้ำเสียงอ่อนหวานกล่าวขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ท่านแม่ทัพ เสื้อผ้าของข้าขาดวิ่นหลายจุด ข้าขอยืมเสื้อคลุมสักตัวได้หรือไม่เจ้าคะ”

รองแม่ทัพได้ยินเช่นนี้จึงยิ่งหวาดระแวงมากขึ้น เขาปลดเสื้อคลุมของตัวเองออก จากนั้นหันไปส่งสัญญาณให้พลธนู เขาก้าวไปด้านหน้าใช้ดาบส่งเสื้อคลุมให้หญิงสาว

เขาเห็นมือขาวเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากหน้าต่างรถม้า หญิงสาวรับเสื้อคลุมไปจากเขา ไม่นานจึงเดินสวมเสื้อคลุมลงมาจากรถม้า

รองแม่ทัพเงยหน้าขึ้นจึงเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลและคราบน้ำตา ผมเผ้ายุ่งเหยิงของสตรีคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมาจากรถม้า สองมือของนางกำเสื้อคลุมแน่น จากนั้นย่อกายทำความเคารพรองแม่ทัพ

“ขอบพระคุณท่านแม่ทัพมากเจ้าค่ะ”

“คุณหนู…” รองแม่ทัพนึกว่าบุตรสาวของเย่อิงน่านถูกขืนใจมาก่อนหน้านี้

“ข้ารีบร้อนหนีออกมาจากเมือง เป็นความผิดข้าเองที่ไม่เอาไหนมาตั้งแต่เล็ก ลำบากองครักษ์เหล่านั้นแล้วเจ้าค่ะ”

ซือหม่ารั่วตานก้มหน้าเลียนแบบบุตรสาวของเย่อิงน่าน

“คุณหนูเข้าไปในเมืองก่อนเถิด ท่านแม่ทัพอยากพบท่านขอรับ” รองแม่ทัพกล่าว

ซือหม่ารั่วตานพยักหน้า “ข้าก็อยากพบท่านลุงเหมือนกันเจ้าค่ะ”

ไม่นานซือหม่ารั่วตานที่มีสภาพสะบักสะบอมจึงถูกพาตัวเข้าไปในด่านเย่เฉิง รองแม่ทัพวางยารักษาบาดแผลให้องครักษ์ไป๋ที่นอกด่าน อีกทั้งมอบอาหารและน้ำไว้ให้พวกเขาด้วย

[1] จั้ง หน่วยวัดความยาวของจีน 1 จั้ง ยาวประมาณ 3.33 เมตร