ตอนที่ 1164 รอบคอบ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1164 รอบคอบ

ราชวงศ์คือศูนย์รวมใจของคนทั้งแคว้น

เย่โส่วกวนก้มหน้ามองซือหม่ารั่วตานที่กำลังร้องไห้ตัวสะอื้น ไม่นานเขาจึงหันไปกล่าวกับบ่าวรับใช้ของตัวเอง “พานางออกไปก่อน ให้คนเฝ้าไว้ให้ดี!”

“ขอรับ!” บ่าวรับใช้ชายซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของเย่โส่วกวนรับคำ จากนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าซือหม่ารั่วตานที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางกล่าวขึ้น “คุณหนู เชิญขอรับ”

ซือหม่ารั่วตานรับคำ สาวน้อยก้มศีรษะคำนับเย่โส่วกวนอีกครั้งพลางขอร้องให้เย่โส่วกวนช่วยชีวิตบิดา มารดาและน้องชายของนางออกมาให้ได้ จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินตามบ่าวรับใช้ชายจากไป

บ่าวรับชายพาซือหม่ารั่วตานเดินไปตามระเบียงทางเดินที่ทอดยาว จากนั้นเอ่ยถามเรื่องของมารดาของซือหม่ารั่วตานขึ้น

ซือหม่ารั่วตานได้ยินจึงชะงักฝีเท้าทันที นางเหลือบมององครักษ์ที่อยู่ทางด้านหลังแวบหนึ่ง นางนึกถึงคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาได้ หากคำนวณจากเวลานี่คงใกล้ปลายยามโฉ่ว[1]แล้ว

ซือหม่ารั่วตานกล่าวเสียงเบา “ข้าขอสนทนากับท่านเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้หรือไม่”

บ่าวรับใช้ชายตะลึง เขาเหลือบมององครักษ์ที่เดินตามอยู่ทางด้านหลังแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “คุณหนูมีเรื่องอันใดเชิญกล่าวมาตามตรงได้เลย หากข้าช่วยได้ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่ขอรับ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็คือหลานสาวของท่านแม่ทัพ”

ซือหม่ารั่วตานกัดฟันกรอด นางหยิบป้ายหยกที่แขวนไว้ที่เอวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยถามทั้งน้ำตา

“ท่านทราบที่มาของป้ายหยกนี้ของท่านแม่ข้าหรือไม่เจ้าคะ”

บ่าวรับใช้ชายกำมือแน่น เขาผายมือเชิญซือหม่ารั่วตานจากนั้นกล่าวต่อ

“ข้าอยู่รับใช้ในจวนเย่มาตั้งแต่เล็กย่อมทราบดีขอรับ…”

ซือหม่ารั่วตานเดินไปพลางร้องไห้ไปพลาง สาวน้อยกล่าวเสียงเบาหวิว

“ท่านแม่ให้ข้านำป้ายหยกนี้มาพบท่าน กล่าวว่าท่านคือคนเดียวที่ข้าสามารถเชื่อใจได้ ท่านได้โปรดช่วยท่านแม่ข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ท่านลุงมีความแค้นฝังลึกกับท่านแม่ของข้า เขาไม่มีทางช่วยท่านแม่แน่นอน! ตอนนี้คนที่ข้าสามารถพึ่งพาได้มีเพียงท่านเท่านั้น เดิมทีข้าควรคุกเข่าขอร้องท่าน ทว่า มีคนจับตาดูอยู่มากมาย ข้ากลัวว่าจะสร้างปัญหาให้ท่านจึงทำได้เพียงเท่านี้เจ้าค่ะ”

ลำคอของบ่าวรับใช้ชายร้อนผ่าว เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณหนูของเขาจะบอกกับบุตรสาวของตัวเองว่าเขาคือคนเพียงคนเดียวในใต้หล้าที่นางสามารถไว้ใจได้

ซือหม่ารั่วตานรู้ว่าทหารกองทัพไป๋เหล่านั้นไม่ได้เข้าเมืองมากับนางด้วยจึงกล่าวอย่างมั่นใจมากขึ้น

“ตอนที่ข้าพาน้องชายของข้าหนีออกมาข้าถูกจักรพรรดินีของต้าโจวจับตัวได้ นางจับตัวน้องชายของข้าไว้ จากนั้นให้คนส่งข้ามาที่นี่เพื่อให้ข้ามาขโมยป้ายคำสั่งของท่านลุง จากนั้นสั่งให้ข้าเปิดประตูเมืองตอนที่พวกต้าโจวบุกมาโจมตี มิเช่นนั้นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะสังหารพ่อ แม่และน้องชายรวมถึงฝ่าบาทของพวกเราจนสิ้น”

สมองของบ่าวรับใช้ชายขาวโพลนไปชั่วขณะ เขาหันไปมององครักษ์ที่อยู่ทางด้านหลังแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยถามอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

“คุณหนู ท่านทราบหรือไม่ขอรับว่ากำลังกล่าวสิ่งใดออกมา”

“นอกจากท่านแล้วข้าไม่กล้ากล่าวเรื่องนี้กับผู้ใดทั้งสิ้น พวกเขาตัดแขนของท่านพ่อข้าไปข้างหนึ่งแล้ว ข้ากลัวว่าพวกนั้นจะทำร้ายท่านแม่ของข้าอีกคนข้าจึงรับปากว่าจะเดินทางมาที่นี่ ท่านแม่บอกให้ข้ามาพบท่าน บอกว่าท่านคือคนเดียวที่ข้าสามารถเชื่อใจได้ ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้าต้องช่วยท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าให้ได้ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ!”

ซือหม่ารั่วตานร้องไห้จนตัวโยน

“จักรพรรดินีแห่งต้าโจวทรงรับปากแล้วว่าจะไม่ทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ในซีเหลียงและท่านลุง ท่านได้โปรดเห็นแก่ที่ท่านแม่ของข้ายังระลึกถึงท่านเสมอช่วยนางด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”

บ่าวรับใช้ชายได้ยินประโยคนี้ขอบตาของเขาจึงร้อนผ่าวขึ้นทันที ระลึกถึงเขาอยู่เสมออย่างนั้นหรือ…

เขาจำได้ว่าก่อนคุณหนูใหญ่จะแต่งงานออกเรือนนางกล่าวตัดความสัมพันธ์กับเขาด้วยวาจาที่โหดร้ายและไร้เยื่อใย ทว่า ต่อมาเขาบังเอิญได้ยินคุณหนูใหญ่กล่าวกับสาวใช้ข้างกายของนางว่ายินดีให้เขาเกลียดนางดีกว่าจดจำนางได้และยอมอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต

คำกล่าวนั้นของคุณหนูใหญ่ทำให้เขาไม่ยอมแต่งงานตลอดชีวิต ความจริงเขารอคอยมาตลอดว่าวันหนึ่งเจ้าเมืองซุ่นหนิงอาจเสียชีวิตก่อนคุณหนูของเขา ไม่แน่วันนั้นเขาอาจได้สมหวังกับคุณหนูก็ได้

ทว่า ตอนนี้คุณหนูของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย หากเขาไม่ช่วยเหลือบุตรสาวของคุณหนู อย่าว่าแต่ได้ครองรักกับคุณหนูเลย คุณหนูของเขาอาจเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนต้าโจวก็ได้!

บ่าวรับใช้ชายเดินไปด้านหน้าอย่างมั่นคงพลางกล่าวเสียงเบา

“ข้าทราบแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง คุณหนูพักผ่อนเถิดขอรับ”

“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ ขอบพระคุณมาก ข้าฝากชีวิตของท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายไว้ที่ท่านแล้วนะเจ้าคะ”

ซือหม่ารั่วตานถูกพาไปยังที่พักโดยมีทหารยืนถือดาบเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง หญิงสาวไม่สามารถออกจากห้องไปที่ใดได้ทั้งสิ้น

บัดนี้รองแม่ทัพจ้าวกำลังคุกเข่าขอร้องให้เย่โส่วกวนอนุญาตให้เขานำทหารบุกไปช่วยเหลือหลี่เทียนฟู่ที่เมืองซุ่นหนิง

เย่โส่วกวนฟังคำอ้อนวอนของรองแม่ทัพจ้าวอยู่นาน เขานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น

“จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอยู่ในมือของต้าโจวจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้ หากพระองค์ถูกจับอยู่ที่เมืองซุ่นหนิงจริง ทหารต้าโจวต้องคอยเฝ้าอยู่อย่างแน่นหนาแน่นอน จักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนแห่งต้าโจวคือแม่ทัพผู้เก่งกาจ คือคนที่ไป๋เวยถิงเคยชมว่าเป็นยอดนักรบ แม้แต่แม่ทัพอวิ๋นพั่วสิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ลูกสาวของเย่อิงน่านหนีออกมาจากเมืองซุ่นหนิงได้ เจ้าคิดว่าทหารที่ไล่ตามลูกสาวของเย่อิงน่านมาจะไม่รู้ว่านางหนีมาที่ด่านเย่เฉิงอย่างนั้นหรือ ไม่แน่ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนอาจดักรอโจมตีพวกเราอยู่ระหว่างทางที่เรายกทัพไปช่วยเหลือฝ่าบาทแล้วก็ได้”

เย่โส่วกวนเคยวิเคราะห์แผนการรบของไป๋ชิงเหยียน ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ถนัดเรื่องการวางค่ายกล ทว่า ถนัดการซุ่มโจมตีมากกว่า

ทว่า กองทัพไม่หน่ายเล่ห์กล การรบชนะได้เท่านั้นคือหลักสำคัญ

รองแม่ทัพจ้าวคิดตามแล้วเริ่มคล้อยตาม

“ที่สำคัญแม้คุณชายสามไป๋ชิงฉีผู้นั้นจะยังอายุไม่มาก ทว่า เขาเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจคนหนึ่งเหมือนกัน”

เย่โส่วกวนส่ายหน้า

“ดังนั้นพวกเราควรรอบคอบให้มากที่สุด!”

“พวกเราจะไม่ไปช่วยเหลือฝ่าบาทหรือขอรับ! ท่านแม่ทัพ นั่นคือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงของพวกเรานะขอรับ! หากพวกเราไม่ไปช่วยพระองค์ หากต้าโจวนำตัวฝ่าบาทมาเป็นเกราะป้องกันธนูจริงๆ ชาวบ้านและทหารซีเหลียงทุกคนจะมองทหารกองทัพเย่ของพวกเราเช่นไรขอรับ” รองแม่ทัพเจ้ายกมือคารวะอีกครั้ง

“ข้ายินดีสละชีพเดินทางไปช่วยเหลือฝ่าบาทที่เมืองซุ่นหนิงขอรับ ท่านแม่ทัพได้โปรดอนุญาตด้วยเถิดขอรับ!”

เย่โส่วกวนเงยหน้ามองรองแม่ทัพของตัวเอง จากนั้นกล่าวขึ้น

“ลุกขึ้นเถิด ข้ารู้ว่าเจ้าจงรักภักดีต่อซีเหลียงและฝ่าบาท ทว่า ยิ่งอยู่ในสถานการณ์คับขันมากเท่าใดพวกเราก็ยิ่งต้องมีสติมากเท่านั้น พวกเราไม่ควรหลงกลศัตรู ด่านเย่เฉิงไม่เหมือนด่านปราการด่านอื่น พวกเราคือเมืองที่สำคัญที่สุดรองลงมาจากเมืองหลวงอวิ๋นจิง พวกเราคือด่านปราการด่านสำคัญที่สุดของซีเหลียงในตอนนี้ บัดนี้ซีเหลียงมีทั้งความขัดแย้งภายในและศัตรูภายนอก หากพวกเราสูญเสียด่านเย่เฉิงไป ซีเหลียงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”

ประเด็นสำคัญก็คือเย่โส่วกวนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล หากจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงของพวกเขาอยู่ในมือของต้าโจวจริง พวกนั้นควรส่งทูตมาเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ

ลูกสาวของเย่อิงน่านจะหลบหนีออกมาจากเมืองซุ่นหนิงที่มีทหารคุ้มกันอยู่มากมายได้อย่างไร เย่โส่วกวนยังสงสัยเรื่องนี้ไม่หาย

“ท่านแม่ทัพ!”

ลำคอของรองแม่ทัพจ้าวร้อนผ่าว ดวงตาแดงก่ำ เขาเป็นห่วงจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง ร้อนใจอยากช่วยเหลือเย่อิงน่านออกมาจากเมืองซุ่นหนิง ตอนนี้เย่โส่วกวนต้องการปกป้องด่านเย่เฉิงไว้ให้ได้จนไม่สนแม้แต่ชีวิตของฝ่าบาท ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงชีวิตของเย่อิงน่านเลย

“ตอนนี้ทหารคุ้มกันเมืองต่างรู้แล้วว่าฝ่าบาทถูกต้าโจวจับตัวไป บัดนี้เรื่องนี้คงแพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว หากพวกเราไม่ยกทัพไปช่วยเหลือจะยิ่งทำให้ทหารเหล่านั้นเกิดความสงสัยนะขอรับ”

[1] ยามโฉ่ว เวลาระหว่าง 01.00-03.00 นาฬิกา