ตอนที่ 1165 เคลื่อนทัพ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1165 เคลื่อนทัพ

เย่โส่วกวนเงยหน้าขึ้นทันที “ทหารคุ้มกันเมืองรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!”

“พอคุณหนูลงมาจากรถก็เอ่ยปากขอร้องให้พวกเราไปช่วยเหลือฝ่าบาท พ่อ แม่และน้องชายของนางทันทีขอรับ” รองแม่ทัพจ้าวกล่าว

เย่โส่วกวนกำหมัดแน่น “เหตุใดเมื่อครู่จึงไม่บอกข้า!”

รองแม่ทัพจ้าวเงยหน้ามองเย่โส่วกวนอย่างตะลึง “เมื่อครู่คุณหนูบอกกับท่านแม่ทัพแล้วนะขอรับ”

ใบหน้าของเย่โส่วกวนตึงเครียด รู้เรื่องนี้กันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องดีสักนิด “เจ้าออกไปก่อน ข้าขอคิดแผนการก่อน”

รองแม่ทัพจ้าวอยากขออนุญาตนำทัพไปยังเมืองซุ่นหนิงอีกครั้ง ทว่า เมื่อเห็นท่าทีครุ่นคิดของเย่โส่วกวนจึงได้แต่รับคำและเดินออกไปจากห้องก่อน

ตอนที่รองแม่ทัพจ้าวเดินออกมาจากห้องตำรา บ่าวรับใช้ของเย่โส่วกวนเดินกลับมาพอดี เขาสอบถามว่าพาบุตรสาวของเย่อิงน่านไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้วหรือไม่ จากนั้นจึงจากไป

บ่าวรับใช้เดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าเย่โส่วกวนนั่งอยู่หน้าเตาผิงจึงเดินเข้าไปใกล้พลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ทัพงีบพักสักครู่เถิดขอรับ หากต้าโจวบุกโจมตีอย่างกะทันหันท่านแม่ทัพจะได้มีแรงต่อสู้กับศัตรูขอรับ!”

เย่โส่วกวนพยักหน้า “หากมีเรื่องอันใดอย่าลืมปลุกข้าทันที”

บ่าวรับใช้พยักหน้า “ท่านแม่ทัพไม่ต้องห่วงขอรับ”

บ่าวรับใช้ประคองเย่โส่วกวนนอนลงบนเตียง เขาเหลือบมองช่องลับบนชั้นวางตำราของเย่โส่วกวนแวบหนึ่ง จากนั้นขยับผ้าห่มคลุมกายให้เย่โส่วกวน เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเย่โส่วกวน บ่าวรับใช้จึงแหวกม่านออกเล็กน้อยพลางเอ่ยเรียกอย่างหยั่งเชิง “ท่านแม่ทัพ…”

เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเย่โส่วกวนบ่าวรับใช้ชายพยายามควบคุมใจที่เต้นรัวของตัวเองเดินไปหยุดอยู่หน้าชั้นวางตำราของเย่โส่วกวน เขาเปิดช่องลับซึ่งอยู่ด้านหลังตำราม้วนไม้ไผ่ออก จากนั้นหยิบป้ายคำสั่งออกมากำไว้ในมือแน่น

แม้จะได้ป้ายคำสั่งมาครอบครองแล้ว ทว่า บ่าวรับใช้ชายยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี คุณหนูเย่บอกว่าให้เขาใช้ป้ายคำสั่งที่ขโมยมาได้เปิดประตูออกตอนที่ต้าโจวยกทัพบุกมาโจมตีด่านเย่เฉิง ทว่า นางไม่ได้บอกว่าต้าโจวจะยกทัพมาเมื่อใด หากนานเกินไปเขากลัวว่าเย่โส่วกวนจะจับได้

บ่าวรับใช้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจไปพบคุณหนูเย่อีกครั้ง เขาต้องหาทางส่งข่าวเรื่องที่ขโมยป้ายคำสั่งมาได้แล้วให้ต้าโจวรับรู้ ทางที่ดีควรใช้ป้ายคำสั่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนแลกตัวคุณหนูของเขากลับมาก่อน

เมื่อคิดได้เช่นนี้บ่าวรับใช้จึงไม่รอช้า เขาลอบเดินออกมาจากห้องตำราของเย่โส่วกวน ปิดประตูลง จากนั้นวิ่งไปยังที่พักของซือหม่ารั่วตานทันที

ซือหม่ารั่วตานนั่งอยู่ข้างเปลวเทียนที่สะบัดไปมา นางไม่รู้ว่าบ่าวรับใช้จะขโมยป้ายคำสั่งมาได้ก่อนยามเฉิน[1]หรือไม่ นางคิดว่าไม่ควรฝากความหวังไว้ที่บ่าวรับใช้ผู้นั้นเพียงคนเดียว นางควรเป็นผู้กุมชัยชนะไว้ในมือด้วยตัวเองถึงจะถูก

ซือหม่ารั่วตานหลับตาลง หากถึงยามเฉินแล้วบ่าวรับใช้ยังขโมยป้ายคำสั่งมาไม่ได้ นางจะร้องไห้อาละวาดขอพบหน้าเย่โส่วกวนอีกครั้ง จากนั้นสารภาพกับเย่โส่วกวนว่านางถูกต้าโจวบีบบังคับให้มาที่นี่ สารภาพเรื่องที่นางขอร้องให้บ่าวรับใช้ขโมยป้ายคำสั่งของเย่โส่วกวน บอกว่านางคือคนซีเหลียง นางไม่อยากให้ด่านเย่เฉิงถูกโจมตีแตกเช่นเดียวกัน ทว่า ต้าโจวจับตัวจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงไว้ นางจะขอร้องให้เย่โส่วกวนเห็นแก่ที่นางยอมสารภาพความจริงทั้งหมดออกมาช่วยเหลือพ่อ แม่ และน้องชายของนางออกมาตอนที่เขายกทัพไปช่วยเหลือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงด้วย

ก่อนจากมาฝ่าบาทกำชับกับนางว่ายิ่งทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่มากเท่าใดได้ยิ่งดี นางต้องทำให้ทหารซีเหลียงรับรู้ให้ได้มากที่สุดว่าตอนนี้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอยู่ในกำมือของต้าโจว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นเมื่อต้าโจวนำตัวหลี่เทียนฟู่มาเป็นเกราะกำบังหน้ากองทัพ ซีเหลียงจะได้ไม่กล้ายิงธนูใส่กองทัพต้าโจว

หากทหารบางคนของซีเหลียงอดทนไม่ไหว พวกเขาต้องบุกออกไปต่อสู้กับต้าโจวเพื่อช่วยเหลือหลี่เทียนฟู่กลับมาแน่นอน

ขณะที่ซือหม่ารั่วตานกำลังวางแผนที่รอบคอบที่สุดอยู่นั้น หญิงสาวได้ยินเสียงบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านนอก

“ข้าได้รับคำสั่งให้มาสอบปากคำคุณหนูเย่”

บ่าวรับใช้ชายผู้นี้คือคนสนิทของเย่โส่วกวน ทหารสองนายซึ่งมีหน้าที่เฝ้าซือหม่ารั่วตานจึงปล่อยให้บ่าวรับใช้เข้าไปด้านในโดยไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย

บ่าวรับใช้ปิดประตูสนิท จากนั้นล้วงป้ายคำสั่งออกมาจากอกพลางยื่นให้ซือหม่ารั่วตาน “คุณหนู ข้าขโมยป้ายคำสั่งมาได้แล้วขอรับ ไม่ทราบว่าต้าโจวจะบุกโจมตีด่านเย่เฉิงเมื่อใด พวกเราจะส่งข่าวกลับไปเมืองซุ่นหนิงได้เช่นไรขอรับ ข้าอยากใช้ป้ายคำสั่งนี้แลกตัวฝ่าบาท ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของคุณหนูกลับมาก่อนขอรับ”

ซือหม่ารั่วตานไม่คิดว่าบ่าวรับใช้จะขโมยป้ายคำสั่งมาได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ นางรับป้ายหยกมาถือไว้ในมือพลางลูบไปที่ป้ายหยกเพื่อทดสอบว่าคือของจริงหรือไม่ ครู่ใหญ่จึงเงยหน้ามองบ่าวรับใช้ “เหตุใดท่านจึงได้ขโมยป้ายหยกได้เร็วถึงเพียงนี้ มีกับดักใดซ่อนอยู่หรือไม่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของท่านแม่ข้า ข้าต้องรอบคอบให้มากที่สุด”

“ไม่มีแน่นอนขอรับ ข้ารอจนท่านแม่ทัพหลับจึงขโมยป้ายหยกนี้มาขอรับ” บ่าวรับใช้กล่าว

เมื่อบ่าวรับใช้รับปากอย่างมั่นใจ ซือหม่ารั่วตานจึงวางใจลง “คนของต้าโจวส่งข้ามายังด่านเย่เฉิง ทว่า พวกเขาไม่ได้เข้ามาด้วย พวกเขาคงกลับไปรายงานให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวทราบแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงบุกมาโจมตีด่านเย่เฉิงในอีกไม่นานแน่”

ซือหม่ารั่วตานก้มหน้ามองป้ายคำสั่งพลางกล่าวขึ้น “พวกเรามอบป้ายคำสั่งนี้ให้รองแม่ทัพจ้าวเถิด รองแม่ทัพจ้าวเคยถูกท่านตาของของข้าบังคับให้สาบานว่าจะปกป้องท่านแม่ของข้าไปตลอดชีวิต เขากล้าสาบานต่อหน้าเทพเจ้าก็ต้องยินดีปกป้องท่านแม่ของข้าอย่างเต็มที่แน่นอน พวกเราไปพบเขา ให้ท่านรองแม่ทัพจ้าวออกไปบอกให้ทหารที่มาส่งข้าเหล่านั้นรับรู้ จากนั้นเก็บป้ายคำสั่งไว้กับตัว เมื่อกองทัพต้าโจวบุกมาถึงเขาค่อยแสดงป้ายคำสั่งสั่งให้ทหารเปิดประตูด่าน เช่นนี้ท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายของข้าก็จะรอดชีวิต ฝ่าบาทก็จะไม่ถูกแขวนอย่างเหยียดหยามอยู่หน้ากองทัพของพวกนั้น ท่านพาข้าไปพบท่านรองแม่ทัพจ้าวได้หรือไม่”

บ่าวรับใช้คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าจะพาคุณหนูไปพบท่านรองแม่ทัพจ้าวขอรับ”

บ่าวรับใช้พาซือหม่ารั่วตานออกไปจากจวนเย่โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของเย่โส่วกวน จากนั้นมุ่งหน้าไปหารองแม่ทัพจ้าวที่กำแพงเมือง

ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง แสงไฟในเมืองซุ่นหนิงกลับสว่างจ้าราวกับช่วงเวลากลางวัน ธงเฮยฟานไป๋หมั่งโบกสะบัดท่ามกลางสายลม

คบเพลิงที่อยู่บนเสาสูงปลิวสะบัดไปมาตามแรงลมสะท้อนภาพเมืองโบราณให้เห็นอย่างริบหรี่ท่ามกลางแสงไฟ

บรรดาทหารต่างอยู่ในท่าทีพร้อมรบ การยึดด่านเย่เฉิงในครั้งนี้สำคัญสำหรับทหารต้าโจวทุกคนมาก พวกเขารู้ดีถึงความสำคัญในการยึดด่านเย่เฉิงให้ได้ในครั้งนี้

จักรพรรดินีแห่งต้าโจวผู้เป็นเทพแห่งสงครามของพวกเขาและแม่ทัพทุกคนของกองทัพไป๋นำทัพออกรบด้วยตัวเอง พวกเขาต้องโจมตีด่านเย่เฉิงได้อย่างแน่นอน!

ไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงฉี ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อสวมชุดเกราะพร้อมรบ แม้แต่ไป๋ชิงอวิ๋นที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็สวมชุดเกราะพร้อมออกรบกับพี่หญิงใหญ่ของตัวเองเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ห้ามไป๋ชิงอวิ๋น เหมือนกับที่ทายาทตระกูลไป๋คนอื่นๆ ไม่ได้ห้ามไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน เมื่อยึดด่านเย่เฉิงได้ ซีเหลียงก็แทบไร้อุปสรรคแล้ว การทำลายแคว้นซีเหลียงจนดับสูญคือการแก้แค้นให้สหายในกองทัพไป๋และคนของตระกูลไป๋ พวกเขาจึงจะเริ่มรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้อย่างแท้จริง

ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นหลังม้าเป็นคนแรก ทายาทตระกูลไป๋คนอื่นทยอยขึ้นหลังม้าเช่นเดียวกัน ไป๋ชิงอวิ๋นถูกเซียวรั่วไห่ประคองขึ้นหลังม้า ชายหนุ่มกำบังเหียนม้าแน่น

ไป๋ชิงเหยียนกระตุกเชือกม้าให้หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับน้องชาย น้องสาวและทหารต้าโจวทุกคนที่ใบหน้าสะท้อนแสงไฟกลางค่ายทหาร

[1] ยามเฉิน เวลาระหว่าง 07.00-09.00 นาฬิกา