บทที่ 1169 แผนการและความคิดใหม่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1169 แผนการและความคิดใหม่

บทที่ 1169 แผนการและความคิดใหม่

พี่สี่ยังไม่กลับ เธอเลยเป็นกังวลมากกว่าเดิม

ยังดีที่พ่อไม่ได้ไปทำงาน

หลังจากคุยกับทางหัวหน้าก็จับรถไปช่วยลูกขนของ

ซูเสี่ยวเถียนไม่ใช่คนประเภททำทุกอย่างด้วยตัวเองก็เลยจ้างคนมาช่วยอีกแรง

ทั้งเรื่องซื้อของและนำมาส่ง เธอมอบหมายให้คนที่รับผิดชอบจัดการไป

หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เธอก็รู้สึกปวดหลังปวดเอวขึ้นมา

คุณย่าซูปวดใจมาก ถึงกับร้องจะไปช่วยงานหลานให้ได้

ที่บ้านมั่นใจเลยว่าถ้าท่านออกไปต้องหมดแรงตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งวันแน่

เพราะอย่างนั้นก็เลยร่วมแรงช่วยกันเท่าที่จะทำได้

แม้แต่คุณปู่คุณย่ายังช่วยงานง่าย ๆ อย่างเช่นนับสินค้า

เธอไม่ได้ตั้งใจจะเปิดทำการทีเดียวห้าชั้น ตอนนี้ทำได้แค่ทีละอย่างเท่านั้น

ตอนนี้เราเริ่มจากชั้นหนึ่ง

ร้านแรกคือหออีหมิง ส่วนการตกแต่งก็อ้างอิงจากรูปแบบร้านเดิมในตอนนี้

โต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่งต่าง ๆ สั่งจากร้านเดิม ถึงจะไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก

เพราะเปลี่ยนที่ทำธุรกิจ เธอจึงห่วงเรื่องลูกค้ามาก

เลยพยายามทำให้เหมือนหออีหมิงที่สุด แล้วก็ปรับอะไร ๆ ให้มันเหมาะสม

ขอแค่ลูกค้าประจำเข้าร้าน ทุกคนจะรู้สึกราวกับกินที่หออีหมิงสาขาหลักเลย

เพราะพื้นที่ในตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่าสาขาหลักมาก เธอจึงเพิ่มห้องส่วนตัวสิบห้อง และที่นั่งยี่สิบที่

แล้วก็มีห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยง ห้องโถงเล็กสำหรับงานสังสรรค์เล็ก ๆ

สรุปแล้วซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าหออีหมิงที่นี่เทียบเท่าได้กับโรงแรมหรู ๆ บางแห่งในเมืองหลวงเลย

นี่คือการแข่งขันที่แท้จริง ส่วนรสชาติของอาหารถือเป็นขั้นพื้นฐาน

ยังดีที่สองปีมานี้ เหลียงซิ่วคอยฝึกฝนเชฟมือดีไว้สามคน

แต่ร้านใหญ่ขนาดนี้สามคนไม่พอหรอก เธอตัดสินใจจ้างคนนอกมาดูแล

ที่จริงที่บ้านเห็นแย้ง เพราะไม่อยากให้คนนอกเข้ามายุ่งธุรกิจครอบครัว

“ตอนนี้บ้านเรามีทรัพย์สมบัติเยอะแยะแล้วนะคะ ต้องทำทุกอย่างเองเลยหรือ?”

“หลู่เซียงเซียงสาขาหลักกับสาขาลี่เฉิงหนูก็ไม่ค่อยไปดูแลด้วยนะ ยังดำเนินการได้ตามปกติเลยค่ะ ที่นี่ก็เหมือนกัน เจ้าของร้านไม่จำเป็นต้องเป็นแต่เชฟใช่ไหมล่ะ?”

“คนที่หาเงินได้จริง ๆ เขาไม่ได้ทำเองทั้งหมดหรอกค่ะ แต่เขาเก่งจากการใช้คน ให้คนอื่นช่วยหาเงินต่างหาก”

ชายชราเงียบไป

ซูซื่อเลี่ยงกล่าว “เสี่ยวเถียนพูดถูกครับ การทำธุรกิจไม่เหมือนกับการวิจัยหรอก ต้องรู้จักพวกเขาแล้วใช้ประโยชน์ หาตำแหน่งเหมาะ ๆ ให้พวกเขาทำ การได้คนเก่ง ๆ มาทำคือสิ่งสำคัญที่สุดแล้วครับ”

ในเมื่อมีคนสนับสนุน ซูเสี่ยวเถียนย่อมบอกรายละเอียดที่อยู่ในความคิดออกไป

ยุคนี้คนไม่ค่อยเข้าใจความคิดแนวนี้หรอก โดยเฉพาะคนในประเทศเรา พวกเขาไม่เข้าใจว่าการบริหารแบบนี้ช่วยสร้างยุคสมัยได้

แต่เธอเกรงใจ เลยไม่ได้บอกว่าจะจ้างมืออาชีพมา

ทว่าด้วยคำพูดนั้นทำให้ทุกคนในบ้านเชื่อว่า การจ้างคนนอกมาทำคือหนทางที่ดีที่สุด

ธุรกิจบ้านเราเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเอาแต่คนของตัวเองก็ไปไหนไม่ได้หรอก

ยิ่งยุคนี้ที่มีนโยบายมีลูกคนเดียวอีก จะพึ่งพาลูกหลานมาขยายธุรกิจครอบครัวคงไม่ได้

เลยต้องหาคนอื่นมาช่วย

“แต่เราจะให้คนอื่นเอาสูตรอาหารไปง่าย ๆ ไม่ได้ค่ะ เชฟข้างนอกต้องรับผิดชอบอาหารประจำวันค่ะ ส่วนอาหารจานหลักบางอย่างบ้านเราทำเอง”

หออีหมิงมีอาหารจานเด่นหลายอย่าง

คุณย่าค่อย ๆ รังสรรค์มันออกมา ต่อให้เลียนแบบรสชาติก็ไม่มีทางเหมือน

ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นรากฐานของร้านเราเลย

แม้แต่ที่หออีหมิงสาขาใหม่ยังต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน

ส่วนร้านหม้อไฟและปิ้งย่างไม่ได้มีเทคนิคอะไรมาก ไม่จำเป็นต้องใช้คนของเรา

เพราะสูตรอยู่กับเรา คนอื่นขโมยมันไปไม่ได้ง่าย ๆ หรอก

เมื่อก่อนร้านหม้อไฟไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร แต่เธอเชื่อว่ามันจะต้องดึงดูดลูกค้าหลังจากเปิดตัวแน่นอน เพราะรสชาติไม่เหมือนที่หากินในเมืองหลวง

ชีวิตที่แล้วเธอเรียนรู้อัตราส่วนของส่วนผสมหม้อไฟและสูตรอาหารบางอย่างมาจากในหนังสือ กอปรกับอาหารที่คุณย่าศึกษามาทำให้มีรสชาติดี ๆ อยู่หลายรสชาติ

ส่วนวัตถุดิบในร้านปิ้งย่างเป็นของที่เธอแนะนำเอง และหลี่หลินหลินก็ทำออกมาได้อร่อยมาก

แม้จะเคยกินมาก่อน แต่รสชาติของเราดีที่สุดเลย

เธอนำแนวการบริหารมาใช้กับร้านหม้อไฟ

พนักงานแค่รับผิดชอบเรื่องเสิร์ฟวัตถุดิบอาหาร อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดเวลาในการสั่งอาหาร ไม่ยุ่งยากด้วย

ส่วนปิ้งย่างเธอใช้แบบย่างถ่าน

ถึงอนาคตเตาไฟฟ้าจะได้รับความนิยม แต่รสชาติที่ย่างด้วยถ่านดีกว่าเยอะ

พนักงานแค่ดูแลเรื่องถ่านกับอาหาร ลูกค้าบริการย่างเองอะไรเองเลย เพิ่มความสนุกสนานและประหยัดแรงคนได้เยอะ

ถ้าไม่อยากทำเองก็สั่งแบบย่างเสร็จมาแล้วก็ได้ ทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

ซูเสี่ยวเถียนใช้เวลากว่าสิบวันเพื่อซื้อสินค้าสำหรับร้านทั้งสามแห่ง

เธอใช้เวลาในตลาดทุกวัน จาน ชาม ช้อน ตะเกียบ ของตกแต่งทุกอย่างเลือกด้วยตัวเองทั้งนั้น

ในที่สุดแบบทั้งสามร้านก็เสร็จสรรพ ยามเห็นการตกแต่งอันประณีต หรูหราเรียบง่ายคุณย่าถึงกับตกตะลึง

เด็กสาวพอใจมาก แม้หออีหมิงกำลังจะย้ายมาที่ใหม่ แต่น่าจะกลับมาขายดีได้ในไม่ช้า

ส่วนร้านหม้อไฟและปิ้งย่างจะได้รับความนิยมแน่นอน ก่อนกลายเป็นร้านโปรดของเหล่าหนุ่มสาว

ต่อไปคือชั้นสาม อันที่จริงมันแทบไม่ต้องตกแต่งอะไรมาก มีชั้นวางอะไรก็ติดตั้งและเก็บเข้าที่ไว้เรียบร้อยแล้ว

ทำเหมือนพวกซูเปอร์มาร์เก็ตในปัจจุบันนี่แหละ ลูกค้าเดินเลือกเลยแล้วก็เอามาคิดเงิน

เพื่อไม่ให้ของหาย เธอจึงแลกเซนเซอร์ประตูในระบบมาใช้โดยเฉพาะ

ถ้าคนถามก็บอกว่าซื้อมาจากต่างประเทศ เธอรู้หลายภาษา จึงติดต่อนักธุรกิจต่างชาติได้ด้วย คงไม่มีใครสงสัยของพวกนี้หรอก