ตอนที่ 293-1 จับได้คาเตียง

ท่านเขยฉินมาถึงอย่างรวดเร็ว ตอนไปถึงศาลารับลมนั้น สตรีทั้งสองตะเกียกตะกายกันอยู่ในน้ำจนใกล้จะสิ้นเรี่ยวแรงเต็มทีแล้ว บ่อน้ำเล็กๆ แห่งนี้จะบอกว่าลึกก็ไม่ลึก แต่จะบอกว่าตื้นก็ไม่ถึงกับตื้นนัก คนที่ว่ายน้ำไม่ได้สองคนคิดจะยืนให้มั่นคงนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

หญิงสาวรับใช้ที่อยู่โดยรอบได้ยินเสียงตะโกนของเฉียวเวย คนที่ว่ายน้ำเป็นก็กระโดดลงสระน้ำไปทันที ส่วนคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไปหาเชือกหากิ่งไผ่มากันให้วุ่น

“มา เอาให้ข้า” เฉียวเวยเอากิ่งไผ่ลำยาวจากสาวใช้คนหนึ่งมา พอวาดออกไปก็จะไปถูกมามาคนหนึ่งที่คว้าตัวจีซวงเอาไว้ได้และกำลังลากนางขึ้นจากน้ำ เฉียวเวยเลยรีบขอโทษเป็นพัลวัน “ขอโทษทีๆ ข้าจับไม่ถนัดมือ!”

จีซวงเลยตกลงไปในน้ำอีกครั้ง ซ้ำยังกินน้ำเข้าไปอีกหลายอึกใหญ่

ไม่นานก็มีสาวใช้คนหนึ่งว่ายเข้าไปหาจีซวง

“ข้ามาแล้วท่านน้า!”

ไม้ไผ่ลำนั้นตวัดโดนสาวใช้คนนั้นหงายไปอีกครั้ง

จีซวงสำลักน้ำ แทบจะอยากจะเป็นบ้า

สถานการณ์ทางฉินเฉียวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร เพียงแต่ทุกคนมัวแต่จะเข้าไปช่วยจีซวง ตรงนางไม่มีใครเข้าไปหาสักคน ได้แต่ตะเกียกตะกายเองอยู่คนเดียว ยิ่งพยายามก็ยิ่งจม ไม่นานก็ลอยตัวขึ้นมาไม่ไหวอีก

ท่านเขยฉินมองจีซวงแล้วหันมองผิวน้ำที่เหลือเพียงระลอกคลื่นก่อนจะกระโจนลงไปทันที!

ไม่นานหลังจากนั้น ฉินเฉียวก็ได้ท่านฉินช่วยขึ้นมา แทบจะในจังหวะเดียวกัน ในที่สุดจีซวงก็ถูกสาวใช้อุ้มขึ้นมา ตัวนางเปียกมะล่อกมะแล่ก นั่งแผละอยู่บนสนามหญ้า หอบหายใจอย่างหนัก

เฉียวเวยโยนไม้ไผ่ทิ้งแล้วยิ่งเข้าไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ท่านน้า!”

จีซวงตัวสั่นไปทั้งตัว ไร้ปฏิกิริยาตอบรับต่อเสียงร้องของเฉียวเวย เฉียวเวยถอดเสื้อคลุมกันลมออกมาห่อตัวให้อีกฝ่าย ทั้งยังกอดตัวนางไว้ ออกแรงตบหลังของนางจนนางสำลักเอาน้ำออกมาได้ ถึงนับว่าหายทรมานเสียที

พอนางอ้าปากได้ ประโยคแรกที่พูดขึ้นมาก็คือ “รีบไปเรียนท่านเขยเจ้ามาเร็ว” เฉียวเวยเหลือบมองอีกฝ่ายแล้วตะโกนบอกว่า “ท่านเขย! ท่านน้าจะหาเจ้า!”

“ท่านเขยเจ้ามาแล้วหรือ” จีซวงรีบหันไปมอง นางชอบบุรุษผู้นี้มากเกินไป มาถึงขั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยากจะเห็นหน้าเขาเป็นคนแรก แต่กระนั้นที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือ นางกลับได้เห็นเขากอดสตรีอีกนางหนึ่งเอาไว้แนบอก ตัวทั้งสองเปียกปอน บนพื้นที่น้ำเจิ่งนอง ดูออกว่าเขาเพิ่งขึ้นมาจากน้ำเช่นเดียวกับนาง

“ท่านน้า เมื่อครู่แม่นางเฉินก็ตกน้ำเช่นกัน” เฉียวเวยกระซิบบอก

จีซวงกำหมดัแน่น “ข้ารู้! ไม่ต้องให้เจ้าบอก!”

เฉียวเวยเลยปิดปากเงียบอย่าง “รู้งาน”

ภรรยากับน้องสาวตกน้ำลงไปพร้อมกันแต่เขากลับเลือกที่จะช่วยน้องสาวจนภรรยาเกือบจมน้ำตาย คิดดูแล้วยังน่าปวดใจแทนท่านน้ายิ่งนัก

ท่านเขยฉินกดน้ำในท้องฉินเฉียวออกมา ฉินเฉียวเลยได้สติ ท่านเขยฉินถึงได้เหลือบไปมองทางสระน้ำและเห็นว่าจีซวงมีคนช่วยขึ้นมาแล้ว เวลานี้กำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก สายตาเขาพลันนิ่งงัน ปล่อยตัวฉินเฉียวลุกขึ้นแล้วรีบเดิมมาหาจีซวง “ซวงเอ๋อร์!”

จีซวงมองเขาด้วยสายตาเรียบเย็น เดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง

ท่านเขยฉินรีบตามไป “ซวงเอ๋อร์!”

จีซวงไม่สนใจเขา

เถาจือเรียกเสลี่ยงคันหนึ่งมา จีซวงขึ้นไปนั่ง

ท่านเขยฉินคว้ามือนางไว้ “ซวงเอ๋อร์!”

จีซวงดึงมือกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ท่านเขยฉินเลยเปลี่ยนไปจับเสลี่ยงแทน “ซวงเอ๋อร์ เจ้าฟังที่ข้าอธิบายก่อน!”

จีซวงตะคอกเสียงเข้มว่า “เป็นบื้อกันไปหมดแล้วหรือไร แต่ละคนเอาแต่ยืนนิ่ง ทำตัวเป็นท่อนไม้กันหรือ!”

บ่าวที่มีหน้าที่ยกเสลี่ยงจึงรีบออกเดินกันทันที

ท่านเขยฉินยังอยากพูดอะไรอีก แต่พอเห็นว่ามีคนอยู่มากเช่นนี้ เขาเลยจำต้องปิดปากเงียบไปก่อน

คณะของพวกเขาไปถึงที่ลานแล้วค่อยๆ วางเสลี่ยงลงกับพื้น

จีซวงยื่นมืออกไป ท่านเขยฉินตาไวรีบเดินเข้าไปทันที จับข้อมือนางไว้มั่นแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ค่อยๆ นะ”

จีซวงสะบัดออกอย่างเฉยชา

เถาจือรีบเดินเข้ามา “ท่านเขย ข้าเองเจ้าค่ะ”

ท่านเขยฉินงึมงำแล้วเดินหลบไปด้านหนึ่ง

เถาจือประคองจีซวงเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่กำลังจะปิดประตูนั้น ท่านเขยฉินก็แทรกตัวเข้ามา

เถาจือมองเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาบอกเสียงเบาว่า “เจ้าออกไปก่อนเถิด”

“เรื่องนี้…” เถาจือลังเลเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ข้าจะไปบอกให้ห้องครัวต้มน้ำให้ฮูหยินอาบ!”

พูดจบก็รีบเดินไปทันที

ท่านเขยฉินเปิดประตู หาชุดนอนตัวใหม่ชุดหนึ่งมาแล้วเอาไปให้จีซวงแล้วพยายามบอกว่า “เปลี่ยนชุดก่อนเถิด”

จีซวงเอาเสื้อชุดนั้นโยนลงกับพื้น

ท่านเขยฉินก้มลงไปหญิงพร้อนถอนหายใจด้วยความจนใจ “ซวงเอ๋อร์ เจ้าจะโกรธข้าก็ได้ แต่เจ้าอย่าได้ทรมานร่างกายตนเองเลย ช่วงนี้อากาศเย็น รีบถอดชุดเปียกๆ ออกก่อนเถิด ไม่อย่างนั้นจะป่วยเอาเสีย”

จีซวงเอ่ยประชดเขาว่า “เจ้ายังเป็นห่วงว่าข้าจะป่วยไม่ป่วยอีกหรือ ข้าว่าเจ้าอยากจะให้ข้าตายไปเสียพ้นๆ มากกว่า”

ท่านเขยฉินหน้าขรึมลง “ซวงเอ๋อร์! นี่เจ้าพูดอะไรกัน ข้าจะทำเช่นนั้นกับเจ้าได้อย่างไร”

จีซวงหัวเราะเสียงเย็น “หึ เจ้าอย่าได้แก้ตัวอีกเลย เมื่อครู่คนตั้งมากเห็นกันหมดแล้ว ข้าอยู่ในน้ำเกือบจมน้ำตาย แต่เจ้ากลับวิ่งไปช่วยน้องสาวต่างมารดาของเจ้า! เจ้ายังบอกว่ายามปกติเจ้ากับนางไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก แต่ข้าในใจเจ้ายังสำคัญสู้น้องสาวที่เหินห่างคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ! ฉินปิงอวี่! เจ้ายังมีกล้ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!”

ท่านเขยฉินนั่งลงข้างกายนางด้วยความจนใจ “ซวงเอ๋อร์ เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน สถานการณ์ในเวลานี้ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”

ซวงเอ๋อร์ถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างหมดความอดทน “เจ้าพูดเช่นนี้อีกแล้วว่าไม่ใช่อย่างที่ข้าคิด! ทำอย่างกับว่าข้าชอบคิดมากไปเองอย่างนั้นแหละ! เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาที ข้าได้ตกลงไปในน้ำหรือไม่”

“…ใช่”

“ข้าว่ายน้ำไม่เป็นใช่หรือไม่”

“ใช่”

จีซวงโกรธจัด “แล้วเจ้ายังไม่ช่วยข้าอีก!”

ท่านเขยฉินอธิบายว่า “เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลจี มีคนตั้งมากพร้อมจะเข้าไปช่วยเจ้า แต่ไม่มีคนเข้าไปช่วยฉินเฉียว หากข้าไม่เข้าไปช่วยนาง นางคงได้จมน้ำตายแน่”

จีซวงเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะจมน้ำตายงั้นสิ”

ท่านเขยฉินมองภรรยาด้วยความหนักใจ “ซวงเอ๋อร์…”

อันที่จริงจีซวงเข้าใจเหตุผลนี้ แต่เข้าใจนั้นเรื่องหนึ่ง รับได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สถานการณ์เช่นในเวลานั้น หากเปลี่ยนเป็นนางเป็นคนเข้าไปช่วย ฉินปิงอวี่เป็นคนตกน้ำ แล้วเขากับพี่ชายนางตกน้ำไปพร้อมกัน ไม่ว่าในตอนนั้นจะมีคนมากน้อยเพียงใดที่เข้าไปช่วยเขา นางจะต้องช่วยเขาก่อนแน่นอน นี่เป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ แต่เหตุใดเขาถึงยังมีเวลามาคิดถึงเหตุผลที่บอกมาอีก ในใจเขา ตนมีความสำคัญเช่นไรกัน

ท่านเขยฉินบอกด้วยความหนักใจว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้ามีเหตุผลทั้งหมดที่จะโกรธข้าได้ ข้าไม่ดีเอง ข้ามันเลว ข้าไม่ควรคิดว่าเจ้ามีคนช่วยอยู่แล้วเลยไม่เข้าไปช่วยเจ้า ข้าไม่สนใจความรู้สึกเจ้ามากเกินไป ข้ากล้ารับประกันกับเจ้าว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก หลังจากนี้ต่อให้เจ้ากับบิดาผู้ให้กำเนิดข้าตกน้ำ ข้าก็จะช่วยเจ้าก่อน!”

จีซวงหันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาด “บิดาเจ้าไม่ได้ตายไปนานแล้วหรือ”

“อะแฮ่ม!” ท่านเขยฉินกระแอมไอ จับมือจีซวงไว้แล้วเอ่ยง้อเสียงอ่อนว่า “ซวงเอ๋อร์คนดี อย่าโกรธข้าไปเลย หากเจ้าโกรธจนล้มป่วยไปข้าคงปวดใจแย่”

จีซวงทำเสียงหึ “เจ้าปวดใจ? หากเจ้าปวดใจคงไม่ทิ้งข้าไว้ในน้ำเพื่อน้องสาวต่างมารดาคนหนึ่งหรอก! เจ้าบอกมาตามตรง นางเป็นน้องสาวเจ้าจริงๆ หรือ คงไม่ใช่สตรีที่เจ้าเลี้ยงดูไว้นอกบ้านหรอกกระมัง”

ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยความเสียใจว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้าสงสัยข้าเช่นนี้ได้อย่างไร นางย่อมเป็นน้องสาวของข้าสิ ข้าจะกระทำตัวไร้สาระเช่นนั้นลับหลังเจ้าได้อย่างไร หากนางเป็นสตรีของข้า เหตุใดบุตรที่นางคลอดออกมาถึงไม่เหมือนข้าสักนิดเลยเล่า”

จีซวงคิดถึงหน้าตาถงเกอร์แล้วก็รู้สึกว่าไม่เหมือนสามีของตนจริงๆ เมื่อเทียบกันแล้ว จมูก ดวงตา โครงหน้าของบุตรชายตนนั้นเหมือนฉินปิงอวี่ฉบับย่อยิ่งนัก

ท่านเขยฉินเห็นท่าทีนางเริ่มอ่อนลงจึงรีบบอกว่า “ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของข้า ซวงเอ๋อร์ เจ้าจะตีข้าด่าข้าย่อมได้ทั้งสิ้น แต่เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด”

จีซวงเอ่ยเสียงเย็นว่า “ข้าไม่เปลี่ยน! เจ้าออกไป!”

“ซวงเอ๋อร์ เจ้าต้องเชื่อข้านะ ในใจข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าก็คงอยู่คนเดียวไม่ได้” ท่านเขยฉินจับมือจีซวงไว้แน่น แล้วกดตัวนางลงกับฟูกนุ่ม จีซวงพยยายามขัดขืน แต่มือถูกจับไว้จึงคิดจะเปลี่ยนไปใช้ขายันแทน แต่ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันยกขาขึ้น ก็ถูกเขาใช้ต้นขากดไว้เสียแล้ว

“ขอโทษนะ ซวงเอ๋อร์”

ท่านเขยฉินฉีกเสื้อจีซวงจนขาดกระจุย

จีซวงพลันหน้าแดง “เจ้า…”

ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันมานาน สนิทสนมจนไม่มีช่องว่างต่อกันแล้ว แต่การ “พบหน้าทั้งเปลือยเปล่า” ตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้กลับนับเป็นครั้งแรก จีซวงอยากหาอะไรมาปิดตัวก็ยังทำไม่ได้ ได้แต่ถลึงตาใส่อีกฝ่ายด้วยความเขินอายระคนขุ่นเคือง

ท่านเขยฉินเอ่ยเสียงพร่าว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้าอย่าจ้องหน้าข้า”

จีซวงก็เอาแต่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง สายตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นนิ่งลึก แล้วใช้ตัวกดทับลงไป

“เจ้าจะทำอะไร!” จีซวงถามเสียงขรึม

ท่านเขยฉินบอกว่า “ข้าบอกแล้วนะซวงเอ๋อร์ว่าข้าจ้องหน้าข้า ข้าจะทนไม่ไหว”

“เจ้า…เจ้ามันคนชั่ว!”

“ข้าชั่วกับแค่ซวงเอ๋อร์คนเดียว และมีซวงเอ๋อร์คนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ข้าเป็นคนเลวได้”

จีซวงคิดอยากจะพูดอะไรอีกแต่กลับถูกประกบปิดปากเอาไว้

วิธีการจัดการสตรีที่ดีที่สุดก็คือการจัดการให้ยอมศิโรราบบนเตียง เมื่อร่างกายของสตรียอมโอ่นอ่อน ใจนางก็อยู่ไม่ไกลแล้ว