ตอนที่ 1173 ทหารกล้าผู้แข็งแกร่ง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1173 ทหารกล้าผู้แข็งแกร่ง

ซีเหลียง…กำลังจะพ่ายแพ้แล้ว

บัดนี้ท้องฟ้าสว่างจ้า

หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม สามชั่วยาม

สงครามเกิดขึ้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างจนบัดนี้ท้องฟ้ากำลังจะมืดมิดลงอีกครั้ง

กำแพงบนยอดเขาสองฝั่งของด่านเย่เฉิงถูกยึดครองไว้หมดแล้ว แม้แต่ด่านเย่เฉิงก็เช่นเดียวกัน เย่โส่วกวนพาทหารที่เหลือถอยทัพไปยังฝั่งซ้ายของกำแพงด่านเย่เฉิง เขายังคงยืนหยัดปกป้องด่านเย่เฉิงจนตัวตาย หากไม่รบจนเหลือเพียงคนสุดท้าย เขาไม่มีทางทอดทิ้งด่านเย่เฉิงไปเด็ดขาด

ใจที่เข้มแข็งและปณิธานที่แรงกล้าของเย่โส่วกวนทำให้ไป๋ชิงเหยียนนึงถึงกองทัพไป๋ขึ้นมา…

ไม่ว่ากองทัพไป๋หรือทหารซีเหลียงล้วนทำสงครามเพื่อปกป้องแคว้นบ้านเกิดหรือสันติสุขในใต้หล้าทั้งสิ้น ไม่ว่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามวันนี้จะเป็นทหารของต้าโจวหรือซีเหลียงไป๋ชิงเหยียนล้วนเห็นเขาเป็นทหารกล้าผู้แข็งแกร่งทุกคน!

ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นเย่โส่วกวนพาทหารซีเหลียงที่บาดเจ็บหนักและกำลังจะพ่ายแพ้ถอยไปอยู่ฝั่งทิศใต้ของกำแพงเมือง ทว่า กลับอยู่ในท่าทีพร้อมรบเพื่อปกป้องด่านเย่เฉิงอย่างสุดชีวิต ไป๋ชิงเหยียนนับถือคนผู้นี้มาก

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้กองทัพต้าโจวหยุดโจมตี สองกองทัพเผชิญหน้ากันนิ่ง

คบเพลิงบนกำแพงสูงส่องสะท้อนใบหน้าของเย่โส่วกวนให้เห็นอย่างริบหรี่ ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด ผมเผ้ารุงรัง ทว่า เขายังคงปักธงประจำกองทัพลงบนกำแพงด้วยแววตาหนักแน่นเหมือนเดิม

ธงประจำกองทัพคือสัญลักษณ์ของความยืดหยัดและต่อต้านต้าโจวของซีเหลียงและเย่โส่วกวน ราวกับว่าขอเพียงธงกองทัพยังไม่ล้มลง ซีเหลียงก็ยังไม่สูญเสียด่านเย่เฉิงไป

ไป๋ชิงเหยียนควบม้าไปด้านหน้าเล็กน้อย

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นซิ่วอยากห้ามพี่สาว นางไม่อยากให้พี่หญิงใหญ่ไปอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน กลัวว่าเย่โส่กวนจะทำร้ายพี่หญิงใหญ่ด้วยความจนตรอก

ไป๋ชิงเหยียนส่งยิ้มปลอบไป๋จิ่นซิ่ว

ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงฉี ไป๋ชิงอวี๋ ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋ชิงอวิ๋น ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อขี่ม้าตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ

ทหารต้าโจวที่กำลังอยู่ในท่าทีระวังตัวต่างแหวกทางให้ไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าไท่ผิงไปหยุดอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน จากนั้นเงยหน้ามองเย่โส่วกวนซึ่งยืนจับมือทหารคนหนึ่งเพื่อทรงตัวอยู่บนกำแพงทิศใต้

ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าลูกธนูของลูกน้องของเย่โส่วกวนถูกใช้จนหมดแล้ว ดาบของพวกเขาด้านและหักหมดแล้ว เย่โส่วกวนและทหารเหล่านั้นเหลือเพียงร่างกายที่สามารถใช้ต้านทานพวกนางได้เท่านั้น

ไป๋ชิงเหยียนตะโกนคุยกับเย่โส่วกวนซึ่งอยู่บนกำแพงสูง “แม่ทัพเย่ ไป๋ชิงเหยียนขอเชิญท่านลงมาพบหน้าสักครั้ง”

เย่โส่วกวนมองดูไป๋ชิงเหยียนที่ใบหน้าและลำตัวเต็มไปด้วยเลือด น้ำเสียงหนักแน่น ร่างเต็มไปด้วยไอสังหารนิ่ง เขากำธงสัญลักษณ์ของซีเหลียงแน่น

เขาดูถูกเด็กผู้หญิงคนนี้มากเกินไป ทว่า เขาพ่ายแพ้อย่างไม่เข้าใจ เขาอยากรู้ว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงมั่นใจว่าเขาจะส่งทหารอ้อมไปโจมตีด้านหลังของกองทัพต้าโจว นางจึงส่งทหารไปดักซุ่มโจมตีทหารบนยอดเขาสองฝั่งของด่านเย่เฉิงเช่นนี้

เมื่อเห็นเย่โส่วกวนลังเล แม่ทัพที่จงรักภักดีต่อเย่โส่วกวนจึงรีบเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพ นี่อาจเป็นกับดักขอรับ ท่านแม่ทัพรีบหนีไปก่อนเถิดขอรับ ข้าจะถ่วงเวลาให้ท่านเอง!”

เย่โส่วกวนส่ายหน้า เขาคลายมือออกจากธงประจำกองทัพ จากนั้นหันกลับไปใช้มือที่เปื้อนเลือดของตัวเองจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยที่สุด เขาขยับเกราะของตัวเองเล็กน้อย ถอดเสื้อคลุมกันลมที่ขาดวิ่นออก จากนั้นเดินลงไปจากกำแพงเมือง

“ท่านแม่ทัพ!”

“ท่านแม่ทัพเย่!”

ทหารซีเหลียงที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนเอ่ยเรียกเย่โส่วกวนที่กำลังเดินลงไปจากกำแพงเสียงเบาหวิว

เย่โส่วกวนได้รับบาดเจ็บที่ขา ทหารซีเหลียงคนหนึ่งอยากเข้าไปช่วยประคอง ทว่า เย่โส่วกวนกลับส่ายหน้าพลางผลักทหารผู้นั้นออก…

เขาค่อยๆ เดินลงจากกำแพงเมืองอย่างมั่นคง ยามมองไปทางไป๋ชิงเหยียนเขารู้สึกเหมือนเขามองเห็นไป๋ฉีซาน เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยสู้รบกับไป๋ฉีซานตอนที่เขายังเป็นเพียงลูกน้องในสังกัดของอวิ๋นพั่วสิง

ตอนนั้นซีเหลียงเพิ่งยึดอำเภอเฟิงได้ ทว่า กลับถูกไป๋ฉีซานซึ่งพากองทัพไป๋และน้องชายของเขามาด้วยยึดอำเภอเฟิงกลับคืนไปได้ ตอนที่เขาถูกบ่าวรับใช้ผู้จงรักภักดีต่อตระกูลเย่พาหลบหนีออกจากสนามรบเขาหันกลับไปมองไป๋ฉีซานที่สวมชุดเกราะเหล็กยืนอยู่บนกำแพงเมืองอีกครั้ง ชายผู้นั้นยืนมองเขาหลบหนีไปอยู่บนกำแพงกับบรรดาน้องชายของเขา

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนนำบรรดาน้องๆ ลงจากหลังม้า เว่ยจงจึงรีบเข็นรถเข็นเข้าไปหาไป๋ชิงอวิ๋น จากนั้นประคองชายหนุ่มนั่งลงบนรถเข็น

เย่โส่วกวนขบกรามแน่น เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกพลางเดินลงบันไดกำแพงทีละขั้น เท้าของเขาเหยียบลงบนก้อนหินที่แตกละเอียด เลือดสดและกองอวัยวะที่ขาดออกจากกันของทหารซีเหลียงมุ่งหน้าไปหาไป๋ชิงเหยียน

เขาหยุดยืนอยู่ห่างจากไป๋ชิงเหยียนประมาณสองจั้ง นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอย่างชัดเจน สตรีผู้นี้คือคนที่ถูกเรียกขานว่าเสี่ยวไป๋ไซว่

เย่โส่วกวนหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “หญิงสาวอย่างท่านใจกล้าไม่น้อย ท้องโตเช่นนี้ยังกล้ามาออกรบอีกหรือ”

“ต้องโจมตีด่านป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของซีเหลียง ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าไม่มา”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปส่งสัญญาณให้เว่ยจงนำเก้าอี้ไปให้เย่โส่วกวนนั่ง เว่ยจงพยักหน้าพลางหยิบเก้าอี้กลมตัวหนาไปวางไว้ด่านหน้าเย่โส่วกวน จากนั้นถอยหลังไปอยู่ที่เดิม

“เชิญแม่ทัพเย่…” ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญเย่โส่วกวน จากนั้นนั่งลงเป็นคนแรก

ทั้งๆ ที่หากโจมตีอีกครั้งก็สามารถกำจัดเย่โส่วกวนและทหารซีเหลียงที่เหลืออยู่ทั้งหมดได้อย่างสิ้นซาก ทว่า ไป๋ชิงอวี๋รู้ดีว่าที่พี่หญิงสั่งให้ทหารต้าโจวหยุดโจมตีและเชิญเย่โส่วกวนมาพบหน้าเช่นนี้เป็นเพราะพี่หญิงนับถือเย่โส่วกวนผู้นี้จากใจจริง นางเห็นเงาของกองทัพไป๋จากร่างของเย่โส่วกวน

เย่โส่วกวนนั่งลงตรงข้ามไป๋ชิงเหยียน เขารีบกล่าวขึ้นก่อนโดยไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น “ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ จักรพรรดินีแห่งต้าโจวได้โปรดชี้แนะข้าด้วย”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างเคารพ “เชิญแม่ทัพเย่กล่าวมาได้…”

“เหตุใดท่านจึงแน่ใจว่าข้าจะส่งทหารที่อยู่บนยอดเขาสูงทั้งสองฝั่งอ้อมไปโจมตีทางด้านหลังของกองทัพต้าโจวและดักซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว” เย่โส่วกวนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้จากใจจริง “ท่านไม่กลัวว่าทหารทั้งหมดในด่านเย่เฉิงจะแสร้งทำเป็นถอยทัพหนีขึ้นไปบนยอดเขาสูง จากนั้นรอให้พวกท่านเข้ามาและโจมตีทีเดียวหรือปล่อยให้พวกท่านผ่านด่านเย่เฉิงไปเฉยๆ อย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “จักรพรรดินีของซีเหลียงถูกแขวนอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนทัพต้าโจว ตระกูลเย่จงรักภักดีต่อราชวงศ์มาโดยตลอด พวกท่านไม่มีทางปล่อยให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงถูกต้าโจวเหยียดหยามเช่นนี้แน่นอน ที่สำคัญแม่ทัพเย่ไม่ได้ทำสงครามใหญ่มาหลายปีแล้ว อำนาจของท่านถูกบั่นทอนจากตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลของซีเหลียง แม้ทุกคนพร้อมสละชีพปกป้องด่านเย่เฉิง ทว่า อำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในมือท่านแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไปแล้ว”

ใจของเย่โส่วกวนกระตุกวูบ เขานึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะรู้เรื่องราวภายในด่านเย่เฉิงละเอียดถึงเพียงนี้

“ที่สำคัญบุตรสาวของเย่อิงน่านเข้าไปในด่านเย่เฉิงแล้ว การที่นางถามแม่ทัพเย่ว่าคิดตั้งตนขึ้นเป็นอ๋องเองอย่างนั้นหรือทำให้ใจของทหารซีเหลียงเริ่มสั่นคลอน” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเย่โส่วกวนนิ่ง “ดังนั้นสงครามครั้งนี้ ไม่ว่าแม่ทัพเย่จะทำไปเพราะความจงรักภักดีหรือเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ท่านต้องให้ทหารช่วยหลี่เทียนฟู่ออกมาให้ได้อย่างแน่นอน”

เย่โส่วกวนพยักหน้า “แค่มั่นใจว่าข้าต้องช่วยเหลือจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงออกมาให้ได้ท่านจึงแน่ใจว่าข้าจะสั่งให้ทหารที่อยู่บนยอดเขาสองฝั่งอ้อมไปโจมตีด้านหลังของกองทัพต้าโจวอย่างนั้นหรือ หากข้าสั่งให้ทหารเหล่านั้นคุ้มกันยอดเขาต่อไปเล่า”