ตอนที่ 1174 คนรุ่นหลังน่าจับตามอง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1174 คนรุ่นหลังน่าจับตามอง

เย่โส่วกวนชี้ไปทางยอดเขาทั้งสองฝั่ง

“หากตอนนั้นทหารซีเหลียงของพวกเราล้อมพวกเจ้าไว้กลางด่านเย่เฉิงล่ะ นี่คือดินแดนของซีเหลียง ถึงตอนนั้นพวกเจ้าบุกเข้ามามากเท่าใดพวกเราก็จะสังหารพวกเจ้ามากเท่านั้น ท่านไม่กลัวอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก จากนั้นกล่าวกับเย่โส่วกวนยิ้มๆ

“เช่นนั้นรถโยนหินของข้าก็จะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที”

เย่โส่วกวนเข้าใจในทันที เขารู้แล้วว่ารถโยนหินที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมใช้งานเสียทีมีประโยชน์เช่นไร

เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด หากเขาสั่งให้ทหารบนยอดเขายกทัพมาช่วยเหลือ ไป๋ชิงเหยียนจะใช้รถโยนหินนั่นทันที

“ตามภูมิประเทศของด่านเย่เฉิง สิ่งที่สำคัญที่สุดของด่านเย่เฉิงไม่ใช่กำแพงเมืองตรงนี้ ทว่า คือกำแพงบนยอดเขาสองฝั่งของด่านเย่เฉิงต่างหาก ดังนั้นกองกำลังหลักของซีเหลียงต้องอยู่บนยอดเขานั่น ไม่ใช่ในตัวเมืองแน่นอน!” ไป๋ชิงเหยียนบอกวิธีรบของตัวเองให้ผู้อาวุโสกว่าฟังอย่างตั้งใจ

“ขอเพียงสายลับของซีเหลียงออกมาสืบสถานการณ์ พวกเขาต้องรู้ว่าแม่ทัพกองทัพไป๋ทุกคนรวมถึงข้าล้วนกำลังโจมตีด่านเย่เฉิงอยู่…”

เย่โส่วกวนมองไปทางทายาทตระกูลไป๋คนอื่นๆ ที่สวมชุดเกราะสีเงินยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียน เขายอมรับว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกต้อง

เมื่อเห็นว่าทายาททุกคนของตระกูลไป๋ล้วนอยู่ที่นี่เย่โส่วกวนจึงมั่นใจว่ากองทัพหลักของต้าโจวล้วนอยู่หน้าประตูด่านเย่เฉิงหมดแล้ว พวกนางต้องการล่อให้ทหารที่อยู่บนยอดเขาลงมาช่วยเสริมทัพ

“ตามหลักยุทธศาสตร์การใช้เครื่องโยนหินต้องใช้กองกำลังจำนวนมาก ท้องฟ้ามืดสนิททหารซีเหลียงจึงมองเห็นเพียงรถโยนหิน ทว่า พวกท่านมองไม่เห็นว่าด้านหลังรถโยนหินไม่มีกองกำลังของต้าโจวยืนอยู่แม้แต่คนเดียว กองกำลังหลักของต้าโจวดักซุ่มอยู่ที่ทางขึ้นยอดเขาสองฝั่งของด่านเย่เฉิงหมดแล้ว!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวช้าๆ

“หากแม่ทัพเย่สั่งให้คนอ้อมไปโจมตีด้านหลังกองทัพไป๋ เช่นนั้นพวกท่านก็จะติดกับพวกเรา!”

เย่โส่วกวนเข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที

“หากแม่ทัพเย่ไม่โลภมาก ทำสงครามอย่างยืดเยื้อเช่นนี้ไปเรื่อยๆ สั่งให้ทหารบนยอดคุ้มกันกำแพงเมืองด้านบนต่อไป เช่นนั้นต้าโจวของพวกเราก็จะเริ่มใช้รถโยนหิน! เมื่อรถโยนหินเริ่มเคลื่อนไหวกองกำลังหลักของต้าโจวที่ดักซุ่มอยู่บนยอดเขาจะบุกลงมาโจมตีด่านล่างแทน”

บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนมีกองทัพยอดฝีมือที่เก่งกาจเรื่องการโจมตีกำแพงเมือง มีแผนที่อย่างละเอียดของด่านเย่เฉิง การยึดด่านเย่เฉิงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ทว่า หากไม่จำเป็นจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากใช้รถโยนหิน

การโยนหินและหินไฟเข้าไปในเมืองอาจทำให้ชาวบ้านบริสุทธิ์เดือดร้อนได้

เย่โส่วกวนพยักหน้า

“หากข้าสั่งให้ทหารจากบนยอดเขาลงมาช่วยเสริมทัพ รถโยนหินของต้าโจวจะทำลายทหารเกือบครึ่งได้ในทันที ทหารต้าโจวที่อ้อมขึ้นไปบนยอดเขาจะโจมตีกองทัพที่คุ้มกันอยู่บนยอดเขาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เป็นสองแผนการที่ดีจริงๆ ข้าเย่โส่วกวนยอมแพ้ด้วยใจจริง!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

“สถานการณ์ในสงครามเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การคิดแผนสำรองรองรับการเปลี่ยนแปลงให้กองทัพต้าโจวจะทำให้ทหารต้าโจวสูญเสียน้อยที่สุดและไม่ต้องยกทัพมาโจมตีเมืองเป็นครั้งที่สอง”

เย่โส่วกวนเห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน เขามองไปทางร่างสูงเพรียวของหญิงสาวพลางตบมือลงบนขาของตัวเองยิ้มๆ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่งอย่างเสียดาย

“คนรุ่นหลังช่างน่าจับตามองจริงๆ! ทุกคนล้วนกล่าวกันว่าเมื่อเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงและเจิ้นกั๋วกงไป๋ฉีซานเสียชีวิตลงคงไม่มีผู้ใดสามารถรับช่วงต่อกองทัพไป๋ได้ ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนรุ่นหลังของตระกูลไป๋จะเก่งกาจกว่ารุ่นปู่รุ่นพ่อเสียอีก”

“แม่ทัพเย่…ซีเหลียงพ่ายแพ้แล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางทหารซีเหลียงที่ได้รับบาดเจ็บที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง

“ต่อต้านต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดทั้งสิ้น ทหารซีเหลียงส่วนใหญ่ยังหนุ่มแน่น”

“เหตุใดจะไม่มีประโยชน์กัน…”

เย่โส่วกวนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ

“เด็กน้อย เบื้องหลังของทหารซีเหลียงอย่างพวกข้าคือแคว้นซีเหลียงทั้งแคว้น คือครอบครัวของพวกข้า!”

ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่วางอยู่บนหน้าตักแน่น ไม่มีผู้ใดเข้าใจความรู้สึกนี้ดีไปกว่ากองทัพไป๋อีกแล้ว พวกเขาไม่สามารถถอยได้เพราะด้านหลังของพวกเขาคือแคว้นและครอบครัว

“แม่ทัพเย่…

ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของไป๋ชิงเหยียน นางรู้สึกเห็นใจและนับถือแม่ทัพผู้นี้จากใจจริง

“การที่ข้านำกองทัพไป๋มาโจมตีด่านเย่เฉิงในครั้งนี้ไม่เหมือนกับสงครามทุกครั้งที่แม่ทัพเย่และทหารต้าโจวของเคยพบเจอ พวกเราไม่ได้ทำเพื่อยึดครองดินแดนหรือต่อต้านศัตรูที่มารุกราน”

“นามรองของท่านปู่ไป๋เวยถิงของข้าคือปู้อวี๋ หมายถึงการยืนหยัดรวบรวมให้หล้าให้เป็นหนึ่ง สร้างแผ่นดินที่มีแต่สันติสุขให้ชาวบ้านทั่วใต้หล้า มั่นคงแน่วแน่ในปณิธานนี้จวบจนวันตาย”

ไป๋ชิงเหยียนยืดหลังตรง

“มีเพียงใต้หล้าถูกรวบรวมเป็นหนึ่งแผ่นดินจึงจะมีแต่ความสงบสุขอย่างแท้จริง! ไป๋ชิงเหยียน ทายาททุกคนในตระกูลไป๋และทหารต้าโจวทุกคนล้วนเดินไปด้านหน้าด้วยเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นทหารต้าโจวจะไม่ทำร้ายชาวบ้านบริสุทธิ์ ห้ามสังหารทหารที่ยอมจำนน ชาวบ้านในเมืองที่ถูกต้าโจวยึดได้ก่อนหน้านี้และมีการปฏิรูปการปกครองใหม่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นและสงบสุขมากกว่าเดิม”

เย่โส่วกวนหัวเราะออกมาน้อยๆ เขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการกล่าวถ้อยคำเหล่านี้เพื่อโน้มน้าวเขา

“ท่านจะบอกว่าท่านโค่นล้มราชวงศ์จิ้นเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งไม่ได้เพื่อแก้แค้นอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแม้แต่น้อย

“ข้าโค่นล้มราชวงศ์จิ้นเพราะต้องการแก้แค้นก็จริง ทว่า ข้าทำเพื่อปกป้องชาวบ้านของแคว้นต้าจิ้นและเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งด้วย มีคนเคยกล่าวว่าแม่ทัพเป็นคนกำหนดความสงบสุข ทว่า แม่ทัพไม่มีวันได้เห็นความสงบสุข ข้าขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพื่อจะไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ไม่ให้ตระกูลไป๋และกองทัพไป๋มีจุดจบที่น่าอนาถเช่นเดิม ไม่ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นเดิมเกิดขึ้นกับทหารคนใดที่เสียสละชีพเพื่อแคว้นอีกเด็ดขาด!”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองด่านเย่เฉิงที่อยู่ด้านหลังเย่โส่วกวน

“วันนี้ข้าพาทหารกองทัพไป๋บุกโจมตีด่านเย่เฉิงเพื่อแก้แค้นก็จริง ทว่า ข้าทำเพื่อปูทางสำหรับการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ให้แคว้นมีทหาร ทว่า ไม่มีศึกสงครามอีกต่อไป!”

เย่โส่วกวนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าจริงจังอย่างตกตะลึง แววตาของหญิงสาวสงบนิ่งและหนักแน่น นางไม่ได้จงใจกล่าวถ้อยคำสวยหรูเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมจำนน ทว่า นางมีความเชื่อมั่นเช่นนี้จริงๆ

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนแอเช่นนี้จะมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่และแรงกล้าเช่นนี้

ใต้หล้ามีแต่ความสงบสุข แผ่นดินมีทหาร ทว่า ไร้ซึ่งสงคราม!

เย่โส่วกวนอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูว่าเด็กสาวตรงหน้าจะทำได้อย่างที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจหรือไม่

เย่โส่วกวนตระหนักได้ว่าตัวเองเกือบคล้อยตามไป๋ชิงเหยียนแล้ว เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ จากนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ไป๋จิ่นซิ่วก้าวเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนให้ลุกขึ้นเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเย่โส่วกวน

“หากแม่ทัพเย่ไม่เชื่อ ท่านสามารถรอดูได้ว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวเกินจริงหรือไม่”

“ข้ารู้ว่าท่านอยากไว้ชีวิตข้า…”

ไอหนาวออกมาจากปากเย่โส่วกวนขณะเขาขยับริมฝีปาก เขากล่าวยิ้มๆ

“ข้ารับน้ำใจนี้ไว้แล้ว”

แสดงว่าต้องการทำสงครามต่ออย่างนั้นหรือ…

ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น นางไม่อยากทำเช่นนี้

เย่โส่วกวนกำหมัดแน่น เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยความนับถือจากใจจริง จากนั้นเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ข้าไร้ความสามารถ ทว่า ข้ายินดีใช้ร่างกายของตัวเองทำสงครามกับต้าโจว ปกป้องแคว้นซีเหลียงของข้าจนถึงที่สุด!”