บทที่ 1178 พวกคดในข้องอในกระดูกไม่มีทางได้ดี

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1178 พวกคดในข้องอในกระดูกไม่มีทางได้ดี

บทที่ 1178 พวกคดในข้องอในกระดูกไม่มีทางได้ดี

อันที่จริง ความรู้พื้นฐานของเยี่ยไคอวี่ไม่เพียงไม่ดีพอ แต่ยังไม่ตั้งใจทำงานอีก

ในบรรดาเด็กฝึกงาน หากไม่นับซูเสี่ยวเถียนแล้ว เขาคือคนที่ทำงานสบายที่สุด

เอาแต่ทำเรื่องง่าย ๆ หรือก็คือพวกหนักไม่เอาเบาไม่สู้นั่นแหละ

เวลาเจอเรื่องอะไรมาจะถือว่าเป็นความผิดผู้อื่น

หากได้คนแบบนี้มาทำงานด้วยก็คงแปลกแล้วละ

แล้วเจ้าตัวก็ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยด้วย

ไม่ได้เป็นคนที่ได้รับเลือก ทั้งยังไม่ตระหนักถึงการกระทำของตัวเอง เอาแต่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม

บากบั่นทำงานมาทั้งเทอม สุดท้ายคนอื่นได้อยู่ต่อ ส่วนตัวเองกลายเป็นคนเสียโอกาส

และหากไม่ได้อยู่ในกระทรวงต่างประเทศ ก็ต้องเดินทางกลับบ้านเกิด

ที่นั่นเป็นเมืองเล็ก ๆ เทียบเมืองหลวงไม่ได้เลย

เขาคิดหาทางแก้แค้นอย่างรวดเร็ว

ทว่าไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้

แน่นอนว่าต่อให้รู้ก็ไม่กลัว

กระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่สถานที่ธรรมดา การที่คนสองคนเกิดความไม่พอใจหรือคิดแก้แค้นย่อมไม่สร้างปัญหาให้อยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่เขาจะไปไม่มีใครให้ความสนใจนัก

คนที่กินแรงชาวบ้านอยู่ไปก็ขัดขวางความเจริญ

ไปแล้วก็ดี จะได้ไม่มีแกะดำ

เยี่ยไคอวี่คิดว่าตัวเองสำคัญมาก แต่ไม่ได้รู้เลยว่าสำหรับกระทรวงการต่างประเทศที่มีคนเข้า ๆ ออกอยู่เสมอนั้น เขาเป็นเพียงเด็กฝึกงาน ก็แค่ดารารับเชิญเท่านั้น

ก่อนนั่งรถไฟกลับบ้าน เขาได้เขียนจดหมายระบายอารมณ์เอาไว้ด้วย

เนื้อความเกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศเป็นสถานที่แห่งการเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

เกือบสมคบคิดกับชาวต่างชาติ เจตนาก่อกบฏ

สามวันต่อมาจดหมายส่งมาถึงมืออธิบดีตู้ ตัวคนรับแทบไม่อยากจะเชื่อเลย

“เหล่าตู้ ดูเหมือนชายคนนี้จะมีความแค้นต่อกระทรวงเรามากเลยนะ” ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงข้ามกระตุกยิ้ม

หลายปีมานี้กระทรวงต่างประเทศอยู่ท่ามกลางมรสุมอย่างความยากลำบาก คนที่จะทำกับเราได้นั้นจำต้องมีคุณสมบัติที่ค่อนข้างสูง

สิบปีผ่านไปความสามารถของนักแปลในประเทศค่อย ๆ หายไป ทุกวันนี้คนจีนก็ยังมีอคติกับการทำงานกับชาวต่างชาติ

แล้วก็สิ่งที่เด็กฝึกงานคนนี้เขียนออกมาอีก เล่าการสมคบคิดเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าใช่จริงใครจะกล้ามาทำงานกับเรากัน?

“เขาเป็นเด็กฝึกงานปีนี้น่ะ คงมีปัญหาเพราะไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อ” อธิบดีตู้ส่ายหัว “แล้วเขาก็ไม่ใช่คนตั้งใจทำงานด้วย”

เพราะเป็นความต้องการของที่ทำงาน จึงให้ความสนใจเหล่าหนุ่มสาวอย่างใกล้ชิด และหวังว่าจะดีพออยู่ทำงานต่อ

คนอื่น ๆ จัดว่าดี มีแค่เยี่ยไคอวี่ที่ไม่ได้เรื่อง

“นิสัยมีปัญหาโดยแท้!”

ฝึกงานที่องค์กรแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับเลือกให้ทำต่อเลยเขียนจดหมายรายงานเรื่ององค์กรแทน

ในอนาคตใครที่ไหนจะกล้ารับเขาเข้าทำงานล่ะ?

“ช่างเถอะ ก็แค่พวกสร้างปัญหาคนหนึ่งเท่านั้น โชคดีที่ไม่ได้อยู่ต่อ ไม่อย่างนั้น ไม่รู้อนาคตจะวุ่นวายมากแค่ไหน”

อธิบดีตู้ต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญ ๆ มาตลอดหลายปี กับอีแค่จดหมายฉบับเดียวเขาไม่กลัวหรอก

ถือว่าโชคดี ไม่อย่างนั้นคงเป็นแกะดำในกระทรวงเราแล้ว

“ถึงตอนนี้ขาดคนเบื้องบนก็ส่งมาได้ แต่ถ้าเขาอยู่ปัญหาเยอะกว่านี้อีก”

“ปีหน้าก็ดูนิสัยก่อนแล้วกัน ไม่อยากเจอคนแบบนี้อีกแล้ว!”

อธิบดีตู้ไม่ได้กลัว แต่รู้สึกว่าน่ารำคาญ

ถ้าต้องเจอแบบนี้ทุกคนไม่ตายหรือไง?

“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันประเมินสถานการณ์เขาไว้แล้ว แล้วก็แจ้งให้รัฐบาลท้องถิ่นทราบแล้วด้วย”

อธิบดีตู้พยักหน้า “ขอบคุณมาก!”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ไว้กลับไปค่อยไปดื่มที่หออีหมิงกัน!”

ว่าจบก็หันหลังจากไป

อธิบดีตู้ยืนส่งเขา หลังจากนั้นอีกหลายวันต่อมาทั้งสองก็ได้ไปหออีหมิงเพื่อปรับอารมณ์

ฝ่ายเยี่ยไคอวี่ที่ไม่รู้เรื่องราวนั้น พอลงจากรถไฟได้ก็รายงานเรื่องราวให้ทางฝ่ายทรัพยากรบุคคลของท้องถิ่นทันที แต่ไม่รู้เลยว่ารัฐบาลท้องถิ่นได้ข้อมูลมาก่อนแล้ว

เพราะกล่าวหาทางกระทรวงการต่างประเทศ อนาคตจึงถูกลิขิตให้เริ่มต้นเส้นทางที่แสนยากลำบาก

เดิมทีเด็กที่จบมหาวิทยาลัยชื่อดังนั้น หากกลับบ้านมาหางานทำจะได้งานดี ๆ รองรับไว้เลย

แต่เพราะความคิดชั่วร้ายทำให้ทุกคนรังเกียจเขา

ส่วนเด็กฝึกงานสามคนที่เหลือทำงานกันคนละแผนก กอปรกับถนัดคนละภาษาด้วย

ปกติก็ยุ่งมากจนไม่ค่อยได้เจอะเจอ

ที่จริงซูเสี่ยวเถียนต่างหากที่ยุ่งที่สุด

ส่วนอีกสองคนงานไม่ได้เยอะเท่า ยังพบปะและพูดคุยได้เป็นครั้งคราว

ความสัมพันธ์พวกเขาดีขึ้นกว่าเก่า

ไม่ใช่ว่าตัวซูเสี่ยวเถียนไม่อยากเจอนะ แค่ไม่มีเวลาให้ก็เท่านั้น

ยุ่งจนคิดว่ากระทรวงตั้งใจให้ทำงานล่วงหน้าเผื่อไปอีกยี่สิบปีเสียอีก

เพราะมีการพัฒนาที่กว้างขวางมากขึ้น ทุกคนจึงค่อย ๆ งานเยอะ

ไม่ได้ยุ่งแค่ซูเสี่ยวเถียน คนอื่นก็ยุ่งด้วย

เพื่อความสะดวกในการทำงาน เด็กสาวไม่มีทางเลือกนอกจากพักอยู่หอของกระทรวง

ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ฉืออี้หย่วนเจอซูเสี่ยวเถียนได้ยากมากขึ้น

ช่วงนี้เขาก็ยุ่ง ไม่มีเวลาได้เจอเหมือนกัน

ก่อนกลับมาจีน เขาก็จดทะเบียนบริษัทในเยอรมนีไว้แล้ว

ด้วยนโยบายของเราที่ทำเพื่อดึงดูดการเข้ามาลงทุน บริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศจะมีเงื่อนไขที่พิเศษมากกว่าการจดในประเทศมาก

หลาย ๆ ขั้นตอนจึงจัดการอย่างสะดวก

แม้จะจดทะเบียนเอาไว้ แต่มันไม่มีอะไรเลย

ไม่มีทำเลที่ตั้งด้วยซ้ำ

การเริ่มทุกอย่างใหม่ในประเทศจีนไม่ใช่เรื่องง่าย

ตอนนี้กำลังหาทำเลและรับสมัครพนักงานอยู่

แต่คนสมัยนี้มองว่าทำงานราชการดีกว่าเยอะ เลยมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเขา

ทว่าซูเสี่ยวเถียนเลือกทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ

ระบบการทำงานของเราแตกต่างกันมาก ทั้งระยะทางจากสถานที่ทั้งสองแห่งยังห่างกันอีก

ฉือเก๋อหัวเราะยามเห็นความทุกข์ทนของหลานชาย