บทที่ 1179 ชายชราจอมวางแผน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1179 ชายชราจอมวางแผน

บทที่ 1179 ชายชราจอมวางแผน

ชายชรามองออกอย่างชัดเจนว่าหลานชายสนใจเสี่ยวเถียนจริง ๆ

ถ้าไม่ได้ชอบ จะยอมกลับจากต่างประเทศมาทำไมล่ะ

“เสี่ยวหย่วน หลานกับเสี่ยวเถียนเพิ่งจะอายุเท่านี้เอง ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

เขารู้สึกว่าหลานชายใจร้อนไปหน่อย

ตาแก่คนนี้จำต้องเตือนกันเล็กน้อย

“ผมไม่รีบครับ!” ปากว่าอย่างแต่มือกำหมัดแน่น

เด็กคนนั้นโตขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นสาวเสียแล้ว

หน้าตาสะสวย ใครเห็นก็ต้องชื่นชอบ

ถ้าไม่เฝ้าเอาไว้ก็ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่หมายปองอยู่

เหตุผลที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักระหว่างอยู่เยอรมนีคือต้องการกลับจีนให้ไวที่สุด เพื่อที่จะไม่ได้ไม่พลาดสาวน้อยคนนี้ไป

แม้กลับมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันอีก นึกแล้วก็ได้แต่อารมณ์เสีย

ฉือเก๋อมีชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว ความคิดของหลานชายตนย่อมมองออกทะลุปรุโปร่ง

“ปู่จะบอกอะไรให้ ตอนนี้เสี่ยวเถียนทำงาน กำลังไปได้สวย หลานต้องรีบตามเธอให้ทัน”

ถึงหวังให้พวกเขาลงเอยกัน แต่ถ้าฝ่ายหญิงเก่งกว่า ฝ่ายชายจะรู้สึกต่ำต้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นการดีสุดคือให้เท่าเทียมทั้งสองฝ่าย

ในขณะเดียวกันก็ห่วงว่าหลานจะไม่พัฒนาตัวเองเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ

พวกลูกชายลูกสาวไม่ได้เรื่องอีกต่อไป ความหวังเดียวคือหลานชายคนนี้เท่านั้น

ชายชราหวังว่าอี้หย่วนจะมีอนาคตอันรุ่งโรจน์ นำตระกูลฉือกลับสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง ทั้งยังหวังอีกว่าเขาจะมีครอบครัวที่มีความสุข

เขาไม่ใช่ฉือเก๋อคนหัวแข็ง ที่ต้องเอาทั้งครอบครัวทั้งหน้าที่การงานมาผูกโยงกัน

ตอนนี้ห่วงก็แต่พ่อแม่หลานนั่นแหละ

กลัวว่าถ้าตายไป สองคนนั้นจะกลับมาเอารัดเอาเปรียบอี้หย่วนและเสี่ยวเถียน

ต้องทำให้เขาแข็งแกร่งเสียตอนนี้ จะได้ไม่โดนคนอื่นบงการ และมีกำลังปกป้องภรรยากับลูก ๆ ได้

นโยบายในประเทศตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว ขอแค่ตั้งใจพัฒนาตนเอง ตนเชื่อว่าเพียงไม่กี่ปีหลานก็ทำสำเร็จ

ตามความคิดของฉือเก๋อคือ ฉือเนี่ยนตงและภรรยาเป็นพวกความคิดล้าสมัย

เพื่อเป้าหมายของตัวเองถึงกับบังคับให้ลูกแต่งงาน ในเมื่อมีครั้งแรกย่อมมีครั้งที่สองสามตามมา

ตัวเราแก่ขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถปกป้องหลานได้อีก มีแต่จะพึ่งพาเขาเท่านั้น

“เข้าใจแล้วครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า

“ปู่อยู่ตรงนี้ ทรัพย์สินก้อนสุดท้ายของบ้านก็ยกให้หลานแล้ว ตระกูลเราจะไปได้ไกลสักแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลานแล้วละ”

ฉือเก๋อไม่ได้ไร้แผนเสียทีเดียว พอเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงซ่อนเงินเอาไว้

เพียงแต่ไม่ได้เอาออกมาก็เท่านั้น เพื่อให้รุ่นต่อ ๆ ไปได้ยืนหยัดอยู่ได้

ฉืออี้หย่วนอยากปฏิเสธ แต่ชายชราเอ่ยคัดค้านเสียอย่างนั้น

“คนเดียวที่ปู่พึ่งพาได้คือหลานนะเสี่ยวหย่วน ถ้าหลานไม่เอา จะให้ทายาทรุ่นต่อ ๆ ไปลืมเลือนเหล่าบรรพบุรุษหรือ?”

ชายหนุ่มเงียบกริบ

ใช่ ระหว่างอยู่เยอรมนีเขารู้ว่าพ่อแม่ อาและอาสะใภ้คิดอย่างไร

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะตั้งใจทำให้เต็มที่”

หลังจากนั้นฉือเก๋อก็พาหลานไปที่สวนหลังบ้าน

ก่อนสั่งให้ขุดดิน

ในไม่ช้าพวกเขาก็พบกล่องใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกจะพบกับก้อนทองด้านใน

ไม่ใช่แค่นี้นะ ฉือเก๋อให้หลานขุดต่อแล้วเจอเพิ่มอีกใบ

เบ็ดเสร็จรวมแล้วสี่ใบ มันไม่ได้ใหญ่มาก แค่หนึ่งฉื่อ*[1]เท่านั้น

ทว่าของด้านในล้วนแต่เป็นของมีค่าไม่น้อย

ฉืออี้หย่วนตกใจ

ตระกูลเรามีของดีขนาดนี้เลยหรือ?

“ปู่ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”

“ไม่ได้ฝันหรอก นี่เป็นทรัพย์สมบัติอย่างสุดท้ายของตระกูลเราแล้ว ถ้าขายหมดนี้จะได้เงินประมาณหนึ่งล้านแปดแสน ทำธุรกิจอาจใช้ไม่เยอะ ไว้เป็นเงินก้อนแรกก็ยังดี”

ฉืออี้หย่วนที่เดิมทีมีความตั้งใจจะเริ่มทุกอย่างด้วยตัวเองรู้สึกดีใจขึ้นมา

“แล้วทำไมปู่ไม่ให้ผมตั้งแต่ที่กลับมาล่ะครับ?”

“แกเพิ่งจะกลับจากต่างประเทศ ฉันจะไปเชื่อใจได้ยังไง?”

ฉือเก๋อร้องเหอะ

ลูกทุกคนไปอยู่นอกกันหมด แถมนิสัยก็เปลี่ยนไปทั้งนั้น ถึงฉืออี้หย่วนจะเป็นหลานที่เลี้ยงมาด้วยตัวเอง แต่ฉือเก๋อยังไม่ไว้ใจอยู่ดี

โชคดีที่เขายังเหมือนเดิม

ฉืออี้หย่วน “…”

ดูเหมือนพวกพ่อพวกอาคงทำให้ปู่ฝังใจจริง ๆ

“ถ้ามีของพวกนี้หลานจะพัฒนาไปได้ไวแน่นอน อย่างน้อยก็ส่งไปยังรุ่นต่อ ๆ ไปก็ได้ ปู่ไม่อยากขาย”

ฉืออี้หย่วนพยักหน้า

ส่วนหนึ่งมันเป็นสมบัติของบ้านเราด้วย ชายหนุ่มเองยังไม่อยากขายเลย

“เสี่ยวเถียนมีเงินอยู่นะ ลองไปถามดูว่าเขาอยากได้หรือเปล่า”

ฉืออี้หย่วนเงียบ

ทำแบบนี้จะดีหรือ?

และถ้ามีเงิน จะเยอะแค่ไหนกันเชียว?

เขาได้ยินมาว่า ช่วงนี้บ้านซูใช้เงินไปกับอสังหาริมทรัพย์เยอะมาก เงินเก็บตลอดสองปีของเสี่ยวเถียนคงเหลือไม่เท่าไรหรอกมั้ง…

“แต่หลายปีมานี้เธอได้อะไรดี ๆ เยอะเลยนะ”

ชายชราไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องบางเรื่องปล่อยให้คิดเองดีกว่า

แต่เรื่องความสัมพันธ์ของเด็กสองคนนี้ควรจะถามจริง ๆ

หลังจากได้ยินคำถาม ฉืออี้หย่วนก็ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“น้องยังเด็กอยู่ครับ สองปีนี้ผมว่าจะทำงานไปก่อน หลังจากเธออายุพ้นยี่สิบแล้ว เราค่อยสร้างความสัมพันธ์กัน”

ฉือเก๋อหัวเราะ

“เจ้าเด็กนี่ แกลองเดินไปพูดว่าจะคบกับเธอสิ หลานชายบ้านนั้นกินแกทั้งเป็นแน่!”

ฉือเก๋อรู้จักหลานชายตระกูลซูดี

“ผมรู้ครับ!” รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าฉืออี้หยวน

พวกเขาเอาแต่มาบอกว่า รอให้เสี่ยวเถียนยี่สิบสี่ปีก่อนถึงค่อยแต่งงาน

ถึงจะรีบแค่ไหนมันก็ยังเร็วไปอยู่ดีสินะ

“ปู่ไม่อยากรีบอุ้มเหลนชายหรือครับ?”

ฉือเก๋อส่ายหัว “แก่ปูนนี้แล้ว อุ้มไม่ไหวหรอก ปล่อยให้หนุ่มสาวทำก็พอ”

ไอ้เด็กนี่นับวันยิ่งฉลาด คิดจะใช้ตนเป็นเครื่องมือหรือไง

แม้ส่วนหนึ่งจะอยากอุ้มเหลนไว ๆ แต่มันก็แล้วแต่โชค เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้หรอก

[1] หนึ่งฉื่อเท่ากับสามสิบเซนติเมตร