บทที่ 1180 พี่อี้หย่วนมาได้ยังไงกันคะ?

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1180 พี่อี้หย่วนมาได้ยังไงกันคะ?

บทที่ 1180 พี่อี้หย่วนมาได้ยังไงกันคะ?

ฉืออี้หย่วนเสียใจมากที่ปู่ไม่ตกหลุมพราง

เป็นตาแก่ที่มากเล่ห์จริง ๆ

ทีแรกคิดว่าท่านจะแวะไปเที่ยวเล่นที่บ้านคุณปู่คุณย่าอะไรแบบนี้

กลายเป็นว่าไม่ทำตามแผนเสียอย่างนั้น

ช่างเถอะ เรื่องของเราจัดการเองดีกว่า

เสี่ยวเถียนยังเด็กอยู่จริง ๆ นั่นละ รอไปก่อน ไม่ต้องรีบ

หลังจากเลือกกล่องดี ๆ ออกมาได้แล้ว ก็เดินทางไปหาเสี่ยวเถียนที่ตระกูลซู

เด็กสาวทำงานล่วงเวลามาสองอาทิตย์ติดต่อกัน ในที่สุดก็มีวันหยุดพักหนึ่งวัน ขณะที่กำลังเอนตัวนอนขี้เกียจ หูก็ได้ยินเสียงของฉืออี้หย่วน

เธอพุ่งออกจากห้องทันที

“พี่อี้หย่วนมาได้ยังไงกันคะ?”

“เธอไม่มาหาพี่ไง พี่ก็เลยต้องมาแทน ช่วงนี้ยุ่งหรือ? ดูซูบ ๆ ไปนะ หรือที่ทำงานไม่มีของอร่อย?”

ฉืออี้หย่วนเหลือบมองก่อนเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

ซูเสี่ยวเถียนรีบ “พอได้ค่ะ ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น สมัยนี้นิยมผอมสวยนี่นา”

ฉืออี้หย่วนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ไม่ได้สิ ผอมสวยอะไรกัน ต้องสุขภาพดีสิถึงจะเรียกว่าสวย!”

ซูเสี่ยวเถียนผงกหัวเหมือนกระดิ่ง ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ดี

คุณย่าซูเดินผ่านมาเจอแขก ท่านจึงยิ้มทักทาย “เสี่ยวหย่วนมาเรอะ? เข้ามาคุยข้างในซี่ เดี๋ยวย่าทำของอร่อยให้ แต่ละคนไม่ดูแลตัวเองกันเลย ไม่รู้จักนอนหลับพักผ่อนกินข้าวให้มันเยอะ ๆ ดูซิตัวผอมโซ หน้าดำคล้ำเครียดเลย”

ซูเสี่ยวเถียนปิดปากหัวเราะ

เมื่อครู่พี่เขาเพิ่งจะบอกเธอ นี่โดนคุณย่าบอกอีก

ฉืออี้หย่วนมองน้องด้วยสายตาเอ็นดู

หลังจากเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มยกกล่องออกมาจากถุงแล้ววางบนโต๊ะ

“พี่มาหาหนูแล้วยังเอาของขวัญมาให้ด้วยหรือคะ?”

ซูเสี่ยวเถียนมองกล่องใบนั้นแล้วยิ้ม

“มันคือของตกทอดของตระกูลเราน่ะ เธอลองดูสิ!” ฉืออี้หย่วนเอ่ยเขิน ๆ

มันไม่ใช่ของขวัญสำหรับน้อง แต่เป็นของที่ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนกันต่างหาก จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องขึ้นมา

ฝ่ายซูเสี่ยวเถียนได้ยินก็มีแรงทันที ตระกูลฉือถือเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง การที่พี่อี้หย่วนเอาเรื่องนี้มาบอกเล่าแสดงว่าต้องเป็นของดีจริง

ชายหนุ่มยิ้ม จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปเปิดฝา

ข้างในมีสมบัติล้ำค่าอยู่จริง ๆ พร้อมทั้งเครื่องประดับล้ำค่าทุก ๆ ชนิด ไม่ว่าจะชิ้นเล็กชิ้นน้อยล้วนส่องสว่างเจิดจรัส

ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนมองสมบัติเป็น พอเห็นแล้วรับรู้ถึงคุณค่าได้แทบจะในทันที

“เป็นของที่สืบทอดมาในตระกูลหรือคะ?” น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น

“เธอชอบไหม?” ชายหนุ่มไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนั้นมาก่อนเลย

ปกติจะไม่ค่อยสนใจอะไร แล้วก็ไม่ค่อยตื่นเต้นด้วย

จู่ ๆ ก็อยากมอบให้เป็นสินสอดสำหรับเธอในอนาคต

ซูเสี่ยวเถียนมองด้วยสายตาตื่นตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าสมควรแล้วละ

ตระกูลฉือมีมรดกตกทอดมาอย่างยาวนาน บรรพบุรุษได้ยินว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์ ไม่แปลกหากมีของดี ๆ แบบนี้อยู่

แถมคนฉลาดอย่างฉือเก๋อนั้น ต่อให้ครอบครัวจะต้องประสบกับโศกนาฏกรรม จะยอมให้คนอื่นเอาทรัพย์สมบัติที่บ้านไปจริง ๆ หรือ?

ดูอย่างคุณปู่คุณย่าบุญธรรมสิ มีของดี ๆ เก็บไว้เพียบเลยไม่เห็นหรือ?

ในชีวิตครั้งที่แล้วนั้น หลังจากฉืออี้หย่วนกลับมาถึงเมืองหลวงเธอไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง แต่การที่พัฒนาตัวเองไปได้ไกลน่าจะเพราะเงินที่ปู่ฉือให้ไว้แน่ ๆ!

“ทำไมพี่ถึงเอาของพวกนี้มาให้หนูล่ะ?”

หลังจากตื่นตาในที่สุดเธอก็กลับมามีสติได้

เด็กสาวไม่เข้าใจว่าเขาเอามาให้ทำไม

ถ้าไม่ได้เอามาสู่ขอค่อยสบายใจหน่อย!

ฉืออี้หย่วนรู้สึกอายที่จะบอกจุดประสงค์แท้จริงออกไป

สุดท้ายก็ทำได้แค่ตอบไปว่า

“พี่ตั้งใจจะขายน่ะแต่ไม่เต็มใจเท่าไร ถ้าเธอมีเงินช่วยรับจำนองแทนได้ไหม?”

ซูเสี่ยวเถียนมีเงินอยู่หลายแสน ตอนนี้ยังคิดอยู่เลยว่าจะเอามาใช้ยังไงดี

ต่อให้เก็บไว้คุณค่าก็ลดลง และไร้ราคาอยู่ดี

แต่ถ้าใช้ลงทุนจะสร้างความแตกต่างไว้ได้

“เรื่องพวกนี้ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรหรอกค่ะ ถ้าพี่อยากได้เงินยืมหนูก่อนได้เลย หรือจะเอาไปลงทุนก็ได้นะ ของพวกนี้เอาไปซ่อนไว้ก่อนจะดีกว่า”

อย่าว่าแต่มูลค่าเลย แค่ราคาก็มหาศาลแล้ว ขายไปขาดทุนแย่

เก็บไว้สักอีกสักสิบยี่สิบปีคงได้เป็นของล้ำค่าแน่นอน

ว่ากันตรง ๆ ขายตอนนี้กับขายในอนาคตเงินที่ได้ไม่เท่ากันด้วย

ทว่าฉืออี้หย่วนไม่อยากใช้เงินน้องเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว

เขาส่ายหัว

“พี่ใช้เงินเธอไม่ได้หรอก”

“ถ้าพี่ไม่อยากยืมงั้นเดี๋ยวหนูลงทุน แล้วแจกจ่ายปันผลตามสัดส่วนเอาค่ะ”

ซูเสี่ยวเถียนสนใจเรื่องนี้มาก

หลายปีมานี้เธอหาเงินได้จากเงินปันผลในร้านค้าต่าง ๆ นี่แหละ

นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ รอรับเงินได้เลย สบายกว่าเริ่มธุรกิจด้วยตัวเองเสียอีก

แถมต้องทำงานในกระทรวงไปอีกสองปี คงไม่มีเวลาบริหารจัดการธุรกิจหรอก

“พี่ก็รู้นะว่าหนูเป็นคนสบาย ๆ แทนที่จะต้องมาพะวงห่วงเรื่องพวกนี้ สู้หาคนมาช่วยหาเงินดีกว่าค่ะ มีความสุขกว่าเยอะ”

ทีแรกฉืออี้หย่วนลังเลนิดหน่อย แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลดี

เขารู้จักนิสัยของน้องดี

เธอเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ

ถ้ายืมเงินไม่ได้ งั้นก็ให้เธอเอามาลงทุนเสีย ตัวเราได้เงิน เสี่ยวเถียนก็รับผิดชอบเรื่องคำนวณเงินไปสิ

แม้ยอมรับกองทุนที่น้องให้มา แต่เห็นเธอเอาเงินออกมาหลายแสนก็แทบขาดใจตาย

เข้าใจแล้วว่าทำไมปู่ถึงพูดแบบนั้น สาวน้อยคนนี้โตไวถึงเพียงนี้เลยหรือ?

ทั้งหยิบเงินหลายแสนออกมาง่าย ๆ มีกิจการของตัวเองอีก เพิ่งจะเรียนจบแท้ ๆ ว่าด้วยเรื่องอายุช่วงวัยจะบรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ

จะไม่ให้คนอื่นเขาขาดใจได้ยังไงกัน?