บทที่ 1182 เหล่าผีเสื้อดมดอม

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1182 เหล่าผีเสื้อดมดอม

บทที่ 1182 เหล่าผีเสื้อดมดอม

ซูหม่านซิ่วไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากทักทายภรรยาฝ่ายคณะผู้แทนแล้วก็จับมือซูเสี่ยวเถียนแล้วพูดด้วยไม่กี่ประโยค

ตอนนั้นเองที่เด็กสาวเห็นฉืออี้หย่วน

กำลังคิดอยู่เลยว่าเมื่อไรจะมีโอกาสได้พบกัน แต่ไม่อยากเจอในสถานการณ์แบบนี้

“พี่อี้หย่วนมาได้ยังไงคะ?”

ฉืออี้หย่วนยิ้มก่อนลูบผมน้องเบา ๆ “พี่ได้จดหมายเชิญมาเหมือนกัน เพราะงั้นก็ต้องมาอยู่แล้วสิ”

ซูเสี่ยวเถียนรู้อยู่ตลอดว่าบริษัทของพี่เขากำลังไปได้สวย แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงระดับเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย

“หนูรู้อยู่แล้วว่าพี่เก่ง” เธอเอ่ยชมเขาจากใจ

แต่เพราะมีภารกิจต้องทำ หลังจากคุยเสร็จก็แยกย้ายออกมา

ถึงฉืออี้หย่วนจะไม่ได้ยืนเคียงข้างเธอ แต่สายตามองหาอยู่เสมอ

ตอนนั้นเองที่มีหญิงสาวแต่งตัวหรูหราเดินเข้ามาหา

เธอถือแก้วไวน์สองแก้ว ก้าวเดินอย่างสง่างาม เป็นคนที่สวยจริง ๆ

รูปร่างสูง หน้าตาไร้ที่ติ แม้มีผู้หญิงคนอื่นรายล้อม แต่หน้าตาดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉืออี้หย่วนมีสีหน้าเฉยเมย ก่อนจะได้กลิ่นที่ทำให้หายใจไม่ออก

เขาทนกลิ่นพวกนี้ไม่ได้เลย

สิ่งที่ชอบคือกลิ่นหอมธรรมชาติของซูเสี่ยวเถียนมากกว่า กลิ่นอ่อน ๆ นวล ๆ

ไม่ใช่กลิ่นหอมสังเคราะห์แบบนี้

ไม่ว่าน้ำหอมจะดูดีแค่ไหน แต่สำหรับฉืออี้หย่วนมันคือกลิ่นสังเคราะห์ เข้มข้นจนทำให้เวียนหัวไม่น้อย

หญิงสาวยืนอยู่เบื้องหน้า ผายสะโพกด้วยท่วงท่าอันงดงาม

ก่อนยื่นแก้วไวน์ไปให้

“บังเอิญจังเลยอี้หย่วน เราได้เจอกันอีกแล้วนะ มาดื่มด้วยกันหน่อยไหม?”

น้ำเสียงหวานจนคนฟังรู้สึกเหมือนกระดูกจะเปราะ

ซึ่งตนไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้น เขาได้ยินแล้วรับไม่ได้

ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ใช้น้ำเสียงดี ๆ คุยด้วยกัน? ทำไมต้องใช้น้ำเสียงน่ารังเกียจแบบนั้น?

หญิงสาวคนนี้ชื่อฮั่วซิงอวิ้น พ่อเป็นนักธุรกิจเซียงเจียง

เพราะลงทุนไว้เยอะมาก ตระกูลฮั่วจึงมีรากฐานอันมั่นคงในลี่เฉิง เลยทำให้เธอทำตัวผยอง

ตั้งแต่ที่เดินทางมาลี่เฉิงพร้อมพ่อเมื่อสามปีก่อน เจ้าตัวก็เอาแต่ทำเรื่องไร้สาระ เรียกได้ว่าไม่สนใจอะไรเลย

เมื่อเร็วนี้ ๆ ฉืออี้หย่วนผู้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงได้ปรากฏตัวตรงหน้า เลยทำให้สาวเจ้าสนใจชายหนุ่มรูปงามพอสมควร

แม้เธอจะเคยมีคนรักมาแล้วหลายครั้ง ทั้งยังมีคนที่เคยคุย ๆ กัน แต่ไม่มีใครหล่อจนน่าหลงใหลได้ขนาดนี้เท่าเขาเลย

พ่อของฮั่วซิงอวิ้นพึงพอใจกับฉืออี้หย่วนไม่ต่างกัน

เขามีลูกหลายคน แต่ไม่มีใครเก่งสักคน

ตอนนี้ยังหาทายาทเหมาะ ๆ ไม่ได้เลย

แล้วชายหนุ่มที่สามารถสั่งสมความมั่งคั่งได้ในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่คู่ควรจริง ๆ

ถ้าได้เป็นเขย เขาจะเป็นผู้ถือหางให้ตระกูลฮั่วได้ด้วย

ฮั่วซิงอวิ้นรู้วิธีใช้ข้อได้เปรียบของตัวเอง เจ้าตัวคิดว่าผู้ชายไม่มีทางต้านทานสิ่งล่อลวงแบบนี้ได้หรอก

ซึ่งไม่คิดเลยว่าฉืออี้หย่วนจะเป็นข้อยกเว้น

“คุณเป็นใคร? ช่วยเรียกผมว่าคุณฉือด้วย!”

น้ำเสียงเขาเย็นมาก ทั้งยังถอยหลังออกไปสองก้าวราวกับกลัวว่าตัวเองจะสกปรก

“นาย…”

สีหน้าหญิงสาวพลันเปลี่ยนไป เขาหมายถึงอะไรกัน?

บนตัวเธอมีอะไรสกปรกหรือ? ถอยหนีทำไมน่ะ?

ถ้าไม่ติดว่าอยู่งานเลี้ยง เธอคงโวยวายไปแล้ว

“น้ำหอมบนตัวคุณกลิ่นแรงมาก!” ฉืออี้หย่วนยังคงรังเกียจ

ทำหกใส่ตัวเองหรือไง?

หายใจออกหรือ?

“ฉืออี้หย่วน ฉันเชื่อนะว่านายรู้ว่าตระกูลฮั่วมีสถานะเป็นยังไง ถ้านายแต่งงานกับฉัน ฉันจะเป็นหลักประกันให้ได้เลยว่านายก้าวหน้าได้ไวมาก ทั้งอนาคตยังสดใสด้วย”

ฉืออี้หย่วนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ

เขาอยากมีอนาคตสดใส แต่ไม่ใช่เอามาแลกกับศักดิ์ศรีของเขา มันควรจะมาจากการตั้งใจทำงานสิ

ฮั่วซิงอวิ้นมองเห็นความคิดอีกฝ่าย ทำให้เธอโกรธขึ้นมา

ก็แค่เด็กจน ๆ อาศัยโชคเข้ามาตั้งตัวในลี่เฉิงไม่ใช่หรือไง คิดว่าตัวเองเก่งหรือ?

ต่อหน้าตระกูลฮั่วมันก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น

“ถ้าไม่รู้จักชั่วดีแล้วทำตัวแบบนี้กับฉันก็อย่าหาว่าไม่เตือนแล้วกัน! คิดถึงผลที่ตามมาบ้างนะ ผลของการทำให้ฉันขุ่นเคือง!”

ฮั่วซิงอวิ้นมั่นใจมาก

จะไม่ให้มั่นใจได้ยังไง?

พ่อเธอมีภรรยาสามคน มีลูกสิบเอ็ดคน

และเธอคือคนที่พ่อรักมากที่สุด ต่อให้เป็นลูกผู้ลากมากดีเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ ที่วัน ๆ ไม่ทำการทำงาน แต่ไม่ได้ทำให้พ่อรักเธอน้อยลงสักนิด

ถ้าใช้ประโยคหนึ่งมาอธิบายความเป็นเธอแล้ว ฮั่วซิงอวิ้นเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนทุกคนก็ต้องเยินยอเธอเท่านั้น

คนที่ทำอะไร ๆ ก็ราบรื่น โดยปกติแล้วย่อมไม่มีทางยอมรับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากคนอื่นได้หรอก

และฮั่วซิงอวิ้นย่อมไม่มีข้อยกเว้น

ตอนนี้เลยทำให้เธอกล่าวคำข่มขู่ออกมามากมาย

มันเป็นภัยคุกคามก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องจริงด้วย

ตอนนั้นมีคนในเซียงเจียงเคยทำให้หญิงสาวขุ่นเคือง สุดท้ายครอบครัวนั้นก็ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก

“ขอโทษด้วยครับคุณหนู ผมไม่อยากให้คุณมารบกวนชีวิตผมเท่าไร อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่เซียงเจียง ประเทศจีนเป็นสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย ต่อให้พ่อคุณเป็นนักธุรกิจจากเซียงเจียงเดินทางเข้ามาลงทุน ก็ไม่สามารถปิดบังการกระทำได้หรอกนะ”

เขาเอ่ยด้วยเสียงอันดังและทรงพลังมาก รู้เลยว่าไม่คิดไว้หน้าอีกฝ่ายใด ๆ

และสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ขนาดนี้เพราะเชื่อในตัวฉืออี้หย่วน

ลี่เฉิงอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เทียบกับเขตพัฒนาอื่น ๆ แล้วที่นี่ดีกว่ามาก

เลยเชื่อว่าเฉินจื่ออันไม่ยอมหลับหูหลับตาปล่อยให้คนลงไม้ลงมือในลี่เฉิงแน่นอน

ต่อให้เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ย่อมไม่ปล่อยไว้เช่นกัน

“คุณฉือยังเด็กอยู่นะคะ ไม่รู้เรื่องพลังของการลงทุนเสียเลย!”

ฮั่วซิงอวิ้นไม่รู้เรื่องสิ่งต่าง ๆ ที่ราบรื่นตลอดยี่สิบปีมานี้หรอก เพราะตอนนี้เธอเริ่มสนใจฉืออี้หย่วนขึ้นมาเสียแล้ว ก็เลยพูดจาหยอกเย้ากลับไป

ฉืออี้หย่วนรู้สึกได้ว่าแววตาอีกฝ่ายดูร้อนแรงกว่าเดิม จึงรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมา

ทำไมเป็นพวกไม่ฟังอะไรเลยเนี่ย?

ที่พูดไปขนาดนั้นยังไม่พออีกหรือ?

“ผมมีแฟนแล้ว อย่ามาเสียเวลาอยู่เลย!”

ตอนนั้นเขาเห็นซูเสี่ยวเถียนพอดี จึงเอ่ยวิธีแก้ปัญหาขึ้นได้

“มีแฟนแล้วยังไงล่ะ?” รอยยิ้มประชดฉายบนริมฝีปากฮั่วซิงอวิ้น “ฉืออี้หย่วน ผู้ชายคนไหนที่ฉันชอบจะต้องเป็นของฉันเท่านั้น!”

“ฉันไม่ยอมแพ้ให้กับผู้หญิงที่ชอบคุณหรอกนะ!”

“เธอรวยกว่าฉันหรือ? ภูมิหลังครอบครัวดีกว่า? หรือให้ความช่วยเหลือนายได้มากกว่าฉันล่ะ? ซื่อตรงสักหน่อยก็ดีนะ ถ้านายฉลาดก็ทิ้งเธอแล้วมาคบกันฉันซะ”

“ต่อให้สุดท้ายฉันจะเบื่อนายแล้ว นายก็ไม่ลำบากอยู่ดีนะ!”

ฉืออี้หย่วนลูบหน้าผาก เข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้อยากมีอนาคตร่วมกับเขา

แค่สนใจเฉย ๆ

ช่างน่ารำคาญจริง ๆ

ทั้งสองคุยเสียงเบา แต่ฝ่ายหญิงค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงและตระกูลฮั่วก็ร่ำรวยมาก หากเข้ากันได้ดี ทำให้เธอมีความสุข ผลประโยชน์ที่ได้รับกลับมามหาศาลแน่ เพราะงั้นจึงมีคนอยากจับคู่กับเธอไม่น้อย

ส่วนฐานะดาวรุ่งอย่างฉืออี้หย่วน ย่อมเป็นเป้าหมายสาว ๆ ในงานหลายคน เนื่องจากพวกเธอเห็นโอกาสในตัวเขา

และบทสนทนาก็เป็นที่สนใจคนรอบข้างด้วย

ไม่นานพวกเขาได้มายืนรายล้อมใกล้ ๆ

ถึงจะไม่ได้เข้าไปใกล้จนชิดแต่ใกล้พอได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น

สาว ๆ ต่างผิดหวังตอนที่ทราบว่าฉืออี้หย่วนมีคนรักแล้ว

ทำไมมีแฟนตั้งแต่เด็กเลย?

โกหกหรือเปล่า?

แต่ก็มีคนใจกล้าลอบคิดว่าก็แค่แฟนเฉย ๆ ไม่ใช่ภรรยาเสียหน่อย ไม่เสียโอกาสหรอก

ปากบอกมีแฟนแต่ไม่เคยเห็นคนคนนั้นมาก่อนเลย

บางคนหมายจะยอมแพ้ บางคนอยากเข้าไปหา แต่เพราะมีฮั่วซิงอวิ้นยืนอยู่ข้าง ๆ เลยทำได้แค่อดทนเอาไว้

เพราะรู้ว่าหญิงสาวเป็นใคร จึงไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองใจได้

ซูเสี่ยวเถียนเห็นความเคลื่อนไหวทางฝั่งนั้น

จากมุมมองเธอ มีสาว ๆ รายล้อมฉืออี้หย่วนเต็มไปหมด

เด็กสาวหงุดหงิดราวกับของรักของหวงจะโดนพรากจากไปทันที

ไม่คิดเลยว่าจะมีสาว ๆ ปรากฏอยู่รอบตัวพี่อี้หย่วนด้วย

แล้วตอนนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเขา สวยในระดับที่ทำให้คนหลงใหล

พอยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ใครเห็นก็ว่าเหมาะสม

หนุ่มรูปงามเหมาะกับสาวพราวเสน่ห์อยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก

จิตใจของซูเสี่ยวเถียนแล่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าพี่อี้หย่วนมีสีหน้าเย็นเฉียบ

หรือทะเลาะกัน?

พี่อี้หย่วนเป็นคนอารมณ์ดีมากเลยนะ จะโกรธคนได้ยังไง?

หรือว่าเกิดจากผู้หญิงที่รายล้อม?

เธออยากเข้าไปถาม

แต่เพราะทำงานอยู่ ในฐานะเจ้าหน้าที่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเธอจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้

ต้องตั้งใจทำงาน

ช่างเถอะ ไว้ลองถามแล้วกันว่าอยากแต่งงานหรือเปล่า

พอคิดแบบนั้นก็ยิ่งหดหู่

ที่จริงเธอหงุดหงิดมาก

จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าความรู้สึกที่มีต่อฉืออี้หย่วนเปลี่ยนไป

เหมือนจะมีความคิดต่อเขาต่างไปจากเดิม

ความรู้สึกแบบนี้คือชอบสินะ!

แล้วความรู้สึกของฉืออี้หย่วนที่มีต่อเธอล่ะ? ชอบด้วยหรือเปล่า?

รู้จักกันมาหลายปี แต่เขาดูไม่เหมือนว่าจะสนใจพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเราเลย

อีกทั้งเขาก็ดูแลและเอ็นดูเธอเหมือนพวกพี่ ๆ เลย

แล้วการกระทำเหล่านั้น มีความรู้สึกเชิงชู้สาวอยู่ด้วยไหม?

เธอไม่สบายใจจนทำให้แปลช้าไปเลย

โชคดีที่ความมืออาชีพทำให้ไม่มีใครสังเกต ต่อให้พลาดก็ไม่มีทางรู้

เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็สงบจิตใจ

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง รอหลังเลิกงานดีกว่า

ซูหม่านซิ่วเห็นภาพหนุ่มสาวคู่นั้นแล้ว เธอขมวดคิ้ว

ทำไมทำตัวสนิทสนมกับเสี่ยวหย่วนขนาดนั้น?

“จื่ออัน เสี่ยวหย่วนดูเป็นที่นิยมนะ”

ซูหม่านซิ่วไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงฟังดูไม่พอใจ

“ช่วงนี้มีคนสงสัยเขาไม่น้อยเลย ขนาดพวกผู้อำนวยการยังอยากให้ลูกสาวจับคู่กับเสี่ยวหย่วนเลย”

เฉินจื่ออันลดเสียงแล้วบอกสิ่งที่รู้ให้ฟัง

ต้องลองพูดให้เสี่ยวเถียนฟังสักหน่อยว่ามีใครที่กำลังเฝ้ามองเสี่ยวหย่วนบ้าง

ซูหม่านซิ่วขมวดคิ้วมากกว่าเก่า

หมายความว่ายังไงนะ?

ถ้าพิจารณาดูจากเมื่อหลายปีก่อนเขาน่าจะชอบเสี่ยวเถียนใช่ไหม?

จะปล่อยให้เขาโดนคาบไปกินก่อนไม่ได้นะ

ดูเหมือนสองคนนี้ต้องการความช่วยเหลือ

ไม่ได้การ ต้องออกโรงช่วย

ไว้งานเลิกต้องบอกหลานสาวแล้ว

เฉินจื่ออันไม่รู้ว่าภรรยากำลังคิดอะไร

วันนี้เขาเป็นเจ้าบ้าน งานยุ่งมากเสียจนมีเรื่องให้คิดเยอะเลยไม่ได้คุยอะไรกับภรรยานัก

ซูหม่านซิ่วเอาแต่มองหลานชายเป็นหลัก ๆ

ฝ่ายฉืออี้หย่วนกำลังหงุดหงิด ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่สามารถสะบัดฮั่วซิงอวิ้นเลยเดินออกไปเอง

หญิงสาวเป็นคนที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ

ดูเหมือนสองคนนี้ต้องการความช่วยเหลือ

ไม่ได้การ ต้องออกโรงช่วย

ไว้งานเลิกต้องบอกหลานสาวแล้ว

เฉินจื่ออันไม่รู้ว่าภรรยากำลังคิดอะไร

วันนี้เขาเป็นเจ้าบ้าน งานยุ่งมากเสียจนมีเรื่องให้คิดเยอะเลยไม่ได้คุยอะไรกับภรรยานัก

ซูหม่านซิ่วเอาแต่มองหลานชายเป็นหลัก ๆ

ฝ่ายฉืออี้หย่วนกำลังหงุดหงิด ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่สามารถสะบัดฮั่วซิงอวิ้นเลยเดินออกไปเอง

หญิงสาวเป็นคนที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ

กอปรกับมีผู้ชายคนอื่น ๆ พยายามเข้ามาแสดงความสนใจจึงไม่ได้ไล่ตามฉืออี้หย่วนไปด้วย

ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ไว้รอเสียเปรียบเมื่อไรเดี๋ยวก็ตระหนักได้เองว่าเธอดี

สาว ๆ คนอื่นรีบตามฉืออี้หย่วนไปทันที

ตอนแรกก็ดูเป็นมิตร แต่เพราะเล็งกันอยู่จึงไม่มีใครยอมใครเลย

หญิงสาวผู้มีขายาววิ่งมาถึงไวที่สุด ก่อนหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ตัวเธอไม่ใช่คนขี้อายเลยพูดออกไปตรง ๆ

“สวัสดีค่ะ เราพบกันอีกแล้วนะ คุณจำฉันได้ไหมคะ คุณฉือ?”

เธอชื่อฮวางเหวินรุ่ย พ่อเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญทางการเมืองของลี่เฉิง มีอำนาจอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะเรื่องอุตสาหกรรมการก่อสร้างซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับธุรกิจของบริษัทฉืออี้หย่วนด้วย

เธอเลยมีแต่ความมั่นใจ และคิดว่าถ้าเป็นฝ่ายเข้าหาได้มากพอ ฉืออี้หย่วนจะต้องหันมาสนใจตนแน่