บทที่ 1188 ช่วยเหลือ

Content Warning: เนื้อหามีความรุนแรง, มีการคุกคามทางเพศด้วยวาจา

บทที่ 1188 ช่วยเหลือ

ขณะที่กำลังสนุกสนาน โต๊ะข้าง ๆ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น

มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังลั่นเรียกความสนใจคนอื่น ๆ ให้หันไปมอง

ฉืออี้หย่วนและซูเสี่ยวเถียนเห็นชายคนหนึ่งถือขวดเปล่ายืนอยู่ข้างเด็กสาวทั้งสองด้วยท่าทางถือตัว

ส่วนมืออีกข้างสัมผัสใบหน้าผู้หญิงคนหนึ่งอย่างหยาบคาย

เด็กสาวทั้งสองยืนใกล้กันมาก เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังหวาดกลัว

“ไม่ได้ยินหรือไง บอกให้มาดื่มเป็นเพื่อนฉันไง! มาสนุกเป็นเพื่อนกันแล้วเหล่าจื่อจะปล่อยไปเอง”

ชายคนนั้นกำลังเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง

แต่สีหน้านั่นทำให้คนหวาดกลัวไม่น้อย

เมื่อรวมกับน้ำเสียงและการกระทำแล้วท่าทางของเขาดูไม่ล้อเล่นสักนิด

ก่อนหน้านี้สองสาวกำลังคุยสนุกสนานและกินดื่มอาหารกันอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องกับตัวเอง

จู่ ๆ ชายคนหนึ่งได้มาปรากฏตัวตรงหน้า และสัมผัสพวกเธอตรง ๆ ทำให้ทั้งคู่ตกใจจนทำอาหารร่วง

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วแต่ไม่ถึงกับดึก

ตลาดกลางคืนเป็นสถานที่ซึ่งมีคนพลุกพล่านมาก สองสาวไม่คิดว่าจะมีคนสบโอกาสทำเรื่องเช่นนี้

พวกเธอไม่กล้าปริปาก ส่วนชายคนนั้นที่รอคำตอบไม่ไหวก็ยิ่งฉุนเฉียว

“ไม่ได้ยินหรือไง? อย่าให้เหล่าจื่อต้องใช้กำลัง! ถ้ายังไม่รีบเหล่าจื่อจะให้พวกแกเลียรองเท้าซะ!”

ระหว่างพูด เขาคว้าหมับที่หางม้าเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้แล้วกระชากอย่างแรง จนเธอเกือบตกเก้าอี้

เขาเห็นพวกเธอเป็นตุ๊กตาที่บดขยี้ได้ด้วยมือเดียว

กล้าดียังไงไม่กล้ามาเผชิญหน้ากัน ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง วันนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ

สองสาวตกใจมาก แต่ไม่กล้าร้องออกมา

โดยเฉพาะคนที่โดนกระชากผม ดวงตากลมโตมีน้ำตาไหลออกมา

“นังสารเลว! ยังกล้าร้องไห้อีกนะ!”

ชายคนนั้นโกรธจัด ปล่อยมือจากผมแล้วตบเธอจนล้มกองไปกับพื้น

หญิงสาวอีกคนที่ตัวเล็กกว่ารีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อน

แต่ชายคนนั้นจะปล่อยไปหรือ?

ทันใดนั้น เขาก็เตะเธอจนทั้งสองล้มกลิ้งอย่างกับลูกบอล

พวกเธอจึงไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้

ชายคนนั้นตวาดด่าลั่น

“นังสารเลว อุตส่าห์ไว้หน้าแต่ดันมาทำให้เหล่าจื่อเสียอับอายเนี่ยนะ”

ก่อนหน้านี้ทั้งเตะทั้งด่าจนพวกเธอลุกไม่ไหว

ครั้นเห็นอีกฝ่ายสาวเท้าเข้ามาหา ทั้งสองสาวจึงทำได้แต่กระเสือกกระสนหนีไป

ตอนนั้นคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ หยุดทำกิจกรรมทันที หลายคนหนีไปลอบมองเหตุการณ์จากที่ไกล ๆ

พวกเขาสงสารคนโดนทำร้ายนะ แต่ไม่มีใครกล้าพอจะเข้าไปช่วย

ซูเสี่ยวเถียนและฉืออี้หย่วนมองปฏิกิริยาคนโดยรอบ

เธอไม่อยากรออีกต่อไปจึงพุ่งเข้าไปตวัดขาเตะชายคนนั้นจนล้มกลิ้งกับพื้น

เธอตอบสนองเร็วกว่าฉืออี้หย่วนมาก ตอนนี้ชายหนุ่มยังยืนอยู่ที่เดิมอยู่เลย

ส่วนชายคนนั้น เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโดนเด็กสาวคนหนึ่งเตะจนล้ม แล้วจุดที่โดนทำไมถึงเจ็บขนาดนี้?

อย่างกับซี่โครงจะหักเลย

อีกฝ่ายคงไม่ได้ใส่รองเท้าเหล็กไว้ใช่ไหม?

“ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง! รอหาอะไรอยู่ ไม่รีบ ๆ จับมันไว้ วันนี้เหล่าจื่อจะจัดการมันเอง!”

เขาตะโกนเรียกคนอื่นออกมาช่วย

แต่มันคงทรงพลังกว่านี้หากไม่มีเสียงร้องโอดโอยออกมาด้วย

เขาไม่ได้มาคนเดียว หลังจากตะโกนออกไปก็มีคนอีกห้าหกคนออกมารุมล้อมซูเสี่ยวเถียนเอาไว้

“สาวน้อยหน้าตาดีจังเลยน้า ชอบพวกพี่ไหมจ๊ะ อยากให้พี่ชายเอ็นดูหน่อยไหม? ลูกพี่ ไว้พี่สนุกเสร็จแล้ว พวกเราขอลิ้มลองด้วยสิ”

พอเห็นหน้าตาสะสวยของซูเสี่ยวเถียน คนเหล่านี้ก็รู้สึกทนไม่ไหว

ซูเสี่ยวเถียนเกือบโมโหจนขาดใจตายกับคำพูดแทะโลมน่ารังเกียจนี้

แต่เธอเชื่อในประโยคที่ว่า ‘ขยับปากไม่เท่าขยับมือ’

คุยกับพวกมันมีแต่จะเสียเวลาเปล่า ๆ

เจ้าพวกนี้ตัวใหญ่ก็จริง แต่ทำกร่างไปอย่างนั้นละ เธอเชื่อว่าจัดการพวกมันได้

ตอนนั้นเองที่ฉืออี้หย่วนเข้ามาขวางเอาไว้

“เฮ้ย! มีผู้ผดุงความยุติธรรมออกโรงช่วยคนสวยด้วยว่ะ ฉันแนะนำให้แกฉลาดกว่านี้สักหน่อยนะ คิดว่าจะเอาชนะพวกเราได้อย่างนั้นหรือ?”

อีกฝ่ายมองฉืออี้หย่วนขึ้นลง ก่อนเอ่ยวาจาเหยียดหยาม

ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “พวกแกไม่เคารพกฎหมายบ้างหรือไง? ไม่กลัวตำรวจจับหรือ?”

ความปลอดภัยในสังคมลี่เฉิงถือว่าดี แม้จะมีการละเมิดไปบ้างแต่ฉืออี้หย่วนไม่คิดว่าจะมีคนกล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้

ทั้งยังไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหยื่ออีก

แสดงว่าพวกนี้คือเจ้าถิ่นสินะ!

“ตำรวจ?” อีกฝ่ายหัวเราะเยาะ “ช่วงนี้ตำรวจยุ่งจะตาย ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้หรอก”

“แน่ใจ?”

“เหล่าจื่อแน่ใจยิ่งกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้ไปเรียกตำรวจมาไหมล่ะ? พอพวกเขามาจะได้รู้กันไปเลยว่าใครที่จะโดนจับ!”

อีกฝ่ายกล่าวอย่างหน้าด้าน ๆ

แววตาฉืออี้หย่วนเริ่มเข้มขึ้น

แม้ไม่อยากเชื่อแต่คงมีโอกาสเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะกล้าพูดแบบนี้หรือ

คนรอบข้างได้ยินอย่างชัดเจน

สายตาที่มองฉืออี้หย่วนและซูเสี่ยวเถียนพลันเปลี่ยนไปเป็นความเห็นอกเห็นใจ

ซูหม่านซิ่วเองก็ได้ยินเช่นกัน

มีบางส่วนพึมพำด้วยว่าเจ้าพวกนี้มีคนคอยหนุนหลังอยู่ กลัวก็แต่สองคนนี้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ซูหม่านซิ่วเข้าใจแล้ว

เจ้าพวกนี้ไม่ได้ลงมือโดยไม่มีสาเหตุ แต่ไม่รู้ว่าใครหนุนหลังพวกเขาอยู่

ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เชื่อว่าไม่มีใครยศใหญ่กว่าเฉินจื่ออันแน่

เธอคิดว่าให้สามีมาจัดการได้ดีกว่าปล่อยให้เด็ก ๆ จัดการกันเอง ไม่อย่างนั้นพวกเขาเสียเปรียบแน่

แต่ยังติดต่อเฉินจื่ออันไม่ได้เลย ทำยังไงดีล่ะ?

ตอนนี้กังวลจนเหงื่อแตกพลั่ก

“แม่ครับ เราจะทำยังไงกันดี?”

เฉินซิ่วหย่วนหมายจะเข้าไปช่วย แต่ผู้เป็นแม่ขวางเอาไว้

“อย่าเข้าไปลูก แม่ขอคิดก่อนนะ แม่ขอคิดก่อน!”

ต่อให้ลูกฝึกทักษะการต่อสู้กับสามีมาแล้วแต่เขายังเป็นเด็ก สู้คนพวกนั้นไม่ได้หรอก

ฝ่ายซูเสี่ยวเถียนและฉืออี้หย่วนมองหน้ากัน ไม่คิดเสียเวลาอีกต่อไป

ฝ่ายนั้นคนเยอะกว่า เราชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบแล้วกัน

ทั้งสองลงมือทันที แบ่งเป็นหนึ่งต่อสามก่อนกำจัดเจ้าพวกนั้นไว้ใต้เท้า

การเคลื่อนไหวเสร็จสิ้นแทบจะในทันที

คนรอบข้างไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่าพวกนั้นล้มไปตอนไหน นอนกองเป็นพะเนินอย่างไร และโดนเหยียบไว้ตั้งแต่เมื่อไร

ระหว่างคร่ำครวญกลัวหนุ่มสาวเสียเปรียบ กลับเห็นพวกอันธพาลนอนร้องไห้หาพ่อหาแม่

เพียงเท่านี้จะไม่ให้รู้ผลได้ยังไงกัน?

ไม่นึกเลยว่าสาวน้อยคนนั้นจะจัดการได้อยู่หมัดถึงเพียงนี้

ผู้ชายอีกคนก็เก่งเหมือนกัน

จัดการได้สบาย ๆ เลย

แต่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็คงสู้พวกที่มาสนับสนุนไม่ได้หรอก!

“พวกเธอสองคนรีบหนีไปเถอะ ถ้ามีคนมาเพิ่มอีกจะแย่เอานะ”

หนึ่งในฝูงชนเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี

แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดต่อ

ทั้งสองได้ยินแล้ว มีหรือจะไม่เข้าใจ

การที่พวกนี้ลงมือทำเรื่องชั่ว ๆ ได้แสดงว่าต้องมีอำนาจของมนุษย์

ไม่รู้ใครหนุนหลังกันอยู่ อาเขยรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?

แล้วมีวิธีจัดการไหม?

ขณะที่ซูเสี่ยวเถียนกำลังนึก คนใต้เท้าเริ่มตวาดด่า

“นังเด็กเวร ถ้าแกกล้าลงมือกับเหล่าจื่อ แกรอโดนเก็บได้เลย!”

“รอตัวแกโดนจับเอาไว้ เหล่าจื่อจะหาผู้ชายสักสิบแปดคนมาดูแลอย่างดีเลย ให้แกรู้ไปเลยว่าอย่าแหย่เสือตอนหลับ”

แน่นอนว่าซูเสี่ยวเถียนทนกับคำพูดหยาบคายไม่ได้อยู่แล้ว ในตอนนี้หมายจะจัดการปากนั่นฉืออี้หย่วนเหยียบใบหน้าของมัน

“ถ้าปากมันพูดเรื่องดี ๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด!” น้ำเสียงเย็นเอ่ยขึ้น

“ไอ้เวร ถ้าแกกล้าลงมือละก็ เหล่าจื่อจะฆ่าแกซะ!”

คนที่โดนเหยียบพูดไม่ได้ คนอื่น ๆ เลยอวดเบ่งแทน

คนรอบข้างอยากจะหัวเราะแต่กลัวโดนหางเลขไปด้วย

“ก็ลองดูสิ คิดว่าคนที่หนุนหลังแกหรือฉันลงมือจะไวกว่ากันล่ะ?” ฉืออี้หย่วนเพิ่มแรงเข้าไปอีก

ถ้าเป็นเรื่องอื่นคงไม่เดือดขนาดนี้ แต่เพราะมันพูดจาทุเรศ ๆ ใส่ซูเสี่ยวเถียนเลยทำให้ทนไม่ได้

เด็กคนนี้มีแต่คนประคบประหงมอย่างดี เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายโดนเอาเปรียบแน่

ต่อให้พวกมันมีเส้นสายเขาก็ไม่กลัว

หลังจากอยู่ลี่เฉิงมานาน เขามั่นใจในฝีมือของเฉินจื่ออันมาก

คนพวกนั้นคงไม่ทรงอิทธิพลเท่าอาหรอก และต่อให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ก็ไม่กลัวอยู่ดี

อาจเป็นโอกาสให้เฉินจื่ออันได้กำจัดความชั่วร้ายออกไปก็ได้

ชายหนุ่มเชื่อว่าผู้เป็นอายินดีแน่นอน

คนมีอำนาจ อยากจะให้เขตอำนาจของตัวเองสงบสุขและรุ่งเรืองกันทั้งนั้น

เจ้าพวกนั้นไม่รู้จะต่อล้อต่อเถียงยังไง

เราจะทำยังไงกันดี?

แต่ตอนนี้เราลุกขึ้นไม่ได้ โดนเหยียบแค่เท้าเดียวแท้ ๆ ทำไมพละกำลังถึงมหาศาลได้ขนาดนั้น?

ผู้หญิงทั้งสองที่ได้รับความช่วยเหลือวิ่งเข้ามาหา

“พวกคุณรีบหนีไปเถอะ เจ้าพวกนี้มันมีเส้นสายนะ ไม่งั้นคุณจะหนีไปไม่รอดเอานะ!” คนตัวเล็กเร่าร้องอย่างร้อนใจ

แต่นี่มันเป็นปัญหาของเรา จะทำให้คนอื่นมาลำบากด้วยไม่ได้

แต่สำเนียงพวกเขาดูไม่เหมือนคนในพื้นที่เลย เป็นคนต่างเมืองใช่ไหมนะ?

แบบนี้ยิ่งรั้งไว้ไม่ได้เข้าไปใหญ่

ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกชอบทั้งสองคนที่พยายามเตือนให้ฟัง

ปกติคนเราเวลาเจอเรื่องอันตรายมักสบโอกาสและหลบหนีไป ต่อให้คนที่เข้ามาช่วยเหลือตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ก็ตาม

ทว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนแบบนั้น

“ไปแจ้งตำรวจได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวเถียนกระซิบ

สองสาวมองหน้า “แจ้งตำรวจไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ!”

เป็นเรื่องที่พูดยากแต่ความหมายชัดเจน

ซูเสี่ยวเถียนเคลื่อนไหวทันที ดูเหมือนว่าคนหนุนหลังที่ว่าจะเป็นแค่เรื่องโอ้อวดสินะ!

แต่ไม่รู้ว่ามีเส้นสายอะไรถึงทำให้พวกมันทำตัวกร่างได้ขนาดนี้

“พี่อี้หย่วน เราพาพวกมันตรงไปที่สำนักงานเทศบาลนครเลยไหมคะ? หนูไม่เชื่อหรอกว่าที่นั่นจะไม่มีคนช่วย”

คนรอบข้างตกใจ

เรื่องแค่นี้ปกติจะส่งให้สถานีตำรวจ แต่เด็กคนนั้นจะพาไปสำนักงานเทศบาลนครแทน

เธอรู้ไหมว่าคนธรรมดาเข้าไปในสถานที่แบบนั้นไม่ได้นะ พวกเขาไม่สนใจอะไรแบบนี้หรอก

“ได้สิ มัดแล้วพาไปกัน!”

ทว่าเราไม่มีเชือก แต่ซูเสี่ยวเถียนนึกได้กิ๊บที่ฉืออี้หย่วนซื้อให้วันนี้ทำจากริบบิ้น

เธอจึงหยิบมันออกมาแล้วแกะออก

สั้นไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร เอามาผูกต่อกันไปก่อนแล้วกัน ไว้ไปซื้อมาเพิ่ม

ซูหม่านซิ่วเห็นการกระทำของหลานก็เข้าใจ เธอรีบหาร้านขายแล้วเอาไปให้หลาน

“เอาอันนี้ไป เหมาะกว่าที่หนูจะเอามาใช้นะ!”

เด็กสาวยิ้มขอบคุณ

คนรอบข้างเฝ้ามองแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย

พวกเขาไม่กล้าเลยสักนิด และยังคงรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

แค่แปลกใจที่ซูหม่านซิ่วเข้าไปช่วย

สีหน้าของแต่ละคนเริ่มหลากหลาย

“เอาอันนี้ไป เหมาะกว่าที่หนูจะเอามาใช้นะ!”

เด็กสาวยิ้มขอบคุณ

คนรอบข้างเฝ้ามองแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย

พวกเขาไม่กล้าเลยสักนิด และยังคงรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

แค่แปลกใจที่ซูหม่านซิ่วเข้าไปช่วย

สีหน้าของแต่ละคนเริ่มหลากหลาย

แต่เด็กสองคนนั้นดูเหมือนไม่มีอะไร และจู่ ๆ ก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย

ส่วนผู้หญิงคนนี้ดูอายุเยอะแล้วนะ ทำไมถึงตามเด็กสองคนนี้มาสร้างเรื่องด้วยล่ะ?