บทที่ 1187 เที่ยวตลาดกลางคืน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1187 เที่ยวตลาดกลางคืน

บทที่ 1187 เที่ยวตลาดกลางคืน

ไม่ว่าคุณนายถังจะฉลาดน้อยแค่ไหน ก็ทำได้เพียงยอมแพ้และกลับบ้านเท่านั้น

ถึงจะเป็นแค่แม่บ้าน แต่เธอก็รู้ดีกว่าซูหม่านซิ่วไม่ใช่คนที่ควรหยอกล้อด้วย

แถมพวกฉืออี้หย่วนกำลังจะไปข้างนอกอีก เลยไม่สามารถอยู่ที่บ้านนั้นต่อได้

หลังจากเดินออกมา คุณนายถังเดินสับเท้าจนแทบบินกลับบ้านทีเดียว

ตระกูลถังอยู่ไม่ไกลนัก ไม่นานก็กลับมาถึงแล้ว

ตอนนั้นลูกสาวคุณนายถังกำลังเป่าผมอยู่

สำหรับยุคนี้ไดร์เป่าผมไม่ใช่ของที่ใคร ๆ ก็มีได้ ส่วนใหญ่ใช้ผ้าเช็ดเท่านั้น

ทว่าพ่อของถังหว่านหรูเป็นคนมีอำนาจพอสมควร ตัวเธอก็มีรายได้เหมือนกันย่อมต้องอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

คุณนายถังชักปลั๊กออก

หญิงสาวที่กำลังฮัมเพลงถึงกับชักสีหน้า

เธอเรียนไม่เก่ง ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย หลังจบมัธยมปลายก็ได้เริ่มทำงานทันที

มีพ่อตำแหน่งสูง มีงานทำดี ๆ เป็นเสมียนอยู่ในหน่วยงานรัฐ หน้าที่หลักคือแจกจ่ายหนังสือพิมพ์และอื่น ๆ

ถึงงานจะดีแต่ข้อเสียคือเงินพิเศษไม่เยอะ

หลังจากคุ้นเคยกับชีวิตอันหรูหราในลี่เฉิง หญิงสาวอายุน้อยและหน้าตางดงามได้ตั้งเป้าหมายกับตัวเอง

เธอต้องหาเศรษฐีมาแต่งงานด้วยให้ได้!

การได้แต่งงานกับคนรวยเท่านั้นจะทำให้มีชีวิตดี

ตอนแรกอยากได้นักธุรกิจจากเซียงเจียง แต่คนพวกนี้ส่วนมากอายุเยอะ หรือไม่ก็แต่งงานแล้ว

ถึงฝั่งเซียงเจียงจะตบแต่งภรรยาได้หลายคน แต่เธอไม่อยากเป็นเมียน้อยคนอื่น สุดท้ายจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป

ส่วนพวกคนรวยในท้องถิ่นก็ทำตัวเหมือนกับได้เป็นเศรษฐีครั้งแรก ช่างน่าขยะแขยงจริง ๆ

หลังจากเธอได้พบกับฉืออี้หย่วนโดยบังเอิญ ก่อนจะรู้ว่าอีกฝ่ายได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในระยะเวลาอันสั้น ทั้งยังหาเงินได้หลายล้านหยวน

รวมเข้ากับรูปร่างหน้าตา ถังหว่านหรูรู้เลยว่านี่คือคนที่ส่งมาเพื่อเธอ

น่าเสียดายที่ฝ่ายนั้นเห็นใครก็เอาแต่ปฏิเสธ ต่อให้สบโอกาสเข้าหาเป็นอันต้องล้มเหลวเสียทุกที

“แม่ ให้ฉันไปบ้านเฉินไหม? แม่ว่าฉันควรเอาผลไม้ไปด้วยหรือเปล่า?”

เธอเอ่ยอย่างเป็นกังวล

เราอาศัยอยู่ในระแวกเดียวกัน แม้ตำแหน่งพ่อเธอจะไม่ได้สูงเท่าเฉินจื่ออันจึงนับเป็นลูกน้องเท่านั้น แต่ทั้งสองครอบครัวยังติดต่อกันอยู่บ้าง

“พวกเขากำลังจะออกไปตลาดกลางคืนกัน ถ้าไปตอนนี้ทุกคนน่าจะไม่อยู่แล้วละ” คุณนายถังปรามไว้ก่อน

“งั้นฉันไปด้วยดีกว่าเผื่อจะได้เจอกัน”

“ไม่ต้องหรอก ตลาดใหญ่ขนาดนั้นจะไปเจอกันได้ยังไง?”

ทว่าถังหว่านหรูยืนกรานจะไปให้ได้

ฝั่งบ้านเฉิน หลังรอให้คุณนายถังจากไป ซูหม่านซิ่วมองเด็ก ๆ ด้วยความโกรธ “รู้จักโกหกกันด้วยนะ”

“อาสะใภ้น่าจะเดาจุดประสงค์คุณนายได้นี่ครับ” ฉืออี้หย่วนยิ้มเจื่อน

เป็นที่นิยมชมชอบเกินไปก็ใช่ว่าจะดี

ทุกวันนี้เขาก็รำคาญจะตายอยู่แล้ว

ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนพวกนั้นสนใจอะไร ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงหรือตัวเขาที่บากบั่นทำงานอยู่ทั้งวัน แต่เป็นความก้าวหน้าในอนาคตและผลประโยชน์ต่างหาก

ซูหม่านซิ่วลดเสียง “รีบจัดการความสัมพันธ์กับน้องไว ๆ นะ เสี่ยวหย่วน จะได้มีมาใครมายุ่มย่าม”

ถึงเด็กสาวในลี่เฉิงจะกล้ามาเทียวไล้เทียวขื่อฉืออี้หย่วนมากกว่าเด็กในกรุง แต่คนส่วนใหญ่ก็มีศีลธรรมกัน

ชายหนุ่มขบคิด แต่ตระกูลซูคงไม่เห็นด้วยง่าย ๆ แน่

“เข้าใจแล้วครับ” เขายิ้ม “คืนนี้คงไม่ได้คุยกันแล้วละ งั้นเราพาน้องไปตลาดกลางคืนดีไหมครับ”

“งั้นก็ไปกัน ถ้าคุณนายรู้เข้าว่าไม่ได้ไปจะแย่เอา”

ทุกคนเก็บข้าวของก่อนออกเดินทาง

เศรษฐกิจของตลาดนัดตอนกลางคืนในเมืองหลวงในยุคนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนา ซึ่งแตกต่างจากลี่เฉิงมาก

ที่นี่ไม่ได้ขายแค่ของทั่วไป แต่ยังมีแผงขายอาหาร เช่น บาร์บีคิวและเบียร์

ฉืออี้หย่วนจูงมือซูเสี่ยวเถียนแล้วคอยแนะนำร้านต่าง ๆ

ส่วนซูหม่านซิ่วจับมือลูกชายเดินตามหลัง มองสองคนข้างหน้าด้วยสายตาเอ็นดู

พวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะลงเอยด้วยการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ฉืออี้หย่วนพาน้องไปเดินเที่ยว

ไม่ว่าเธอชอบอะไรก็จะซื้อให้หมด

เลยทำให้ซูเสี่ยวเถียนไม่กล้าพูดอะไรอีก

“พี่อี้หย่วน วันนี้พี่ซื้อสร้อยข้อมือสี่เส้น กิ๊บติดผมสามอัน และสร้อยคอสามเส้นแล้วนะ!”

เมื่อเห็นฉืออี้หย่วนจะซื้อสร้อยข้อมืออีก เธอจึงรีบห้ามเอาไว้

พี่เขาใช้เงินเก่งมากเลย

นอกจากซื้อให้น้องสาวแล้ว แล้วยังซื้อของเล่นให้เฉินซิ่วหย่วนด้วย

แม้แต่ซูหม่านซิ่วยังได้สร้อยข้อมือเส้นงามมาเลย

“เราไปดูเสื้อผ้ากัน”

“พอแล้วค่ะ ซื้ออีกหนูจะแบกกลับบ้านยังไงเนี่ย”

จากนั้นก็รีบว่าต่อ “หนูเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ เราหาร้านบาร์บีคิวกับเครื่องดื่มกินกันดีไหมคะ?”

ทีแรกจะเอาเบียร์ แต่อาใหญ่กับพี่อี้หย่วนคงไม่เห็นด้วยจึงเปลี่ยนใจ

ชายหนุ่มตอบตกลง

เราเจอร้านบาร์บีคิวก่อนสั่งพวกอาหารทะเลมา ฉืออี้หย่วนซื้อเบียร์ให้ตัวเองสองสามขวด ส่วนสามคนที่เหลือเป็นโซดา

“สนุกจังเลยครับ ผมไม่เคยมาเลย!” เฉินซิ่วหย่วนมีความสุขมาก

“ผมได้ยินเพื่อน ๆ พูดกันแต่ไม่เคยมาเองเลย เพื่อนเลยเอาแต่หัวเราะเยาะใส่บอกว่าผมบ้านนอก” เฉินซิ่วหย่วนยิ้มขณะดื่มโซดา

เพราะเฉินจื่ออันยุ่งมาก และซูหม่านซิ่วเห็นว่าลี่เฉิงมีแต่พวกเจ้าถิ่นเลยไม่ได้พาลูกมา

เธอยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่สถานีรถไฟวันนั้นที่หลานสาวและลูกชายเจอพวกค้ามนุษย์น่ะ

ลี่เฉิงได้สามีเธอดูแลอยู่ สภาพสังคมจึงถือว่าดี เมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ แล้วน่ะนะ

เพราะอยู่ใกล้กับเซียงเจียงด้วย เรื่องละเมิดกฎหมายยังคงเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว แม้แต่เรื่องค้ามนุษย์ยังถือเป็นเรื่องปกติ

มีผู้สูญหายเพิ่มขึ้นทุกปี แต่เพื่อความปลอดภัยจึงไม่อยากเอาลูกไปเสี่ยง

แล้ววันนี้ก็มีเสี่ยวเถียนกับอี้หย่วนอยู่ด้วย เลยออกมาเที่ยวได้อย่างปลอดภัย

“วันนี้เราได้ออกมาเดินเที่ยวกันแล้วนะ ไปบอกเพื่อนคนนั้นเลยว่าเธอไม่ใช่คนบ้านนอกอีกแล้ว!” ซูเสี่ยวเถียนยิ้มก่อนลูบหัว

เฉินซิ่วหย่วนจิบโซดาแล้วพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น “พี่อี้หย่วนซื้อของเล่นให้ผมเยอะเลย ผมเอาไปแบ่งกับเพื่อน ๆ ได้ สือโถวให้ปากกาลายซุนหงอคงกับผมมา แล้วก็เลี่ยงจื่อ…”

เวลาอยู่กับคนสนิท เฉินซิ่วหย่วนจะร่าเริงเป็นอย่างมาก พูดไม่หยุดยกเว้นตอนที่กิน

ทั้งสามนั่งฟังอย่างตั้งใจ มีพูดแทรกบ้าง บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างกลมกลืน

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหม่านซิ่วได้เห็นทั้งสองเป็นแบบนี้ ดูจริงจังเหมือนคนแก่ ๆ เลย

พอได้เจอกับเสี่ยวเถียนเหมือนจะปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมามากขึ้น

ทว่าช่วงเวลาแห่งความงดงามเหมือนจะโดนรบกวนเสียแล้ว