บทที่ 1186 คนไร้แวว

บทที่ 1186 คนไร้แวว

คุณนายถังไม่สนใจซูเสี่ยวเถียนเท่าไร แต่พอทราบว่าเป็นหลานสาวของซูหม่านซิ่วจึงเหลือบมองอีกครั้ง

เธอได้ยินเรื่องครอบครัวฝั่งแม่ของอีกฝ่ายมาบ้าง

จึงจำได้ว่าหลานชายหลานสาวเก่งทุกคน พวกเขาเหมือนจะจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงกันแล้วด้วย

โดยเฉพาะหลานสาวที่ว่าเรียนห้องพิเศษอะไรสักอย่าง พอจบมหาวิทยาลัยอายุยังไม่ถึงสิบแปดปีเลย

เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่อยู่มัธยมปลายกันทั้งนั้น

ข่าวนี้เคยแพร่กระจายไปในแวดวงเมืองลี่เฉิงครั้งหนึ่ง และเป็นที่เลื่องลือกันพอสมควร

แสดงว่าเด็กคนนี้คือคนในข่าวนั้นสินะ

หน้าตางดงามมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีลูกชายวัยเดียวกัน

“อาใหญ่คะ ท่านนี้คือ…”

“ท่านนี้คือคุณนายถังจ้ะ”

ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะคุณนายถัง”

“หลานสาวเธอนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งสวยทั้งฉลาด เห็นครั้งแรกฉันยังชอบเลย”

คุณนายถังชมเสร็จก็พุ่งเป้าไปที่ฉืออี้หย่วนต่อ

“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”

ตนเคยนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมเจ้าหนุ่มนี่ถึงตั้งตัวในลี่เฉิงได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงเป็นญาติครอบครัวเฉินจื่ออัน

คงใช่ การทำทุกอย่างด้วยตัวเองในลี่เฉิงโดยไม่มีคนช่วยเป็นสิ่งที่ลำบากมาก

ทีแรกแค่สนใจอยากได้เป็นลูกเขย

พอรู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเฉินจื่ออันยิ่งดีกว่าเดิม

ตระกูลถังอยู่ตำแหน่งเดิมมาสามปีแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าอาจได้เลื่อนขั้น

คิดได้แบบนั้นคุณนายถังก็แย้มยิ้มออกมา

ฉืออี้หย่วนสังเกตมาตั้งแต่แรกแล้ว

ถึงจะไม่รู้จักแต่สายตาของอีกฝ่ายทำเหมือนเขาเป็นโอกาสอย่างไรอย่างนั้น จึงรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ

นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงสีหน้านั่นด้วย ระวังไว้หน่อยดีกว่า

ชายหนุ่มไม่อยากให้คนพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินจื่ออัน เลยเอ่ยก่อนที่ซูหม่านซิ่วจะพูด

“สวัสดีคุณนายถัง ผมชื่อฉืออี้หย่วน เพื่อนร่วมชั้นของคุณหนูซูครับ”

“เพื่อนร่วมชั้นหรือ?” คุณนายถังมองด้วยความสงสัย ทำไมเหมือนไม่ใช่แบบนั้นนะ?

ถ้าเป็นเพื่อนร่วมชั้นจริง ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลซูเสียหน่อย ทำไมถึงเข้ามาในบ้านได้เลยล่ะ?

โดยเฉพาะที่นี่คือบ้านของเฉินจื่ออัน

เฉินจื่ออันเป็นผู้นำ เขามีอิทธิพลต่อทุกสิ่งในลี่เฉิง

แม้ว่านักธุรกิจพวกนั้นจะเก่งกันมาก แต่เวลาได้เจอเฉินจื่ออันยังต้องสุภาพต่อกันเลย

เธอเคยได้ยินเหล่าถังบอกว่าเฉินจื่ออันไม่เคยให้คนสัญจรเข้าบ้านเลย แต่ทำไมหนุ่มนี้ถึงได้เข้ามาล่ะ?

แววตาที่มองกลับไปกลับมาทำให้ฉืออี้หย่วนคาดเดาได้

“ผมเจอคุณหนูซูในงานเลี้ยงเมื่อวานครับ ไม่ได้เจอเพื่อนมาตั้งนานเลยอยากย้อนความหลังครับ!”

ซูหม่านซิ่วแปลกใจที่หลานชายพูดเช่นนั้น แต่เพราะเจ้าตัวเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองจึงไหลตามน้ำไปด้วย

“เสี่ยวเถียนเป็นล่ามให้คณะผู้แทนน่ะค่ะ อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งทีเลยอยากมาหาฉัน แต่ว่าได้พบกับเพื่อนเก่าเลยมาได้มารวมตัวนี่แหละค่ะ!”

คุณนางถังดูผิดหวัง เป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเฉินเลยเรอะ?

“เข้าใจแล้วจ้ะ แต่ดูเหมือนอายุจะห่างกันไปหน่อยนะ!”

“เสี่ยวเถียนเขาเรียนห้องพิเศษมาน่ะค่ะ เลยได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุยังน้อย” ซูหม่านซิ่วเอ่ยอย่างใจเย็น “อายุเลยน้อยกว่าคนอื่น ๆ น่ะค่ะ”

คุณนายถังเชื่อ แม้ไม่รู้ว่าห้องพิเศษคืออะไร แต่ถ้าซูหม่านซิ่วออกปากแสดงว่าจะต้องเป็นเรื่องจริง

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวแพร่ไปแล้วด้วย

ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ ลูกสาวที่บ้านยังอดทนอดกลั้นเรียนมัธยมปลายให้ได้ด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้สอบ ทำไมเด็กตระกูลซูมีแต่คนเก่ง ๆ ขนาดนี้ล่ะ?

“เข้าใจแล้วจ้ะ ว่าไปฉันมีลูกสาวคนหนึ่งอายุมากกว่าคุณหนูซูเขาสองปีเองนะ คงเป็นเพื่อนกันได้”

คุณนายถังยิ้ม ทว่าแววตากลับมองไปที่ฉืออี้หย่วนเสมอ

“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณนาย หนูเกรงว่าครั้งนี้คงไม่มีโอกาสเพราะต้องกลับเมืองหลวงในอีกสองวันน่ะค่ะ”

ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร แต่เธอรู้จักประโยคที่ว่า ‘ทำดีหวังผล’ นะ

แถมดูไม่ใช่พวกใจกว้างอะไรด้วย รู้เลยว่ามีแผนชัด ๆ

คุณนายถังอับอายเล็กน้อย

ยัยเด็กนี่ พูดจาไม่หวานหูเลยนะ

ซูหม่านซิ่วไม่อยากยุ่งกับคนคนนี้เลย แต่ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา จึงทำได้แค่ยกยิ้มเท่านั้น

“แล้ววันนี้มาหามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

เธออยากคุยกับเด็กสองคนนั้นนะ ปกติคุณนายไม่ใช่พวกตาไร้แววนี่นา ทำไมวันนี้ดูเบลอ ๆ เนี่ย

ฝ่ายคุณนายถังเห็นโอกาส จะต้องหาทางให้ลูกสร้างสัมพันธ์กับฉืออี้หย่วนให้ได้

ตั้งแต่ได้พบครั้งแรก ลูกสาวก็เอาแต่คิดถึงเขา

เหล่าถังยังบอกเองเลยว่าเจ้าหนุ่มนี่เก่งจริง และลูกเราจะไม่เสียเปรียบหากได้คู่ครองเช่นนี้

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่อยากมาหาน่ะ

“งั้นก็ดีแล้วค่ะ หนูยังนึกอยู่เลยว่าคุณนายมีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า พอดีอาใหญ่ว่าจะพาหนูออกไปเที่ยวตลาดกลางคืนน่ะค่ะ”

ใบหน้าสาวน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูโล่งใจนิด ๆ

ซูหม่านซิ่วปวดหัวเหลือเกิน เจ้าสองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ

แต่คุณนายถังก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขนาดบอกมีแขกก็ยังมารบกวนกันอยู่ได้

ถ้าไม่ได้ทำตัวฉลาดน้อย เด็กสองคนคงไม่ทำขนาดนี้หรอก

“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเราว่าจะไปกันแล้วด้วย” เธอเลยเอ่ยตามน้ำ “ตลาดกลางคืนที่ลี่เฉิงเป็นตลาดที่ดีมากนะคะ ไม่มีทางเห็นได้ในเมืองหลวงหรอกค่ะ”

คุณนายถังดูผิดหวัง ว่าจะให้ลูกสาวมาด้วยแต่ไม่สำเร็จ

ซึ่งคุณนายเหมือนพวกแมลงสาบตายยาก*[1] เจ้าตัวคิดหาลู่ทางได้ในทันที

“ไม่งั้นให้หว่านหรูไปเที่ยวตลาดเป็นเพื่อนคุณหนูซูสิ สาว ๆ อยู่ด้วยกันมีเรื่องให้คุยเยอะนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณนาย หนูไม่ได้เจออามาสองปีแล้ว มีเรื่องคุยหลายเรื่องเลยค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนปฏิเสธทันที

“ขอโทษด้วยนะคะคุณนายถัง ฉันก็อยากคุยกับหลานเหมือนกัน ไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ” ซูหม่านซิ่วเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพ “วันอื่นพาหว่านหรูมาเที่ยวที่บ้านได้นะคะ”

แต่ถ้าพูดตามตรง นี่มันไม่ต่างกับการไล่เลย!

[1] แมลงสาบตายยาก หมายถึง ไม่ย่อท้อ แข็งแกร่ง