บทที่ 1185 เดินทางมาพร้อมกับคณะผู้แทน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1185 เดินทางมาพร้อมกับคณะผู้แทน

บทที่ 1185 เดินทางมาพร้อมกับคณะผู้แทน

ในฐานะที่ทราบผล ซูเสี่ยวเถียนจึงแสดงความยินดีออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

อย่างไรก็ตามเฉินจื่ออันพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไร

จากข่าวคราวที่ได้รับมา ตนน่าจะได้เลื่อนระดับไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ แต่อะไร ๆ ก็ไม่แน่ไม่นอนหรอก

“แสดงความยินดีตอนนี้ยังเร็วไปนะ อนาคตไม่แน่ไม่นอนหรอก”

เฉินจื่ออันยิ้มเล็กน้อย แม้ไม่ค่อยมั่นใจ แต่สีหน้ายังคงเฉยเมย

อยู่มาครึ่งค่อนชีวิต เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

เฉินจื่ออันคาดหวังมาโดยตลอด ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรตนจะยอมรับมันเอาไว้

ขณะที่คนอื่น ๆ เตรียมกลับ เจ้าของห้องเพิ่งนึกเรื่องอาหารขึ้นได้ เลยรีบหยิบออกมา

ถุงผ้าใบใหญ่ของคุณย่าซูใส่ของไว้เต็มเลย มีซอสมากกว่าสิบกระปุก

“อาใหญ่ อาเขย ย่าเอานี่มาให้ด้วยค่ะ เห็นท่านว่าอาอยากกินอันนี้อยู่”

ซูหม่านซิ่วตกใจมากตอนที่เห็นหลานหยิบออกมา

น้ำหนักต่อโหลประมาณสองจินได้ ไม่ได้แบกกันมาง่าย ๆ นะนั่น

“ทำไมเอามาเยอะขนาดนี้เล่า หนักมากเลยนะ แค่เอามาให้กินแก้อยากก็พอ”

เธอสงสารหลานมาก ขนมาระหว่างทางคงลำบากไม่น้อย

โดยเฉพาะการขนขึ้นเครื่องบินที่ต้องผ่านขั้นตอนเช็กอินอะไรนั่นอีก ยุ่งยากมาก

คงเหนื่อยมาตลอดทางแน่เลย

ซึ่งซูหม่านซิ่วไม่รู้ว่าหลานสาวได้ยัดของพวกนี้ใส่ไว้ในช่องเก็บของหลังจากพ้นสายตาคุณย่าซูไปแล้ว

พกของพวกนี้ขึ้นเครื่องได้ที่ไหนกัน

ย่าไม่รู้ แต่ซูเสี่ยวเถียนรู้ดี

เพราะงั้นทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน จึงดีใจมากที่ตัวเองมีช่องเก็บของของระบบ

จะเอาของมาเท่าไรก็ได้ ส่วนกระเป๋าคือแบกไว้โชว์เฉย ๆ

เด็กสาวส่งขวดที่ห่อผ้าให้ซูหม่านซิ่ว ส่วนที่เหลือก็ให้กับฉืออี้หย่วน

“พี่อี้หย่วน ส่วนนี้เป็นของพี่ค่ะ”

ชายหนุ่มตกใจมาก ไม่นึกว่าจะมีส่วนแบ่งของตัวเองด้วย

“ย่าให้อาใหญ่เขานี่นา ไม่ต้องให้พี่หรอก!” เขารีบปฏิเสธ

แต่อีกฝ่ายก็ยัดใส่มือเสียแล้ว

“ย่าบอกพี่อยู่คนเดียวหากินลำบาก อันนี้ของอร่อยเลยน้า ถ้าไม่อยากทำกับข้าว ก็เอาไว้คลุกข้าวคลุกเส้นไปก็ได้ค่ะ”

คุณย่าซูทำซอสไว้หลายแบบเลย ซอสผัดเนื้อ ซอสผัดพริก ซอสผัดมะเขือเทศ ซอสผัดเห็ด และอีกหลายอย่าง

ไม่ว่าแบบไหนกินกับข้าวล้วนอร่อยทั้งนั้น

ฉืออี้หย่วนยอมรับเอาไว้ในที่สุด

แต่พอนึกภาพน้องต้องแบกหนักมาตลอดทางพลันเสียใจไม่ได้

“รอบหน้าไม่ต้องลำบากแบบนี้แล้วนะ ส่งพัสดุมาก็พอ”

ไม่รู้ว่าคนแบบต้องเจออะไรมาบ้างกว่าจะถึงลี่เฉิงได้

“หนูโชคดีตรงที่มีเพื่อนเขาช่วยถือด้วยค่ะ”

กระเป๋าเธอไม่มีอะไรหนักเลย แค่อุปกรณ์อาบน้ำ และเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน

เพราะงั้นก็เลยถือเอาไว้ตลอดทาง

ฉืออี้หย่วนโล่งใจ

“งั้นก็ดีแล้ว อย่าลืมขอบคุณด้วยนะ” ซูหม่านซิ่วเตือน

อาใหญ่เห็นเราเป็นเด็กหรือเนี่ย

“หนูโตจนทำงานแล้วนะคะ รู้จักขอบคุณคนอื่นเป็นนะ!”

ซูหม่านซิ่วเพิ่งตระหนักได้ว่าเธอคิดมากไปเองสินะ

เสี่ยวเถียนทำงานแล้ว เจ้าตัวย่อมรู้เรื่องการสร้างมนุษยสัมพันธ์แน่นอน เพราะงั้นจะไม่พูดอะไรอีกแล้วกัน

“งั้นเดี๋ยวพวกอาไปก่อนนะ นอนหลับพักผ่อนละ ไว้พรุ่งนี้กลับบ้านมาคุยกันใหม่”

เฉินจื่ออันเห็นเวลาก็กลัวทำให้หลานสาวไม่ได้พักผ่อนเสียทีจึงรีบแยกย้าย

ภาระหน้าที่ครั้งนี้ตึงเครียดพอสมควร เขารู้ดีกว่าหลานต้องกดดันมากแค่ไหน

ซูหม่านซิ่วออกจากโรงแรมด้วยความไม่เต็มใจ

แล้วพวกฉืออี้หย่วนไปด้วย

ตอนยังเด็กนอนด้วยกันมันไม่เท่าไรหรอก แต่นี่โตกันหมดแล้วอยู่ด้วยกันสองต่อสองคงไม่เหมาะสม

ส่วนฉืออี้หย่วนอุตส่าห์ได้เจอคนที่ชอบทั้งทีก็อยากจะคุยด้วยให้มากกว่านี้ ทว่าที่อาพูดก็สมเหตุสมผล น้องเหนื่อยมาทั้งวัน จำเป็นต้องพักผ่อนแต่หัวค่ำ

เห็นหลานชายไม่ค่อยอยากกลับเฉินจื่ออันพลันทนมองไม่ไหว

“ดูสภาพที่ไม่ได้เรื่องของแกสิ!” เฉินจื่ออันผิดหวังมาก

ทว่าชายหนุ่มไม่คิดสนใจว่าผู้ใหญ่จะว่ายังไง เขากำลังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะใช้เวลากับน้องให้มากขึ้นกว่านี้ดีไหม?

“เสี่ยวหย่วน เดี๋ยวอาใหญ่คุยเรื่องนี้กับที่บ้านให้นะ จัดการให้เร็วคงดีที่สุดแล้ว!”

เฉินจื่ออันคัดค้าน “ไม่ได้ เสี่ยวเถียนยังเด็กอยู่!”

“ก็เพราะมันมีแต่คนหมายปองอี้หย่วนไม่ใช่หรือไง?”

ซูหม่านซิ่วห่วงว่าผู้ชายดี ๆ แบบนี้จะโดนหญิงอื่นแย่งชิงไป

ฝ่ายสามีร้องเหอะ “ถ้าแย่งไปได้ก็แสดงว่าตัวผู้ชายมันไม่ใช่คนดีไงล่ะ!”

ฉืออี้หย่วน “…”

หมดคำจะพูด

แต่เห็นด้วยนะ

ทว่าเราเป็นคนเนี่ยสิ ไม่มีทางโดนล่อลวงใจหรอก

“อี้หย่วนกลับกับอาหรือเปล่า?” ซูหม่านซิ่วถาม

ชายหนุ่มส่ายหัว “ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาพร้อมน้องเลยดีกว่า”

เสี่ยวเถียนไม่อยู่ด้วยสักหน่อย จะให้ไปดูลูกอาหรือไง?

ไม่เอาด้วยหรอก!

คล้อยหลังหลานชาย เธอจึงหันไปดุสามีทันที “ทำไมต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับเด็กมันด้วย เป็นญาติกันไม่ใช่หรือไง!”

เฉินจื่ออันร้องเหอะ “เป็นญาติแล้วยังไง ใครใช้ให้มันชอบเสี่ยวเถียนล่ะ? น้องเพิ่งอายุเท่าไรเอง ตัวมันก็คิดเรื่องแบบนี้แล้ว!”

ซูหม่านซิ่วไม่รู้จะตอบยังไงดี

มันเริ่มมาจากอะไรเนี่ย?

เด็กสองคนชอบกันเราเองก็เห็น แล้วทำไมจื่ออันพูดจาอย่างกับอี้หย่วนเป็นพวกหลอกลวงแบบนั้นล่ะ?

“อย่าเสียเวลาต่อเลย รีบกลับกันเถอะ ต้องไปรับซิ่วหย่วนที่บ้านป้าจ้าวแกด้วย” เฉินจื่ออันเร่งเร้า

ฝ่ายซูเสี่ยวเถียน หลังจากแยกกับคนอื่น ๆ แล้วก็อาบน้ำเข้านอนทันที

เธอเหนื่อยจนแทบสลบ แรงอ่านหนังสือยังไม่มี

พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานด้วย อย่าเสียเวลาพักผ่อนเลย

เธอนอนจัดระเบียบตารางงานว่ามีเวลาว่างเท่าไรบ้าง

ไปบ้านอาใหญ่แล้วก็ต้องไปดูโรงงานด้วย

เธอเป็นเจ้านายที่ทำตัวไม่สมกับตำแหน่งสักนิด

ถ้าไปจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องโรงงานตลอดปีครึ่ง

โชคดีที่มีแต่คนดี ถ้าเป็นพวกมีเจตนาแอบแฝงป่านนี้พังย่อยยับแล้ว

ไหน ๆ ก็มาลี่เฉิงแล้วแวะไปดูหน่อยแล้วกัน

รู้ตัวอีกทีเด็กสาวผล็อยหลับไปเสียแล้ว

คืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ

เช้าวันต่อมา เธอตื่นขึ้นด้วยความสดใส

เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยการคุยธุรกิจ ซูเสี่ยวเถียนรับหน้าที่เป็นล่าม แม้จะกินข้าวแล้ว แต่เพราะต้องใช้สมาธิเลยทำให้ไม่ได้กินดี ๆ เท่าไร

ทุกอย่างดำเนินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลังมื้อเย็น งานของเธอถึงเสร็จเรียบร้อย

หลังจากนี้คือเวลาว่าง เด็กสาวจึงรีบเก็บข้าวของแล้วเดินทางไปบ้านอาเขย

แล้วก็นัดกับฉืออี้หย่วนไว้ว่าจะไปด้วยกัน

ทว่าพอไปถึงยังไม่เจอคนพี่เลย

กระนั้นเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

“อาใหญ่ อาเขยไปไหนล่ะ? ไม่เห็นอยู่บ้านเลย”

“คืนนี้ต้องเตรียมการเรื่องงานน่ะ น่าจะกลับช้าหน่อย หนูกินข้าวมาหรือยัง? ให้อาทำอาหารให้เลยไหม?”

สองแม่ลูกกินข้าวกันแล้ว แต่พอเห็นสภาพหลานสาวเธอกลัวว่าหลานจะไม่ค่อยได้กินข้าว

“หนูกินมาแล้วค่ะ แวะซื้อผลไม้มาด้วยนะ เรากินกันเลยไหมคะ?”

“เด็กคนนี้นี่ มาบ้านอาทั้งทีซื้อของฝากมาทำไมเนี่ย”

“หนูเห็นมันสดดีเลยซื้อมาค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อจริง ๆ นะคะ แต่ของขวัญซิ่วหย่วน หนูเอามาให้จากเมืองหลวงโดยเฉพาะเลย”

หลังยื่นถุงผลไม้ให้ เธอก็หยิบกล่องสี่เหลี่ยมออกมาแล้วส่งให้น้องชาย

เฉินซิ่วหย่วนในตอนนี้เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาแล้ว

เขาโตขึ้นมากแต่ยังน่ารักสำหรับซูเสี่ยวเถียนอยู่ดี

เด็กชายชอบพี่สาวคนนี้เหมือนกัน

ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวในบ้าน กอปรกับตำแหน่งของพ่อเลยทำให้ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย

ส่วนใหญ่จะเล่นที่บ้านคนเดียว

พอได้เจอพี่สาวคนนี้จึงดีใจจนแทบกระโดด

ยิ่งได้ยินว่าเธอเอาของขวัญมาให้ ก็ยิ่งตื่นเต้น

“ขอบคุณครับ พี่สาวแสนดีที่หนึ่งเลย!” ปากน้อย ๆ ของเขาน่ารักน่าชังจริง ๆ ทำให้เสี่ยวเถียนอยากจะบีบนัก

แต่เมื่อนึกว่าน้องยังเด็ก จึงละทิ้งความคิดนี้ไป

“ซิ่วหยวนลองดูสิว่าชอบหรือเปล่า? พี่เลือกมาให้โดยเฉพาะนะ ว่ากันว่านำเข้าจากต่างประเทศด้วย”

ของที่ให้คือรถของเล่นไฟฟ้า ซึ่งจะฮิตมากในรุ่นต่อ ๆ ไปน่ะ

เด็กชายเปิดกล่องดู ก็แทบตกหลุมรักในทันที

“สวยจังเลยครับ ผมไม่เคยเห็นเลย!”

เพราะยังเป็นเด็กจึงมีความหลงใหลในรถยนต์และปืนใหญ่เช่นเดียวกับเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ

พอเห็นรถคันนั้นจะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง?

อยากจะเอามันไปเล่นในสนามให้ทุกคนได้ดูของเล่นชิ้นใหม่

ดวงตาคนเป็นแม่กระตุก กล่องใบนั้นมีแต่ของที่เอามาให้บ้านเราใช่ไหมเนี่ย?

“พี่สาว มันเล่นยังไงครับ?”

หลังจากดูมาสักพักเฉินซิ่วหย่วนยังไม่เข้าใจเท่าไร

“เดี๋ยวพี่สอนเองนะ”

อีกหลายสิบปีข้างหน้ารถของเล่นแบบนี้จะเป็นของธรรมดามาก แม้แต่ฝีมือการผลิตยังทำอย่างหยาบ ๆ ด้วย

ทว่าสำหรับคนยุคนี้ มันคือของดีที่หายาก

ระหว่างเรียนรู้วิธีการเล่นนั้น เด็กน้อยก็พึมพำออกมาว่าที่ลี่เฉิงไม่เห็นมีอะไรดี ๆ แบบนี้บ้างเลย ทำเอาซูเสี่ยวเถียนอดรู้สึกผิดไม่ได้

เธอไม่ได้หิ้วมาจากเมืองหลวงหรอก

เธอแลกมาจากระบบร้านค้า

แต่ว่าน้องแค่พูดเฉย ๆ

เห็นเด็กสองคนเล่นด้วยกันซูหม่านซิ่วพลันยกยิ้ม

ตอนนั้นเองที่ฉืออี้หย่วนเดินทางมาถึง

พอเข้ามาก็เห็นฉากสองพี่น้องกำลังวุ่นวายอยู่

เขารู้สึกว่านี่แหละคือซูเสี่ยวเถียนตัวจริง ไม่ใช่ซูเสี่ยวเถียนผู้เป็นล่าม

“เสี่ยวหย่วนมานั่งพักเถอะ อาชงชาสมุนไพรไว้ให้แล้ว ดื่มก่อนสิ”

ชายหนุ่มไม่ชอบชาสมุนไพรเท่าไร แต่เพราะอาหม่านซิ่วแกทำให้จึงไม่คิดปฏิเสธ

หลังจากจิบชาเสร็จ เขาเห็นอีกสองคนกำลังสนุกกันมากจึงอยากเข้าไปแจมด้วย

ซูหม่านซิ่วมองเห็นความไร้เดียงสาของเขาถึงกับยกยิ้มมุมปาก

เธอถักเสื้อไหมพรมระหว่างดูพวกเขา รู้สึกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สงบสุข

แต่น่าเสียดายที่มีคนคิดอยากจะเข้ามารบกวน

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู

ซูหม่านซิ่วมอง ไม่รู้ว่าใครมาหาเอาป่านนี้

เมื่อเดินไปเปิดก็พบว่าอีกฝ่ายคือภรรยารัฐมนตรีถัง

ครอบครัวของเขามีลูกสาวอายุยี่สิบปี ได้ยินว่าชอบฉืออี้หย่วนเหมือนกัน

หรือเห็นว่าฉืออี้หย่วนมาที่บ้านตนหรือเปล่านะ?

“พี่สะใภ้ ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามาหาได้คะเนี่ย?” เธอวางไหมพรมลงแล้วเอ่ยทักทาย

คุณนายถังทำทีเหลือบมองฉืออี้หย่วน

หลังจากกินข้าวเสร็จกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสายตาพลันเหลือบไปเห็นฉืออี้หย่วนพอดี

นึกสงสัยว่าทำไมถึงมาที่บ้านเฉินจื่ออัน

แต่เพื่อความสุขของลูกสาว เลยตามมาดู

ดูจากสีหน้าซูหม่านซิ่วจะไม่เข้าใจได้ยังไง

แต่ถ้าฝ่ายนั้นไม่เอ่ยก่อนเธอจะรีบร้อนไม่ได้เช่นกัน

“แล้วสองคนนี้…” คุณนายถังแสร้งถาม

เธอรู้จักฉืออี้หย่วน แต่เธอไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นมาก่อนเลย

แต่ตนไม่ได้โง่ เข้าใจได้ว่าคนที่ดูสนิทสนมและมาเที่ยวเล่นบ้านเฉินจื่ออันได้จะต้องเป็นญาติของเขาแน่

“เธอเป็นหลานสาวฉันเองค่ะ ชื่อซูเสี่ยวเถียน เดินทางมากับคณะผู้แทนครั้งนี้ค่ะ!” ซูหม่านซิ่วแนะนำด้วยรอยยิ้ม