บทที่ 1184 พี่ชอบเธอ

แต่หลังจากกลับมาที่จีนกลับได้ยินหลานชายบ้านซูบอกว่า จะชอบเสี่ยวเถียนก็ได้นะ แต่ตอนนี้น้องยังเด็กอยู่ อย่าเพิ่งให้คิดเรื่องนี้เลย

ยิ่งซูซื่อเลี่ยงที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาจะแต่งงานได้ก็ต่อเมื่อรอเสี่ยวเถียนอายุยี่สิบสี่ปีเท่านั้น

อันที่จริงตนไม่พอใจเท่าไร

ตัวคนพูดเองก็จะแต่งงานไม่ใช่หรือ ไม่เห็นรอภรรยาอายุยี่สิบเลย

ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพี่ชายภรรยาในภายภาคหน้า สู้ทำตัวสงบเสงี่ยมดีกว่า

ไม่ว่ายังไงเขาก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้น

จิตใตของเด็กสาวหมุนพัน รู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน

พี่อี้หย่วนไม่เคยบอกเลยแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงมาสารภาพล่ะ?

“พี่ชอบเธอมากนะ ชอบมาก ๆ เลย แล้วเธอล่ะ ชอบพี่หรือเปล่า?”

ใบหน้าเธอแดงแจ๋

เธอเองก็ชอบเหมือนกัน แต่พอจะพูดมันกลับหนักปาก

สุดท้ายจึงทำได้แค่พยักหน้า

ฉืออี้หย่วนคว้ามือน้องมาจับ

“หลังจากนี้ไปเธอคือแฟนพี่แล้วนะ ไว้พวกเรากลับเมืองหลวงเมื่อไร ก็หมั้นหมายกันก่อนเป็นไง?”

ซูเสี่ยวเถียน “…”

ทำไมมาถึงขั้นขอหมั้นแล้วล่ะ?

เพิ่งจะสารภาพรักไม่ใช่เรอะ?

เราไม่ต้องมีรักหวานแหววสักหน่อยหรือ?

นี่เลื่อนขั้นมาเป็นคู่หมั้นเลยหรือ?

รู้สึกรับไม่ทันเท่าไร ทำยังไงดี?

“ตอนนี้เธออยู่เมืองหลวง ส่วนพี่อยู่ลี่เฉิง พี่เลยไม่สบายใจเท่าไร กลัวว่าพวกผู้ชายคนอื่น ๆ จะมาหลอกล่อเธอ!”

เขาเชื่อว่าต้องมีคนไล่จีบผู้หญิงที่แสนโดดเด่นคนนี้แน่

คนมักพูดว่า ‘หญิงแกร่งหวาดกลัวการไล่จีบคนที่รัก’ หากมีคนเข้ามาติดพันน้องจะไม่สั่นคลอนเลยหรือ?

“หนูขอไปคิดดีกว่าค่ะ พี่ชายกับปู่อาจไม่เห็นด้วย”

เธอสัมผัสได้ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยแน่ ๆ

ฉืออี้หย่วนเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “ขอแค่เธอเห็นด้วยก็พอแล้ว แต่ถ้าที่บ้านเห็นค้านพี่จะหาทางเอง”

เขาคิดไว้แล้ว คงต้องเข้าหาอาหม่านซิ่วแล้วละ

บางทีท่านอาจเป็นความช่วยเหลือที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้

ทั้งที่เพิ่งยกระดับความสัมพันธ์เสร็จไม่ทันให้ทั้งสองคนได้คุยอะไรต่อ ซูหม่านซิ่วก็เดินเข้ามาทำลายบรรยากาศอันงดงาม

จู่ ๆ ก็มาเฉยเลย ชายหนุ่มจึงรู้สึกเสียใจไม่น้อย

ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้ช่วยที่ดี แต่เหมือนจะทำลายบรรยากาศมากกว่านะ

เขาเพิ่งสารภาพ น้องเพิ่งตอบรับเอง

แต่พูดอะไรไม่ได้

“อาใหญ่ อาเขย มาได้ยังไงคะ?”

“เพิ่งส่งแขกเสร็จแล้วเห็นหลานสองคนนั่งคุยกันก็เลยมาหาเนี่ยสิ”

เฉินจื่ออันว่าพลางมองฉืออี้หย่วนโดยเฉพาะ

เจ้าเด็กนี่มีจุดประสงค์แอบแฝง!

ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตานั้นของอีกฝ่าย

ดูเหมือนมีอีกหนึ่งคนที่ตนต้องพิชิตเหมือนกัน

ช่างเถอะ ลำบากเข้าไว้แล้วจะมีประสบการณ์เอง มีเฉินจื่ออันเพิ่มมาอีกคนก็ไม่ได้มากมายอะไร ค่อย ๆ ตะล่อมแล้วกัน

“ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาให้ถามเลย ว่าแต่ที่บ้านสบายดีไหม?”

ซูหม่านซิ่วไม่ได้กลับบ้านมาสองปีแล้ว คิดถึงพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ทุกคนเลย

“ปู่ย่าสบายดีค่ะ คนอื่น ๆ ก็สบายใจ แล้วก็ย่าฝากซอสมาให้อาใหญ่ด้วยนะ อยู่ห้องหนูค่ะ เราไปหยิบกันก่อนดีไหมคะ?”

พูดคุยที่นี่คงไม่สะดวก เลยเสนอตามตรง

ถ้ามีแค่เธอกับฉืออี้หย่วนก็ไม่เท่าไร แต่อาเขยเป็นผู้นำลี่เฉิง ไม่รู้มีกี่คนที่ตอบเพ่งเล็งอยู่

ซูหม่านซิ่วพยักหน้า

คุยที่นี่ไม่สะดวกจริง ๆ นั่นละ

เด็กสาวลุกขึ้นแล้วจับแขนอาใหญ่พาขึ้นไปชั้นบน เฉินจื่ออันก็ตามมาด้วย

ตอนนั้นเห็นฉืออี้หย่วนลุกขึ้นยืน จึงส่งสายตาเป็นการเตือนแทน

ชายหนุ่มเข้าใจ แต่ไม่คิดยอมแพ้

ล้อกันเล่นแล้ว เพิ่งจะสารภาพรักเองนะ ไม่ทันได้คุยอะไรก็โดนขัดจังหวะเสียอย่างนั้น

ถ้าตามไปดูด้วยไม่ได้ ตนไม่หดหู่ตายเรอะ?

“ไปกันครับอาเขย!”

ชายหนุ่มมองผู้หญิงทั้งสองที่เดินจากไป แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส

“อาเขย? ฉันไม่ใช่อาเขยของแกสักหน่อย ต้องเรียกว่าอา*[1]ต่างหาก!”

เฉินจื่ออันมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่พอใจ

อาขงอาเขยอะไรกัน เด็กนี่กับเสี่ยวเถียนยังไม่ได้ตบแต่งอะไรกันทั้งนั้น!

“อาหรือครับ? รู้ด้วยหรือครับว่าเป็นอาของผม?”

“ไอ้เด็กนี่ พูดจาแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”

“ในเมื่อเป็นอาของผม ไม่อยากหาภรรยาให้ผมไว ๆ เชียวหรือครับ?” ฉืออี้หย่วนว่าตรง ๆ

เฉินจื่ออันพูดไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้แค่พ่นลมออกมาเท่านั้น

สองอาใหญ่หลานสาวไม่ได้สนใจสองคนข้างหลัง ตอนนี้เราเดินมาถึงลิฟต์แล้ว

พอเห็นทั้งสองคนตั้งใจจะทิ้งเราอาหลานชายเอาไว้ เฉินจื่ออันจึงรีบวิ่งเข้าไป

ฉืออี้หย่วนไม่เกรงใจไล่ตามไปด้วย แล้วทั้งสี่ก็เข้ามาอยู่ในตู้โดยสาร

ซูเสี่ยวเถียนอาศัยอยู่ห้องเดี่ยว การพาคนอื่น ๆ เข้าไปในห้องจึงไม่ได้สร้างปัญหาแก่ใคร

หลังจากคุยกันเกือบชั่วโมง ในที่สุดซูหม่านซิ่วก็โล่งใจได้เสียที

ถ้าไม่ติดว่าหลานสาวเหนื่อยมาก คงตั้งใจคุยต่อแล้วละ

“พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ตารางงานไม่แน่นมาก หาเวลาว่างมาที่บ้านไว้นะ เดี๋ยวอาทำอาหารทะเลต้อนรับ”

จากนั้นก็มองฉืออี้หย่วน “เสี่ยวหย่วนมีเวลาก็มาได้นะ เด็กคนนี้นี่บอกให้มาหาบ้างก็มาบ่อย ๆ สิ ไม่ใช่นาน ๆ สองสามเดือนมาที”

ชายหนุ่มยิ้ม “ผมกลัวคนอื่นจะว่าเสีย ๆ หาย ๆ เอาครับ! กลัวจะสร้างปัญหาให้อาเขาน่ะ”

เขาเป็นนักธุรกิจ ส่วนเฉินจื่ออันเป็นผู้นำ มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรหากต้องติดต่อกันบ่อย ๆ เพราะต่อให้เขาลงแรงลงใจทำทุกอย่างด้วยความสามารถตัวเอง คนก็จะหาทางโจมตีเฉินจื่ออันได้อยู่ดี

“ไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก ฉันกำลังจะย้ายเร็ว ๆ นี้แล้ว ต่อให้มาที่บ้านตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร!” จู่ ๆ เฉินจื่ออันก็เอ่ยขึ้น

เรื่องอาโยกย้ายงานไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไร

เพราะเขาดำรงอยู่ตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้ว ตอนนี้ลี่เฉิงวางรากฐานไว้เรียบร้อย จึงถึงเวลาให้เขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

“ยินดีด้วยนะครับอาเขย!”

เฉินจื่ออันอยากจะทุบจริง ๆ

ซูเสี่ยวเถียนดีใจมาก และแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

เฉินจื่ออันในชีวิตครั้งก่อนของเธอไม่ใช่คนทะเยอทะยานอะไร และมันคือตัวเขาหลังจากต่งหยวนจงจากไปน่ะ

ทว่าชีวิตครั้งนี้ต่งหยวนจงชีวิตราบรื่นดี อนาคตของเฉินจื่ออันจึงไร้ขีดจำกัด!

[1] อาเขย เป็นคำที่อี้หย่วนเรียกตามฝั่งภรรยา แต่ฉือเก๋อมีศักดิ์เป็นลุงเขยของเฉินจื่ออัน ฉืออี้หย่วนเลยต้องเรียกว่า ‘อา’