ตอนที่ 1189 ปณิธานที่ยิ่งใหญ่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1189 ปณิธานที่ยิ่งใหญ่

พวกเขารู้ดีว่าหากพวกเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองเคยเป็นชาวบ้านในด่านเย่เฉิงมาก่อน เมื่อเข้าไปในเมืองพวกเขาต้องไม่ได้จวนของตัวเองกลับมาแน่นอน

ทว่า หากไม่ได้เข้าไปในด่านเย่เฉิง พวกเขาคงไม่มีแม้แต่ชีวิต!

ในเมื่อตอนนั้นพวกเขายอมทิ้งบ้านเกิดของตัวเองเพื่อไปจากด่านเย่เฉิง ตอนนี้เพื่อเอาตัวรอดให้ได้พวกเขายิ่งไม่ควรสนใจบ้านเกิดของตัวเอง

เมื่อชาวบ้านในด่านเย่เฉิงที่ไม่ได้ไปจากเมืองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเพื่อนบ้านยอมทำสัญญากู้เงินกับทางการ ไม่คิดเอาบ้านเดิมของตัวเองกลับคืน ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง ชาวบ้านที่ไม่ได้จากไปจึงยิ่งรู้สึกดีมากกว่าเดิม ยิ่งคิดว่าตัวเองเลือกถูกแล้วที่ยอมเป็นชาวบ้านของต้าโจวตั้งแต่แรก

ไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวิ๋นรู้ดีว่าในกลุ่มชาวบ้านเร่ร่อนมีชาวบ้านที่เดิมทีเคยอาศัยอยู่ในด่านเย่เฉิงหลายคนแฝงตัวเข้ามาด้วย ทว่า พวกนางไม่ได้เปิดโปงคนเหล่านั้น

นางต้องการคนจำนวนมาก นางไม่ได้ตั้งใจจะกีดกันชาวบ้านเหล่านั้นตั้งแต่แรก

นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้ชาวบ้านที่คิดมาพึ่งพาต้าโจวรับรู้ว่าต้าโจวไม่มีหน้าที่ยอมรับและดูแลพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข พวกเขาต้องมีสิ่งตอบแทนต้าโจว

สิ่งของที่ได้มาง่ายๆ จะยิ่งไม่มีค่าในสายตาของมนุษย์ มีเพียงกดดันพวกเขา พวกเขาจะได้เปลี่ยนแรงกดดันนั้นเป็นแรงผลักดัน ตั้งใจทำงานเพื่อชดใช้เงินที่ยืมมาจากทางการให้โดยเร็วที่สุดจะได้จ่ายดอกเบี้ยน้อยที่สุด

เมื่อเป็นเช่นนั้นราชสำนักจะได้ไม่ต้องส่งเสบียงมาช่วยบรรเทาทุกข์ชาวบ้านในด่านเย่เฉิงที่ได้รับการยกเว้นภาษีอีก พวกเขาไม่เพียงแต่จะสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ยังสามารถคืนเสบียงให้ราชสำนักได้อีกด้วย

วิธีการของไป๋ชิงเหยียนคงทำให้เสนาบดีกรมการคลังเว่ยปู้จิ้งไม่ต้องมาบ่นว่าเงินในราชสำนักขัดสนกับนางอีก

สายลับของซีเหลียงที่แฝงตัวมากับกลุ่มชาวบ้านเร่ร่อนเห็นไป๋ชิงเจวี๋ยนำทหารไปเสริมที่เมืองเต๋อหยางอีกกลุ่ม จากนั้นได้ยินว่ากองทัพใหญ่ของต้าโจวอีกกลุ่มเดินทางเข้ามาในด่านเย่เฉิงทางประตูทิศเหนือ เมื่อเห็นธงสัญลักษณ์จึงรู้ว่าเป็นกองทัพจ้าวที่ยอมจำนนกับต้าโจวเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ยินว่าแม่ทัพจ้าวเซิ่งนำทหารห้าหมื่นนายเข้ามาในด่านเย่เฉิง สายลับซีเหลียงจึงลอบเดินออกจากกลุ่มชาวบ้านกลับไปรายงานให้กองทัพซีเหลียงทราบสถานการณ์

ไป๋ชิงเหยียนพาหยางอู่เช่อไปต้อนรับจ้าวเซิ่งและกองทัพจ้าวเข้ามาในเมืองด้วยตัวเอง จ้าวเซิ่งร้อนใจนานแล้ว ตอนนั้นจ้าวเซิ่งยอมติดตามไป๋ชิงเหยียนเพราะต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับพาเพียงหยางอู่เช่อมาทำสงครามปราบซีเหลียง ไม่พาเขามาด้วย

ต่อมาเขาได้รับรายงานสถานการณ์รบจากหนานเจียงไม่ขาดสาย ขณะที่เขากำลังร้อนใจจนแทบทนไม่ไหวก็ได้รับจดหมายลับสั่งให้เขาพากองทัพจ้าวเดินทางมายังด่านเย่เฉิงจากไป๋ชิงเหยียน

ตอนนั้นจ้าวเซิ่งคิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะให้เขาไปรวมตัวกับกองทัพไป๋ จากนั้นร่วมทำสงครามยึดด่านเย่เฉิงที่ขึ้นชื่อว่าทำลายยากที่สุดในซีเหลียง

ทว่า เมื่อจ้าวเซิ่งเคลื่อนทัพไปถึงเมืองเวิ่งกลับได้รับรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนนำทัพใหญ่โจมตีด่านเย่เฉิงด้วยตัวเอง อีกทั้งยึดด่านเย่เฉิงได้ในระยะเวลาเพียงสองวันเท่านั้น

ตอนนั้นสมองของจ้าวเซิ่งขาวโพลนไปหมด เขานึกถึงสงครามที่ด่านชิงซีซานในต้าเหลียงขึ้นมาทันที

ความจริงตอนนั้นจ้าวเซิ่งรู้สึกว่าที่ต้าจิ้นยึดด่านชิงซีซานได้เป็นเพราะโชคช่วยมากกว่าความสามารถ ทว่า ด่านเย่เฉิงโจมตียากกว่าด่านชิงซีซานหลายเท่านัก สองฝั่งของด่านเย่เฉิงคือกำแพงซึ่งอยู่บนยอดเขาสูง แต่ไป๋ชิงเหยียนกลับนำทัพไปโจมตีด่านเย่เฉิงแตกภายในเวลาเพียงสองวันเท่านั้น!

จ้าวเซิ่งที่ยังอยู่ในอาการตกตะลึงรู้สึกนับถือไป๋ชิงเหยียนและแม่ทัพทุกคนของกองทัพไป๋มาก ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเสียดายที่เขาเร่งเดินทางไปไม่ทันเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ด้วย

จ้าวเซิ่งทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นมองไปทางหยางอู่เช่อที่ดูกระปรี้กระเปร่าเต็มที่แวบหนึ่งพลางกล่าวขึ้น “ตอนนั้นข้าเป็นคนโน้มน้าวให้เจ้ายอมจำนนกับต้าโจว ยอมติดตามฝ่าบาทรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า สุดท้ายฝ่าบาทกลับพาเจ้ามาโจมตีด่านเย่เฉิง ส่วนข้าไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้ด้วย!”

หยางอู่เช่อเห็นสีหน้าของจ้าวเซิ่งก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ เขากำดาบที่เอวของตัวเองพลางหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น จากนั้นเอื้อมมือตบไปที่อกของจ้าวเซิ่งหนึ่งครั้ง “ดูท่าทีไม่พอใจราวกับสตรีของเจ้าสิ! ฝ่าบาทตรัสแล้วว่าจะไม่ร่วมทำสงครามต่อจากนี้ จะให้เจ้าเป็นคนทำสงคราม! ข้าต้องดูแลด่านเย่เฉิงแทนฝ่าบาท ต่อจากนี้เจ้าจะได้เป็นคนทำสงครามที่เหลือทั้งหมด เจ้าพอใจแล้วหรือไม่!”

“สงครามใดก็สู้สงครามที่ด่านเย่เฉิงไม่ได้!” จ้าวเซิ่งมองทางกำแพงบนยอดเขาสูงทั้งสองฝั่งของด่านเย่เฉิง จากนั้นถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “น่าเสียดายที่ข้ามาไม่ทัน!”

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นกล่าวเสียงเบา “หากไม่ได้ต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ความจริงข้าก็ไม่ได้อยากทำสงคราม แม่ทัพยกทัพไปรบเพียงชั่วข้ามคืน ชาวบ้านกลับเดือนร้อนไปหลายสิบปี!”

หากผู้อื่นกล่าวประโยคนี้จ้าวเซิ่งคงไม่เชื่อ ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนเป็นคนกล่าว…จ้าวเซิ่งเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขา

ตอนที่เขาอยู่ในเมืองหลวงเขาได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนเคยถูกบัณฑิตจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนวิจารณ์ ท่านอาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเซียนเซิงของไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าเขาเคยถามความรู้สึกของหญิงสาวหลังจากนางกลับมาจากสนามรบครั้งแรก

ไป๋ชิงเหยียนตอบว่าซากศพกองเป็นภูเขา เลือดนองเต็มแผ่นดินจนชะล้างไม่หมด ที่นาแห้งแล้งและถูกทำลาย ไม่มีแม้แต่นกแร้งที่มักบินมากินซากศพ

นั่นคือสภาพน่าสังเวชที่คนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองไม่มีวันได้เห็น

ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนยินดีทำอย่างสุดความสามารถเพื่อคืนใต้หล้าที่มีแต่ความสงบสุขให้ชาวบ้านทุกคน

ได้ยินว่าตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนอายุเพียงสิบสามปี ทว่า นางกลับมีใจเมตตา มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่จนแม้แต่ผู้เป็นอาจารย์ของนางยังเทียบไม่ได้

จ้าวเซิ่งเชื่อว่าจักรพรรดิที่กล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้คือจักรพรรดิที่รักและห่วงใยชาวบ้านอย่างแท้จริง นางอยากมอบแผ่นดินที่มีแต่สันติสุขให้ชาวบ้านจริงๆ !

จ้าวเซิ่งกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมกล่าวผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเข้าใจพระประสงค์ของฝ่าบาท! หากไม่จำเป็นจริงๆ ฝ่าบาทไม่ต้องการทำสงคราม ต่อจากนี้จ้าวเซิ่งจะรีบทำสงครามให้จบโดยเร็วที่สุด ให้ชาวบ้านเดือดร้อนน้อยที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ไป๋ชิงเหยียนขอขอบคุณแม่ทัพจ้าวแทนชาวบ้านทุกคนด้วย” ไป๋ชิงเหยียนโค้งกายให้จ้าวเซิ่งยิ้มๆ

จ้าวเซิ่งรีบเบี่ยงกายหลบการคำนับจากไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวต่อ “ฝ่าบาท ครั้งนี้ไช่เซียนเซิงเดินทางมากับกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ไช่เซียนเซิงแยกจากกองทัพกระหม่อมตอนที่พวกเราเดินทางถึงหุบเขาเวิ่ง เขาบอกว่าจะมุ่งหน้าไปยังอำเภอเฟิงเพื่อสำรวจการปกครองระบอบใหม่ที่นั่น อีกสองวันจะมารายงานให้ฝ่าบาททราบพ่ะยะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดว่าไช่จื่อหยวนจะเดินทางมาด้วย “ไช่เซียนเซิงไม่ได้อยู่ช่วยฉินหล่างที่เมืองหานอย่างนั้นหรือ”

“การผลักดันระบอบการปกครองใหม่ในเมืองหานเป็นไปอย่างราบรื่น ตอนที่กระหม่อมยังอยู่ในเมืองหาน น้องเขยของฝ่าบาทจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไช่เซียนเซิงบอกว่าน้องเขยของฝ่าบาทกังวลว่าฝู่กั๋วจวินและฝ่าบาทจะมีคนใช้งานไม่เพียงพอ อีกทั้งกลัวว่าหากเกาอี้จวินไม่มีไช่เซียนเซิงคอยแนะนำจะยิ่งทำให้ฝ่าบาทและฝู่กั๋วจวินเป็นกังวล เขาจึงตัดสินใจให้ไช่เซียนเซิงเดินทางมาที่หนานเจียงโดยพละการพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเซิ่งกล่าวพลางเดินลงจากกำแพงเมืองพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน “ไช่เซียนเซิงไม่อยากพลาดสงครามทำลายซีเหลียงในครั้งนี้เช่นเดียวกับกระหม่อม เขาจึงทูลขออนุญาตจากไทเฮาและเดินทางมาที่นี่พร้อมกับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางรู้สึกว่าความจริงแล้วไช่จื่อหยวนเป็นคนมีปณิธานยิ่งใหญ่

“ความจริงไม่เพียงแค่กระหม่อมกับไช่เซียนเซิงเท่านั้น ตอนกระหม่อมออกเดินทางแม่ทัพคนอื่นต่างอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว ผู้ใดไม่อยากมีส่วนร่วมในสงครามทำลายล้างซีเหลียงบ้างพ่ะย่ะค่ะ!”