บทที่ 1190 กัดตอบ

บทที่ 1190 กัดตอบ

เมื่อเห็นทั้งสองจากไป ถังหว่านหรูจึงทำได้แต่โมโห

ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าซูหม่านซิ่ว เธอจึงทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าซูเสี่ยวเถียนคือหลานสาวของอีกฝ่าย

พูดจาไม่ดีถึงหลานเขาได้โดนไม่ชอบใจแน่

ซูหม่านซิ่วรู้จักถังหว่านหรูแต่ไม่สนิทชิดเชื้อ จึงไม่คิดเสียเวลาแล้วพาลูกกลับบ้าน

ถังหว่านหรูเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ

“คุณน้า กลับกันเถอะค่ะ!”

ซูหม่านซิ่วไม่ได้คัดค้านอะไร

“งั้นก็กลับกันเถอะ!”

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉืออี้หย่วนรีบไปที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานต้องได้รับบทสรุป ต่อให้คนที่โดนทำอันตรายไม่ใช่เรา แต่เมื่อความอยุติธรรมเกิดขึ้นแล้วย่อมต้องออกมาเรียกร้อง

แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องประหลาดใจคือยามเดินไปถึงประตูสถานีกลับเห็นคนที่เราจับไว้เมื่อวานยืนอยู่ตรงนั้น

เมื่ออีกฝ่ายเห็นฉืออี้หย่วน ก็หักนิ้วดังกรอบแกรบ

เขารู้สึกสงสัย จากนั้นเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว

เขาไม่คุ้นหน้า ยังแปลกใจว่าฝ่ายนั้นจำผิดคนหรือเปล่า

แต่เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งร้ายที่แสดงออกมา เขารู้ได้ทันทีเลยว่าคือเจ้าพวกเมื่อคืนนี้แหละ

เพิ่งจะผ่านไปแค่คืนเดียวเอง ยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวันด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงปล่อยตัวออกมาแล้ว?

“ไอ้หนุ่ม แกรอรับผลที่ทำให้พวกเราขุ่นเคืองได้เลย”

ฉืออี้หย่วนทำเมิน ก่อนเดินเข้าไปในสถานี

เรื่องบางเรื่องต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตา

ชายหนุ่มเห็นตำรวจสองนายที่พบเมื่อคืน

อีกฝ่ายดูอึดอัดใจตอนที่เห็นเขา เพราะทั้งสองคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่มา

“สวัสดีครับ เมื่อคืนผมมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท วันนี้เลยมาเพื่อลงบันทึกประจำวันครับ”

ฉืออี้หย่วนจ้องมองอีกฝ่าย

สีหน้าพวกเขาดูอึดอัดยิ่งกว่าเดิม

“เมื่อครู่ผมเห็นคนพวกนั้นอยู่ที่หน้าประตูด้วยครับ”

ดูท่าว่าคงไม่ง่ายอย่างที่คิด

แต่ชายหนุ่มก็ยังถามออกไปโดยไม่คิดลังเล

ตำรวจคนที่ตัวเตี้ยกว่าลดเสียงลง “สหาย วันนี้คุณไม่ควรมาเลย!”

“ทำไมล่ะครับ?”

“ฝ่ายนั้นต้องการแจ้งความเรื่องที่คุณหาเรื่องทุบตีคนอื่นโดยไร้เหตุผลน่ะสิ!”

สีหน้าตำรวจดูไม่ได้เลย

พวกเขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะลงเอยเช่นนี้ ก่อนหน้านี้คิดแค่ว่าถ้ามันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป แต่ฝ่ายนั้นดันกัดฟันตอบเสียอย่างนั้น

ฉืออี้หย่วนกล่าว “เมื่อคืนมีพยานหลายคนครับ ใครก่อเหตุและลงมือโดยไร้เหตุผลก่อน เดี๋ยวก็รู้หลังจากสอบสวนครับ”

ตำรวจยิ่งอึดอัดใจ

ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดี

ขณะนั้นเองที่คนกลุ่มนั้นตามเข้ามา

“คนนี้แหละที่ลงมือใส่พวกเราโดยไม่มีเหตุผล เราอยากแจ้งความและต้องการให้คุณจับกุมเขาซะ”

หนึ่งในนั้นชี้ไปยังฉืออี้หย่วน

เจ้านี่คือหัวโจกของกลุ่มสินะ

“แล้วก็มีผู้หญิงอีกคนที่ต้องจับเอาไว้ด้วย” มีอีกคนรีบพูดขึ้น

แค่นึกถึงใบหน้าอันงดงามไม่มีใครเทียบเทียมได้ ชายคนนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

เป็นความงามที่หาชมได้ยากยิ่ง

เมื่อเห็นท่าทางน่าสมเพชแล้วอยากจะเข้าไปต่อยมันอีกสักสองหมัด

ทว่าที่นี่คือสถานีตำรวจ เขาจึงทำแบบนั้นไม่ได้

ฝ่ายตำรวจเองยังทนพฤติกรรมไร้ยางอายไม่ไหว สุดท้ายก็ทำได้แค่นิ่งเงียบ

“ใช่แล้ว พวกเราอยากแจ้งความด้วย คุณตำรวจจะทนมองคนดี ๆ แบบเราโดนเอารัดเอาเปรียบไม่ได้นะ”

คนอื่น ๆ เห็นตำรวจไม่พูดอะไรก็ยิ่งได้ใจ

ฉืออี้หย่วนไม่เคยเจออะไรแบบนี้ไม่ก่อนเลย ตอนพูดไม่อายบ้างหรือ?

ส่วนตำรวจดูทำตัวไม่ถูกมากกว่า เลยไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกมา การกระทำเช่นนี้จึงยิ่งทำให้ฉืออี้หย่วนสงสัยในตัวตนของพวกเขา

ตอนนี้มาลองคิดดู เมื่อวานสองคนนี้มาช่วยเราจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น

แล้วจะเปลี่ยนฝั่งไปอยู่ข้างพวกนั้นได้เชียวหรือ?

ฝ่ายตำรวจดูจะหมดความอดทน

“เหยาอู่ พอเถอะ สถานการณ์เป็นยังไงตัวคุณก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง?” ตำรวจตัวสูงเอ่ย

เหยาอู่คิดจะใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่นไม่ใช่หรือไง?

เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

ฟังจากน้ำเสียงแล้วตำรวจเองก็ดูไม่พอใจเช่นกัน

“ได้รับการประกันตัวแล้วก็รีบกลับบ้านไปเถอะ จะย้อนกลับมาอีกทำไม?” ตำรวจตัวเตี้ยเอ่ย

นับวันคนกลุ่มนี้ยิ่งทำตัวไร้ยางอายมากขึ้นทุกที ก่อปัญหาไม่รู้จักจบสิ้น แล้วนี่ยังหาโอกาสไปสู้เขากลับอีก

คิดว่าสถานีตำรวจเป็นของครอบครัวตัวเองหรือไง?

ทว่าอีกฝ่ายดูไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตำรวจบอกเลย

พอมีเหยาอู่อยู่ด้วย พวกเขาไม่กลัวเลยว่าเราทำอะไรได้บ้าง

ชายนามเหยาอู่โมโหทันควัน

“พูดจาแบบนี้แสดงว่าไม่อยากได้งานแล้วสินะ? เชื่อไหมล่ะว่าแค่ฉันเอาไปบอกพี่เขย แกจะต้องระเห็จไปอยู่สถานที่ห่างไกลแน่นอน!”

สองตำรวจสีหน้าเปลี่ยนทันที

เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

เราอยากเป็นตำรวจที่ดี แต่สถานการณ์กลับไม่เอื้อเลย

“ใช่ ถ้าพวกแกไม่อยากทำก็รีบบอกมา พี่เหยาอู่จะช่วยเอง!”

คนข้างหลังเอ่ย

ฉืออี้หย่วนได้ยินเรื่องราวแล้ว

แสดงว่าคนชื่อเหยาอู่มีเส้นสายสินะ

แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร

“คุณ…” ตำรวจตัวเตี้ยโมโหขึ้นมา

หลายครั้งหลายหนที่ก่อปัญหาแล้วได้ประกันตัวออกมันทำให้เรายอมรับไปในที่สุด

แต่ครั้งนี้ชักจะมากเกินไปแล้ว

นี่คิดจะจับผู้ผดุงความยุติธรรมด้วยซ้ำ ใครที่ไหนให้ความมั่นใจมันมาเนี่ย?

ตำรวจตัวสูงกลัวทุกอย่างร้ายแรงจึงคว้าเพื่อนเอาไว้

“เราอย่าไปกระตุกหนวดเสือเลยนะ อดทนไว้!” เขากระซิบ

เราทำได้แค่ก้มหัว เพราะเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยเท่านั้น

เพราะพี่สาวเหยาอู่ให้กำเนิดลูกชายกับรองผู้อำนวยการได้น่ะสิ

ถึงยังไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่เพราะรองฯ เตรียมตัวจะหย่ากับภรรยาคนแรกเพราะมีลูกชายให้ไม่ได้อยู่น่ะ

เพราะแบบนั้นเหยาอู่จึงทำตัวโอหังมากขึ้นเรื่อย ๆ!

สุดท้ายตำรวจตัวเตี้ยก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

“เราประนีประนอมแทนดีกว่าครับ!”

ตำรวจตัวสูงไม่อยากให้พวกเหยาอู่ทำสำเร็จ

แต่ใจไม่กล้าพอจัดการพวกเขา

ฉืออี้หย่วนผิดหวังมาก

สังคมวุ่นวายขนาดนี้เลยหรือ?

อารู้เรื่องไหมไม่รู้ แต่ถ้ารู้จะโกรธไหมเนี่ย

“ประนีประนอมหรือ? เราเป็นฝ่ายไม่ได้รับความยุติธรรมนะ ทำไมต้องประนีประนอม?”

เหยาอู่ไม่คิดอดทน

สองตำรวจมองฉืออี้หย่วนด้วยสีหน้าลำบาก กลัวว่าทุกอย่างจะไม่ผ่านไปได้ด้วยดีและกลัวเจ้าหนุ่มคนนี้เสียเปรียบ

เราเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน

“ขอโทษทีนะพ่อหนุ่ม” ตำรวจตัวสูงว่า

เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายต้องทุกข์ทน

แม้วันนี้เราจะปล่อยเขาไปได้ แต่คนอย่างเหยาอู่จะต้องตามจองล้างจองผลาญจับมาเข้าคุกให้ได้อยู่ดี

วีรบุรุษยอมถอยเพื่อที่จะได้ไม่เสียเปรียบ หากขอโทษจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหมนะ?

“นี่คือความยุติธรรมของพวกคุณหรือ? นี่คือวิธีการรับใช้ประชาชนใช่ไหม?” ฉืออี้หย่วนเอ่ยเสียงเย็น “ความจริงคืออะไรพวกคุณน่าจะรู้ดีนะ?”

ตำรวจทั้งสองรู้ดี แต่ปัญหาคือฝ่ายนู้นมันไม่ยอมหยุด

แล้วถ้าเราปกป้องฉืออี้หย่วน ความยุติธรรมที่มีมันไม่มีอำนาจพอจะสู้กลับได้!

“ความจริง?” เหยาอู่ระเบิด

“ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ความจริงก็คือ แกทำร้ายเด็กสองคนนั้น ส่วนพวกเราคนดีที่เข้าไปช่วยเหลือ ผลคือโดนแกทำร้ายยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันยังเจ็บอยู่เลยนะ!”

ฉืออี้หย่วนตกใจมาก

แต่ด้วยความที่เป็นคนฉลาดจึงเข้าใจได้ในทันที

ที่ตำรวจทั้งสองดูลำบากใจคงเพราะรู้แล้วว่า เจ้าพวกนี้มันเจอผู้หญิงที่เป็นเหยื่อสองคนนั้นแล้ว แถมเหยื่อยังยินยอมให้การเท็จอีก

คงลืมไปแล้วสิว่าคนเห็นเหตุการณ์เยอะแค่ไหน ถึงส่วนใหญ่จะไม่ได้เข้ามาช่วย แต่อย่างน้อยก็ต้องมีคนอยู่ฝั่งความยุติธรรมบ้างสิ

ถ้าแบบนั้นพอถึงเวลาสอบสวนจริง ๆ คงไม่ลำบากเกินไป

ฉืออี้หย่วนไม่อยากสู้ แล้วก็ไม่อยากเสียเปรียบด้วย

เขาจึงตัดสินใจทันที

“ผมขอยืมโทรศัพท์ได้ไหมครับ”

ฝ่ายตำรวจดูแปลกใจ ในขณะที่พวกเหยาอู่คัดค้านทันที

แต่เจ้าหน้าที่คิดว่าชายหนุ่มคงมีคนให้ช่วยเหลือได้ เลยตอบตกลง

“อยู่ในสำนักงานน่ะ เดี๋ยวผมพาคุณไปแล้วกัน” ตำรวจตัวเตี้ยพาฉืออี้หย่วนไป

เราเดือดเรือนมามากพอแล้ว จะปล่อยให้พวกมันได้ใจต่อไปไม่ได้!

“เชื่อไหมล่ะว่าพรุ่งนี้พวกแกโดนเฉดหัวแน่!” เหยาอู่ยังคงวางท่า

แต่ตำรวจตัวสูงไม่สนใจ

ฉืออี้หย่วนโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย

เหยาอู่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ไม่พอใจ

“ฉันจะโทรเหมือนกัน จะโทรหาพี่เขย!”

สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายทำ ไม่อย่างนั้นเราจะซวยเอา

ตำรวจตัวเตี้ยกระซิบ “พี่หวัง ผมว่าหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ ดูจากหมายเลขน่าจะมาเขตที่พักอาศัยบริเวณนั้นนะ!”

มันเป็นเบอร์ที่แปลกมาก แต่เขาจำรหัสของมันได้

ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!

ตำรวจตัวสูงโล่งใจ

เขาเป็นกังวลมาก ว่าเหยาอู่จะทำให้หนุ่มนี่เสียเปรียบ

ในไม่ช้าเหยาอู่ก็ออกมาจากสำนักงาน

เขาไม่รู้หรอกว่าฉืออี้หย่วนคุยกับใคร แต่หลังจากตนโดนด่าจึงได้รับความมั่นใจกลับมา

“แกตายแน่ไอ้หนู พี่เขยฉันบอกว่าคนแบบแกต้องได้รับบทเรียน!”

ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ ฉืออี้หย่วนคงหัวเราะใส่หน้าอีกฝ่ายไปแล้ว

อยากจะรู้ว่าเหยาอู่และพี่เขยเขาจะซวยขนาดไหนกัน

ไม่รู้ว่าเสียใจบ้างไหมที่ต้องแต่งงานกับพี่สาวของไอ้คนแบบนี้

“เราเข้าห้องกลางไปบันทึกข้อมูลเถอะ!” ตำรวจทั้งสองมองหน้ากันก่อนเตรียมการ

ดูจากท่าทางผลสรุปของเรื่องราวคงเสร็จในเร็ว ๆ นี้แน่ ไม่รู้สายของใครจะมีประโยชน์มากกว่ากัน

แน่นอนว่าสถานการณ์ในตอนนี้พวกเราสองคนเป็นเพียงฉากเท่านั้น

ฉืออี้หย่วนขบคิดก่อนตอบตกลง

คงใช้เวลานานแน่ เราเข้าไปนั่งในห้องรอผลแล้วกัน

แม้เหยาอู่ไม่เต็มใจแต่ก็ทำได้แค่ตอบตกลง

พฤติกรรมของแต่ละคนแตกต่างกันมาก

ฉืออี้หย่วนนั่งเงียบ ๆ

ส่วนคนอื่นเอาแต่โหวกแหวกโวยวายอย่างกับแกนนำการประท้วง

พวกเขาไม่พอใจที่ตำรวจไม่รินน้ำให้ดื่ม ทั้งยังไม่ชอบรสชาติอันจืดชืดไร้ใบชา

ผ่านไปพักหนึ่งก็บอกว่าไม่มีผลไม้ให้กิน

ชาวบ้านที่ไม่รู้มาเห็นก็คิดว่ามาคุยเล่นกันเสียอีก

ส่วนสองตำรวจไม่พูดไม่จา โชคดีที่ตอนนั้นมีคนรีบร้อนมาที่สถานี!