บทที่ 1191 รองอธิบดีลู่

บทที่ 1191 รองอธิบดีลู่

สองตำรวจเดินออกมาถึงส่วนลานก่อนจะเห็นตำรวจวัยกลางคนที่ไม่รู้จักเดินมา

เขาสูงเฉลี่ยหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร หน้าตาจริงจัง สีหน้าเย็นชาทำให้คนเห็นรู้สึกกดดัน

เพราะเดินทางมาอย่างกระวนกระวายใจเลยทำให้เห็นเม็ดเหงื่อเกาะบนหน้าผาก

แม้แต่เส้นผมสั้น ๆ ยังชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เขายืนอยู่ตรงนั้น หันไปทางดวงอาทิตย์นิ่งอย่างกับก้อนหิน

เราไม่รู้จักแต่ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าเป็นคนตำแหน่งสูง

แตกต่างไปจากตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างเราแน่ ๆ

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าท่านคือ…” ตำรวจตัวสูงเอ่ยถามด้วยความเคารพ

“หัวหน้าพวกคุณอยู่ไหน?” เขาไม่ตอบแต่มองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“อยู่ในสำนักงานครับ”

หลังจากทั้งสองมองหน้ากัน เป็นตำรวจตัวสูงที่ตอบ

โชคดีที่หัวหน้าอยู่

“เรียกเขาออกมาพบฉัน!” เสียงของเขาดังขึ้น

ตำรวจตัวเตี้ยไม่รีรอวิ่งเข้าไปเรียกทันที

ส่วนตำรวจตัวสูงรับหน้า ทว่าอีกฝ่ายไม่พูดไม่จาไม่อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

“คุณชื่ออะไร?”

ตำรวจร่างสูงรีบตอบ “ผมชื่อไช่ฉี่เหวินครับ”

“เมื่อวานพวกคุณมีคดีใช่ไหม? แล้วก็ปล่อยตัวผู้กระทำผิดไปเมื่อคืน?”

อีกฝ่ายไม่รอให้หัวหน้าออกมา แล้วเอ่ยถามทันที

ไช่ฉี่เหวินตอบด้วยความเคารพ “ครับ ทั้งสองฝ่ายยืนกรานในข้อมูลของตนเอง เลยตัดสินยากครับ”

ไช่ฉี่เหวินไม่สบายใจเท่าไร แต่ตำรวจชั้นผู้น้อยแบบเขาจะไปทำอะไรได้?

ต่อให้เป็นหัวหน้าก็คงทำอะไรไม่ได้

ใครใช้ให้เหยาอู่มีเส้นสายกันล่ะ?

ไม่รู้คนตรงหน้าจะช่วยเราได้หรือเปล่า

ตัวเขาเป็นตำรวจชั้นล่างสุดก็จริง แต่พอบอกตำแหน่งของอีกฝ่ายได้

ก็นะ บางครั้งมีแค่คนทำงานด้านนั้นที่จะรู้น่ะ ต่อให้เห็นว่ายศสูงใช่ว่าจะเป็นข้าราชการยิ่งใหญ่เสียหน่อย!

ชายวัยกลางคนร้องเหอะ “ไม่ต้องมาคุยเรื่องนี้กับฉันหรอก หากทำการสอบสวนอย่างละเอียดแล้วจะไม่รู้ความจริงเลยหรือไง?”

จากนั้นก็ว่าต่อ “แล้วถ้ายังไม่รู้เรื่องราวแห่งความเป็นจริงอีก เตรียมกลับบ้านไปเลี้ยงลูกได้เลย!”

ไช่ฉี่เหวินถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก หมายความว่ายังไง?

มันเป็นไปได้ด้วยหรือ?

เขาสอบเข้าโรงเรียนทหาร อุตส่าห์หางานมาทำได้ทั้งทีจะต้องเสียมันไปแบบนี้หรือ

เหยียนเหอผิงหัวหน้าสถานีเดินออกมาได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี

เขาเกือบเซล้ม

กลับบ้านไปเลี้ยงลูกหรือ? คงไม่ได้หมายถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่รวมถึงเขาด้วยใช่ไหม?

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าท่าน…”

เหยียนเหอผิงไม่ได้ถามต่อเพราะจำอีกฝ่ายได้

เพราะอีกฝ่ายคือรองอธิบดีจากสำนักงานเทศบาลนคร หรือที่รู้จักกันว่าลู่หงฟางหน้าทะมึน

เขาเคยพบกับอีกฝ่ายมาก่อนระหว่างการประชุม ฟังจากเวลาที่เขาพูดแล้วรู้เลยว่าเป็นคนที่เก่งและเด็ดเดี่ยว

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนที่ไม่ยอมก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง พอเห็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ จะต้องออกมาจัดการแน่นอนไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ตาม

แล้วทำไมระดับสมเด็จสังฆราชถึงมาเยี่ยมเยือนวัดเล็ก ๆ แบบนี้ได้ล่ะ?

“สวัสดีครับรองอธิบดีลู่ ทำไมจู่ ๆ ถึงมาที่สถานีเล็ก ๆ เช่นนี้ด้วยล่ะครับ? วันนี้มาสำรวจหรือมาเยี่ยมเยือนครับ?”

เหยียนเหอผิงถามสั่น ๆ

ลู่หงฟางยิ้มเย็น “สถานีของคุณนี่ก็เก่งเนอะ เบื้องบนให้ความสนใจได้ฉันจะไม่มาดูได้ยังไง?”

เหยียนเหอผิงไม่รู้ว่าลู่หงฟางหมายถึงอะไร

เขามองลูกน้องด้วยสีหน้าสับสน ซึ่งลูกน้องก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่

“รองอธิบดีลู่ครับ แล้วที่ท่านพูดไว้ก่อนหน้านี้?”

ไช่ฉี่เหวินนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้าเลยเอ่ยถาม

ก่อนจะเบาเสียงลงแล้วบอกเหยียนเหอผิง “หัวหน้าเหยียน รองอธิบดีลู่เพิ่งถามพวกเราครับว่าทำไมถึงคนที่จับกุมมาถึงปล่อยไปตัวไปเมื่อคืนครับ!”

เหยียนเหอผิงได้ยินก็ยิ่งเครียด

ที่จริงเขาก็ไม่อยากทำหรอก แต่เพราะเหยาอู่มีคนหนุนหลัง หากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการพี่สาวเจ้านั่นคงเอาไปกรอกหูสามีแน่นอน เราก็ลำบากเอาน่ะสิ

เพื่อให้อยู่สุขสบาย ในสถานีนี้จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเหยาอู่เลย

แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ต้องรีบไปช่วย

เพราะงั้นสองปีมานี้จึงลำบากมาไม่น้อยเลย

แต่ไม่ได้บอกรองอธิบดีลู่

ใครจะไปรู้ล่ะ พวกเขาอาจจะเกี่ยวข้องกันก็ได้

ขณะนั้นเองที่พวกเหยาอู่เดินออกมา

เขาหัวเราะทันทีตอนเห็นลู่หงฟาง

“พี่เขยส่งแกมาช่วยฉันใช่ไหม? ก็รู้อยู่แล้วว่าพึ่งพาได้ ไอ้หนุ่ม มีอะไรจะพูดไหม?”

เหยาอู่ไม่ได้มองหน้าลู่หงฟางด้วยซ้ำ เขาเอ่ยด้วยท่าทีโอหัง

คนอื่นได้ยินก็คิดไปโดยปริยายว่าเหยาอู่รู้จักคนผู้นี้

ถึงลู่หงฟางจะรีบเดินทางมา แต่ไม่ได้มาตัวคนเดียว ยังมีตำรวจหนุ่มแข็งแรงอีกสี่นายยืนอยู่ด้วย

เขาส่งเสียงเย็น “จับพวกนี้ไปให้หมด!”

เพราะมาพร้อมกับลู่หงฟาง แน่นอนว่าต้องเชื่อฟังคำสั่งอยู่แล้ว

หลังจากนั้นก็ไม่พูดไม่จาแล้วจับกุมทันที

ความภาคภูมิใจของเหยาอู่พลันหดหาย

ทีแรกคิดว่าเป็นคนที่พี่เขยส่งมา แต่กลายเป็นว่าดันมาจับเขาเสียอย่างนั้น

“แกรู้ไหมว่าพี่เขยฉันเป็นใคร? เขาเป็นอันดับสองของสำนักงานเขยเลยนะ ถ้าแกกล้าแหย็มละก็ พี่เขยฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”

เหยาอู่แหกปากตอนโดนมัด

“อธิบดีลู่ครับ เหยาอู่บอกว่าพวกเขาเป็นเหยื่อ และต้องการคนพิสูจน์เรื่องนี้ครับ”

เหยียนเหอผิงไม่อยากพูดหรอกแต่จำเป็นต้องทำ

เพราะทำงานในแวดวงเดียวกัน จึงไม่อยากสร้างปัญหาไปมากกว่านี้

รองอธิบดีลู่เป็นคนของสำนักงานเทศบาลนคร ซึ่งตำแหน่งเขาสูงกว่าหัวหน้าในสำนักงานเขตอยู่แล้ว แต่ที่นี่มันเป็นเขตอำนาจของพวกเราต่างหาก

“อยากได้คนพิสูจน์? ลงพื้นที่ตรวจสอบหรือยังล่ะ? น่าจะมีพยานเห็นเหตุการณ์เยอะอยู่นะ?”

“แล้วถ้าไม่เจอพยานเลย จะจัดการคดีกันยังไงล่ะ?

น้ำเสียงเขาดังและทรงพลังมาก

ฉืออี้หย่วนยืนอยู่ที่ประตูห้อง จึงได้ยินบทสนทนาชัดเจน

คนนี้น่าจะเป็นคนที่อาส่งมาใช่ไหม?

เหยียนเหอผิงไม่รู้จะตอบอย่างไร

ดวงซวยจริง ๆ

พวกสถานีโดยรอบก็เจอคดีของเหยาอู่เหมือนกัน และพวกเขาก็เคยจัดการเรื่องนี้ด้วย

แต่เหยาอู่แค่ได้รับโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เบื้องบนกลับไม่ปล่อยเอาไว้เลย

หลาย ๆ คนต้องถูกย้ายไปทำงานในห่างไกลของเหยาอู่

ไม่ว่าจะหัวหน้าสถานีก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดี เราทำได้แค่เมินเฉยกับการกระทำชั่วร้ายของเขาเท่านั้น

“อธิบดีลู่ครับ คนคนนี้ชื่อเหยาอู่ มีพี่เขยเป็นรองผู้อำนวยสำนักงานเขตครับ…”

แม้ว่าเหยียนเหอผิงจะกลัวลู่หงฟางมาก แต่ยังมีความกล้าหาญในการเล่าให้ฟัง

“พี่เขย? แกหมายถึงหลี่อิงฟาจากสำนักงานเขตนั่นน่ะนะ?”

ดูเหมือนลู่หงฟางจะรู้จักอีกฝ่ายดี

เหยียนเหอผิงรับหยักหน้า “ใช่ครับ”

ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แต่รอบข้างยังได้ยินอยู่ดี

เหยาอู่แทบจะโดดออกมา

“ได้ยินหรือยัง? พี่เขยฉันเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเขต ถ้าวันนี้แกไม่ไว้หน้าฉัน ก็เท่ากับไม่ไหวหน้าพี่เขยฉันด้วย เป็นแค่ตำรวจ แต่พี่เขยฉันเป็นผู้อำนวยการเว้ย!”

ลู่หงฟางขมวดคิ้ว

“ถ้าฉันจำไม่ผิด ภรรยาเขาเป็นคนตระกูลฉีไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมน้องสามีแซ่เหยา?”

เหยียนเหอผิงไม่คิดว่าทั้งสองจะรู้จักกัน

จะปิดบังไปก็คงไม่พ้น จึงทำได้แคฉีกยิ้มรับ

“ท่านอาจยังไม่ทราบ แต่หลังจากภรรยารองผู้อำนวยการให้กำเนิดลูกสาวสองคน เขาก็อยากได้ลูกชายอีกครับ ระหว่างนั้นได้ไปเจอกับสาวงามคนหนึ่งซึ่งก็คือพี่สาวของเหยาอู่ครับ เธอได้ให้กำเนิดลูกชายกับรองผู้อำนวยการหลี่ได้ แล้วตัวท่านก็เชื่อฟังพี่สาวเหยาอู่ด้วยครับ!”

“แต่งงานแล้วหรือ?”

เขาพลันรู้สึกปัญหาเยอะแปลก ๆ

เขากับหลี่อิงฟาได้ทำงานเป็นตำรวจท้องถิ่นพร้อมกัน ตอนนั้นทำงานที่เดียวกันด้วยเลยสนิทเป็นธรรมดา

แม้ไม่ได้สนิทมากด้วยนิสัยของเขา แต่ไม่เห็นได้ยินข่าวเรื่องการหย่ามาก่อนเลย

เหยียนเหอผิงรู้สึกละอายใจขึ้นมา เขาพูดออกมาได้ยังไงเนี่ย?

“แล้วก็แค่นั้นครับ”

เหยาอู่ที่ได้ยินถึงกับโมโห

“แกพูดอะไรของแก? ฉันบอกแล้วไงว่าพี่สาวฉันกับหลี่อิงฟากำลังจะแต่งงานกัน รีบ ๆ ปล่อยฉันไปได้แล้ว ไม่งั้นพี่เขยไม่ไว้ชีวิตแกแน่”

เหยาอู่รู้ว่าพี่สาวยังไม่ได้แต่งงานแต่มีลูกเสียแล้ว ทว่าหลี่อิงฟารักลูกชายคนนี้มาก เพื่อให้เขามีอนาคตอันสดใสเลยต้องแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ

“จับเหยาอู่เอาไว้ก่อน ส่วนคุณโทรไปสำนักงานเขตเรียกผู้อำนวยการหลงจื้อหมิงมาพบฉันเดี๋ยวนี้!”

ลู่หงฟางไม่อยากให้เหยาอู่ได้ใจ แค่มีพี่สาวเป็นแม่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็ทำตัวอวดเบ่งเสียแล้ว

คิดว่าสถานีตำรวจเป็นบ้านตัวเองหรือไง? คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?

เหยาอู่ยังไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างลู่หงฟางกับและพี่เขยจอมปลอมของเขา

ส่วนตำรวจที่รองอธิบดีลู่พามาไม่พูดพร่ำทำเพลงจับอีกฝ่ายโยนเข้าห้องกลางทันที

เจ้าพวกนั้นถูกขังอยู่ในห้องไปก่อน ฉืออี้หย่วนจึงทำได้แค่เดินออกมา

ด้านนอกอาทิตย์แดดเผา อุณหภูมิสูงส่องหน้าตรง ๆ ฉืออี้หย่วนไม่ชอบเอาเสียเลย

“เธอคือฉืออี้หย่วนใช่ไหม?” ลู่หงฟางว่าพลางมองสำรวจ

หน้าตานิ่ง ๆ ดูท่าจะเป็นคนดี

แต่สิ่งที่ทำให้สงสัยคือเขาเป็นอะไรกับเลขาเฉินกันแน่?

เพราะท่านโทรสายตรงมาหาเราเลย

แล้วบอกให้อธิบดีเข้ามาจัดการเรื่องนี้

ทว่าอธิบดีเดินทางไปต่างจังหวัด เขาเลยต้องขุดตัวเองออกมาทำหน้าที่แทน

“ครับ สวัสดีครับผมชื่อฉืออี้หย่วน เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์เมื่อคืนครับ”

“หลังจากส่งตัวคนพวกนั้นให้กับตำรวจเมื่อคืน พวกเขาบอกให้ผมมาลงบันทึกประจำวันผมก็เลยมาครับ แต่กลายเป็นว่าพวกนั้นโดนปล่อยตัวแล้ว แถมยังหันมาแว้งกัดผมอีก!”

ชายหนุ่มอธิบายคร่าว ๆ

เหยียนเหอผิงได้ฟังก็ยิ่งกลัว ทว่าเขาพูดอะไรไม่ได้

“เรื่องของเธอเลขาเฉินจัดการให้เป็นการส่วนตัวแล้วละ ไม่ต้องห่วงนะ สิ่งสำคัญของเราคือการปกป้องประชาชนและจะไม่ทำให้เธอได้รับความอยุติธรรมแน่นอน”

คงเพราะไม่เคยยิ้ม ลู่หงฟางเลยทำได้แค่แสดงสีหน้าเป็นมิตรมากที่สุดเท่านั้น แต่กลับไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มนั้นมันช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน!

ฉืออี้หย่วนพยักหน้า “แล้วเรื่องนี้เราสามารถจัดการตอนนี้ได้เลยไหมครับ?”

เพราะเสียเวลาไปมาก ฉืออี้หย่วนเลยอยากเอาเวลาไปทำงานหาเงินมากกว่า

“งั้นมาบันทึกข้อมูลก่อนแล้วกัน”

เขาเดินทางตรงมาจากสำนักงานเทศบาลนคร ทุก ๆ อย่างจึงจัดเตรียมไว้แล้ว

ชายหนุ่มชื่อฉืออี้หย่วนให้ข้อมูลชัดเจนมากกว่าที่พวกเหยาอู่คิด

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาคงต้องหาพยานเพิ่มอย่างช่วยไม่ได้

มีทั้งคนให้การเท็จเพราะเส้นสายของเหยาอู่ และก็มีคนที่เต็มใจบอกความจริง

ลู่หงฟางรู้เรื่องหลี่อิงฟาอยู่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนดีเท่าไร แต่เรื่องความสามารถต้องยกนิ้วให้เลย หากได้คนแบบนี้หนุนหลังให้เหยาอู่คงหาหลักฐานยากแล้วละ

ฝั่งพวกเหยาอู่กำลังสับสน

ทำไมเราถึงโดนขังล่ะ?

มันควรจะเป็นเด็กนั่นไม่ใช่หรือ?

หรือรองอธิบดีลู่นั่นจะรู้จักไอ้หนุ่มคนดี?

เหยาอู่ขบคิด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายคนนั้นไม่ไปเผชิญหน้ากับพี่เขยตรง ๆ ทั้งที่เป็นตำรวจเหมือนกัน

แต่เราโทรหาพี่เขยแล้ว อีกฝ่ายน่าจะมาเร็ว ๆ นี้

“พี่อู่ เราจะทำยังไงดีพี่?”

พวกลูกน้องทนไม่ไหวจึงรีบเอ่ยถาม

“ทำอะไรล่ะ? เราจะไปทำอะไรได้! รอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพวกนั้นก็พาเราออกมา!”