ตอนที่ 1192 รอพรุ่งนี้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1192 รอพรุ่งนี้

เฝิงเย่าถือชาร้อนเดินเข้ามาด้านใน เซียวหรงเหยี่ยนสื่อให้เฝิงเย่าวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้านข้าง

เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้โมโหแม่ทัพซ่ง เขาส่งสัญญาณให้เยว่สือไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีก ชายหนุ่มมองไปทางแม่ทัพซ่งพลางกล่าวขึ้น

“ในเมื่อแม่ทัพซ่งจงรักภักดีต่อฝ่าบาทถึงเพียงนี้ ท่านคงมีวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นจะถือว่าท่านจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอย่างหมดใจได้เช่นไร ใช่หรือไม่แม่ทัพซ่ง!”

แม่ทัพซ่งถูกเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเหน็บ เขาเตรียมเอ่ยค้าน ทว่า เมื่อเงยหน้าสบตากับเซียวหรงเหยี่ยนคำกล่าวทุกอย่างกลับจุกแน่นอยู่ที่ลำคอทันที

เซียวหรงเหยี่ยนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ

“ข้าจะให้เวลาแม่ทัพซ่งหนึ่งก้านธูป หากคิดไม่ออกแม่ทัพซ่งคงต้องโดนลงโทษตามกฎกองทัพแล้ว การโบยห้าสิบทีถือว่าเมตตาแม่ทัพซ่งมากแล้ว!”

กล่าวจบเซียวหรงเหยี่ยนซ่อนปิ่นปักผมไว้ในเสื้อ จากนั้นยกชาขึ้นจิบพลางให้คนจุดธูปจับเวลา ชายหนุ่มเป่าไอร้อนในถ้วยชาอย่างไม่รีบร้อน

เยว่สือเห็นสีหน้าย่ำแย่ของแม่ทัพซ่งจึงรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย

“ท่านอ๋องได้โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

แม่ทัพคนหนึ่งรีบเอ่ยขอร้องแทนแม่ทัพซ่ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นพลางกล่าวขึ้น

“แม่ทัพซ่งควรได้รับโทษที่ล่วงเกินท่านอ๋อง ทว่า ตอนนี้พวกเรากำลังต้องการกำลังคน แม่ทัพซ่งคือแม่ทัพที่ดุดันและกล้าหาญที่สุดในสนามรบ ท่านอ๋องได้โปรดเห็นแก่ที่แม่ทัพซ่งเพิ่งกระทำความผิดเป็นครั้งแรกละเว้นโทษแม่ทัพซ่งสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ

“จะเรียกว่าละเว้นโทษได้อย่างไรกัน แม่ทัพซ่งกล่าวว่าตัวเองจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ข้าก็แค่ให้โอกาสแม่ทัพซ่งได้แสงดความจงรักภักดีก็เท่านั้น หากคิดหาวิธีออกเขาจะมีความดีความชอบยิ่งใหญ่ ข้าจะไม่ถือโทษที่เขาล่วงเกินข้า ทว่า หากแม่ทัพซ่งคิดหาวิธีไม่ได้…”

เซียวหรงเหยี่ยนยกยิ้มเย็นที่มุมปาก แววตาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยไอสังหาร

“ในกองทัพต้าเยี่ยน หากตัวแม่ทัพเองยังทำไม่ได้ ทว่า กลับอ้างบารมีของฝ่าบาทโยนเรื่องนี้ให้ผู้อื่นทำแทน โยนให้ข้ายังไม่เท่าใดนัก หากเขาโยนเรื่องนี้ให้ลูกน้องคนอื่น ไม่เท่ากับบีบให้คนผู้นั้นไปตายหรอกหรือ ต่อให้แม่ทัพเช่นนี้เป็นถึงเทพแห่งสงครามข้าก็ไม่ขอรับไว้เด็ดขาด หากแม่ทัพซ่งคิดหาวิธีไม่ออก หากโดนโบยห้าสิบทีเสร็จแล้วยังมีลมหายใจอยู่ก็รีบไสหัวกลับไปยังเมืองหลวงของต้าเยี่ยนเสีย!”

แม่ทัพซ่งโมโหจนหน้าแดงก่ำ

“ท่านอ๋องทำเช่นนี้เพราะต้องการควบคุมอำนาจทางทหารไว้ในมือเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”

คำกล่าวหานี้ร้ายแรงมาก สีหน้าของแม่ทัพทุกคนในกระโจมย่ำแย่ขึ้นทันที

“แม่ทัพซ่ง ท่านกล่าวสิ่งใดออกมา!”

แม่ทัพที่สนิทสนมกับแม่ทัพซ่งรีบตวาดเขาทันที จากนั้นรีบคุกเข่าขอร้องแทนแม่ทัพซ่ง

“ท่านอ๋องได้โปรดไว้ชีวิตแม่ทัพซ่งด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพซ่งโมโหจนเลอะเลือนไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าแค่ให้เจ้าคิดหาวิธีที่สมบูรณ์แบบเจ้ากลับหาว่าข้าต้องการยึดอำนาจทางทหารไว้เองอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเป็นตัวแทนฝ่าบาทในกองทัพนี้ได้อย่างนั้นหรือ”

เซียวหรงเหยี่ยนหัวเราะออกมาเบาๆ ทว่า น้ำเสียงช่างน่าขนลุกยิ่งนัก

“แม่ทัพซ่ง เจ้าโชคดีที่ข้ายังคิดว่าเจ้าจงรักภักดีต่อฝ่าบาท มิเช่นนั้นตอนนี้หัวเจ้าคงไม่ได้อยู่บนบ่าแล้ว!”

ธูปก้านหนึ่งหมดลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของแม่ทัพซ่งแย่ลงทันที เขาถูกทหารลากออกไปโบยห้าสิบทีโดยที่เยว่สือเป็นคนโบยด้วยตัวเอง แม่โบยเสร็จแม่ทัพซ่งสลบไปทันที เขาถูกลูกน้องแบกกลับไปยังที่พักของตัวเอง

เซียวหรงเหยี่ยนดื่มน้ำชาในถ้วยชาหมดแล้ว ชายหนุ่มวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้านข้าง

“พวกเจ้าล่ะ มีวิธีการแก้ปัญหานี้อย่างสมบูรณ์แบบบ้างหรือไม่”

แม่ทัพในกระโจมมองหน้ากันไปมา จากนั้นพากันเงียบกริบ

เซียวหรงเหยี่ยนจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน

“หากพวกเจ้าไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ก็จงเรียนแบบวิธีการของต้าโจว ดูสิว่าต้าเยี่ยนจะแย่งชาวบ้านซีเหลียงกลับมาได้มากเท่าใด”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบจึงลุกเดินออกไปจากกระโจมใหญ่

แม่ทัพในกระโจมรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพเซียงหรงเหยี่ยน มองส่งชายหนุ่มเดินออกไปจากกระโจม

วันที่หนึ่ง เดือนสอง ไป๋ชิงเหยียนพากองทัพเดินทางไปถึงเมืองเจียงจือ

นอกเมืองเจียงจือมีชาวบ้านเร่ร่อนที่ได้ยินข่าวมารวมตัวกันอยู่มากมาย ทว่า แม่ทัพคุ้มกันเมืองไม่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนจึงไม่กล้าให้ชาวบ้านเหล่านี้เข้าไปในเมือง ทว่า พวกเขาได้ข่าวที่เกิดขึ้นที่ด่านเย่เฉิงจึงไม่ได้ขับไล่ชาวบ้านเร่ร่อนของซีเหลียงเหล่านี้จากไป

เมื่อไป๋ชิงเหยียนไปถึงจึงสั่งให้คนขึ้นทะเบียนให้ชาวบ้านเร่ร่อนเหล่านี้และพาเข้าไปในเมืองทันที หญิงสาวให้คนแบ่งบ้านและที่ดินให้ชาวบ้าน สั่งให้ทหารช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายให้เรียบร้อย ชาวบ้านจะได้เข้าพักได้ทันที

ชาวบ้านที่ได้รับบ้านและเสบียงอาหารพาภรรยาและลูกของตัวเองไปดูบ้านที่ได้รับในเมืองเจียงจือแวบหนึ่ง พวกเขาตื้นตันจนขอบตาร้อนผ่าวขึ้นทันที นับจากนี้พวกเขาจะมีบ้านอยู่อาศัยแล้ว พวกเขาไม่ต้องเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะอดตายเพราะไม่มีอาหารประทังชีวิต ไม่ต้องหวาดกลัวกองทัพเทียนเฟิ่งและชาวบ้านที่ไม่มีอาหารจนต้องการเป็นโจรมาปล้นเสบียงของพวกเราเหมือนหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงทุกๆ วันอีกต่อไป!

ตอนนี้พวกเขากลายเป็นชาวบ้านต้าโจว มีเสบียงอาหารที่ราชสำนักแจกจ่ายให้ ไม่ต้องหิวตาย มีบ้านไว้นอน มีที่นาไว้ทำกิน แม้ต้องติดหนี้ทางการ ทว่า อย่างน้อยพวกเขาก็มีชีวิตรอดแล้ว

สำหรับชาวบ้านที่อยู่ในยุคสงครามที่มีมายาวนานหลายร้อยปี การมีชีวิตอยู่ต่อไปคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่สำคัญกว่านั้นต้าโจวยังมอบชีวิตที่สงบสุขกว่าเดิมให้พวกเขาอีกด้วย

เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงเจียงจือและจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงไปพักผ่อนโดยมีชุนจือคอยปรนนิบัติข้างกาย รายงานสถานการณ์รบที่ส่งมาจากด่านหน้าเป็นข่าวดีเว่ยจงจึงระงับไว้ก่อน เมื่อไป๋ชิงเหยียนตื่นมาในวันพรุ่งนี้ค่อยรายงานให้ไป๋ชิงเหยียนทราบ

หลายวันที่ผ่านมาไป๋ชิงเหยียนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยสักวัน หญิงสาวกำลังตั้งครรภ์อยู่เว่ยจงจึงไม่อยากปลุกหญิงสาวให้ตื่น

ไป๋ชิงเหยียนนอนหลับไปถึงสามชั่วยาม บ่าวรับใช้เตรียมอาหารรอเรียบร้อยแล้ว ชุนจือเดินเข้าไปดูไป๋ชิงเหยียนหลายรอบ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นแม้แต่น้อย ชุนจือจึงได้แต่สั่งให้โณงครัวอุ่นอาหารไว้ก่อน เมื่อไป๋ชิงเหยียนตื่นนอนจะได้รับประทานได้ทันที

ไป๋ชิงเหยียนตื่นขึ้นมาในยามจื่อ[1]พ่อครัวในโรงครัวนั่งเฝ้าอาหารในโรงครัวไม่กล้ากลับไปพักผ่อน เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทตื่นบรรทมแล้วจึงรีบสั่งให้คนตักอาหารใส่กล่องอาหารสีเหลี่ยมสีดำ จากนั้นยกเข้าไปในห้องนอนของไป๋ชิงเหยียน พ่อครัวรีบลุกขึ้นไปชิมอาหารก่อนยกไปให้ไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแปรงฟันด้านในฉากกั้น สาวใช้ทยอยเดินถือกล่องอาหารเข้ามาด้านใน เว่ยจงจัดวางอาหารลงบนโต๊ะกลมให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง เมื่อชิมอาหารเสร็จ สาวใช้จึงพากันจากไปทันที

“ฝ่าบาท เสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าวเสียงเบาอยู่นอกฉากกั้น

ชุนจือติดกระดุมเสื้อสีขาวลายดอกกล้วยไม้ให้ไป๋ชิงเหยียน นางประสานมือไว้ที่หน้าท้องพลางแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้องด้านใน

“มีรายงานสถานการณ์รบส่งมาบ้างหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนนั่งลง ใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือจนสะอาด จากนั้นถามขึ้น

“มีข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจึงยังไม่ได้ให้คนเข้าไปรบกวนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงหันไปหยิบรายงานในถาดสี่เหลี่ยมที่ขันทีเล็กถือไว้ด้านหลังมายื่นให้ไป๋ชิงเหยียน

“ยึดเมืองเต๋อหยางได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ในรายงานไม่ได้รายงานว่าน้องชายหรือน้องสาวของนางได้รับบาดเจ็บ ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามเว่ยจง

“ทหารที่นำรายงานมาส่งอยู่ที่ใด”

“ไปพักผ่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทมีสิ่งใดอยากตรัสถาม รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าวยิ้มๆ

[1] ยามจื่อ เวลาระหว่าง 12.00-01.00 นาฬิกา