บทที่ 1196 ธุรกิจไม่ค่อยรุ่ง
บทที่ 1196 ธุรกิจไม่ค่อยรุ่ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่สูตรเฉพาะของบ้านเราสักหน่อย หนูเคยอ่านเจอมาในหนังสือ”
“แถมมันมีมาหลายปีแล้วค่ะ ไม่ใช่เอกลักษณ์ของบ้านเราหรอก”
ตอนนี้ชานมที่เซียงเจียง*[1] และวานวาน*[2] กำลังรุ่งเรืองเลย
อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเข้ามาสู่จีนแล้ว มันจะได้รับความนิยมแน่นอน
เธอแค่อยากถือครองตลาดส่วนนี้ไว้ก่อนน่ะ
แล้วแหล่งกำเนิดของมันก็มาจากแถบพื้นที่ปศุสัตว์*[3] ซึ่งผู้คนที่นั่นจะต้มใบชากับนมวัวนมแพะเพื่อทำชานมที่มีเอกลักษณ์ที่สุดออกมา
หลังจากมันได้ขยายไปในต่างประเทศ ผ่านความยากลำบากทุกรูปแบบก่อนมาถึงเรา รสชาติจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ทว่าชานมยังคงรักษาต้นกำเนิดของมันไว้ได้ และชานมที่เปลี่ยนไปก็ยังเป็นเครื่องดื่มแสนอร่อยที่ประกอบด้วยนมและชาเหมือนเดิม
แต่ไม่ต้องเล่าให้ท่านฟังหรอก
คุณย่าที่กำลังเริงร่าและหมายทำการใหญ่ถึงกับสลดเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ซูเสี่ยวเถียนสังเกตเห็น
เธอยิ้ม “ค่อย ๆ ศึกษาไปค่ะ ถึงจะไม่สามารถเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเราได้ แต่ชานมไม่ได้มีรสชาติเดียวค่ะ มีหลากหลายรสชาติเลย”
“พอถึงตอนนั้นเราก็ค่อยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แล้วแบรนด์นี้จะกลายเป็นธุรกิจของเราแต่เพียงผู้เดียวค่ะ”
จะว่าไปแบรนด์หลู่เซียงเซียง ร้านเนื้อตุ๋นและหมู่บ้านหนานหลิ่งยังไม่ได้จดทะเบียนเลยนี่หว่า
ไว้ฝากพี่สี่จัดการแล้วกัน
ลืมไปได้ยังไงเนี่ย? เรื่องแบรนด์หรือยี่ห้อต่าง ๆ ไม่ค่อยนิยมในยุคนี้เท่าไร แต่พอเวลาผ่านไปมันจะเริ่มสำคัญมากขึ้น!
ต้องจดเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองแล้ว
เพราะถ้าสินค้าเราขายดี มันต้องมีคนโลภอยากจะได้แน่ ๆ
คุณย่าซูพยักหน้า “เสี่ยวเถียนพูดถูก ย่าศึกษารสชาติเพิ่มดีกว่า”
ร้านชานมแห่งแรกของตระกูลซูเปิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อมา
มันไม่ได้ขายที่เมืองอาหารว่างแล้ว แต่เป็นเมืองอาหารว่างของซูเสี่ยวซื่อที่เปิดแถวถนนคนเดิน
วันแรกยอดขายไม่ดีเท่าไร
เพราะไม่มีคนรู้จัก
คุณย่าซูจึงเป็นกังวลทันที
“เสี่ยวซื่อ หลานไม่ได้เปิดร้านผิดที่ใช่ไหม? ทำไมสาว ๆ เขาไม่ดื่มกันเลยล่ะ?”
“หรือเราขายแพงไปหรือเปล่า?”
เทียบกับราคาบะหมี่หนึ่งแก้วแล้ว ใครจะยอมเสียเงินขนาดนี้กัน?
“เพิ่งวันแรกเองครับย่า เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น
โปรโมตอยู่ร้านเดียวไม่คุ้มหรอก ช่างน่าเศร้าแท้
ส่วนผงชานมซูเสี่ยวเถียนว่าไม่เวิร์ก
เพราะทุกคนรู้ว่ามันไม่มีทั้งชา ไม่มีทั้งนม ก็แค่สิ่งที่เรียกว่าชานมเท่านั้นเอง
คุณย่าซูเชื่อฟังคำพูดของหลานสาวมาตลอด ถ้าหลานบอกว่าดีมันก็จะดี
ทว่าวันต่อมาก็ยังไม่ดีเหมือนกัน
หญิงชราเป็นกังวลมากจนต้องไปถามหลานสาวด้วยตัวเอง
แต่เห็นว่าเธองานยุ่ง และไม่อยากสร้างปัญหาให้ก็เลยทำได้แค่อดทน
เด็กสาวคิดถึงปัญหานี้อยู่เหมือนกัน ว่าน่าจะเป็นเพราะการโปรโมตที่น้อยเกินไป
แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงวิธีการ พวกเขาย่อมขายได้แน่
สองวันนี้โชคไม่ดีนัก งั้นโปรโมตช่วงวันหยุดน่าจะดีที่สุด
เธอใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อเขียนแผนการโปรโมต
วันต่อมาเธอได้นัดหมายกับซูเสี่ยวซื่อ
“พี่สี่ หนูเขียนแผนการโปรโมตไว้แล้วค่ะ พี่ว่ามันดีหรือยังคะ?”
ซูเสี่ยวเถียนไม่พูดพร่ำทำเพลงและตรงเข้าประเด็นทันที
ซูเสี่ยวซื่อไม่สนใจเรื่องธุรกิจชานมเท่าไร เพราะมันเป็นแค่หนึ่งในธุรกิจที่เขาดูแลอยู่ก็เท่านั้น
ถึงมันจะสร้างรายได้ แต่ไม่ได้มากจนต้องให้ความสนใจขนาดนั้น
“ไม่ต้องรีบหรอก อีกสองสามวันเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ทำไมดูใจร้อนจัง?”
เด็กสาวยิ้ม “ย่าเป็นห่วงค่ะ”
ซูเสี่ยวซื่อ “…”
ย่าอายุเท่าไรแล้วเนี่ย ยังทะเยอทะยานอยู่เลย
ในเมื่อย่าห่วง งั้นสนใจหน่อยแล้วกัน
ชายหนุ่มเปิดอ่าน
เขารู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้และค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมาก
“งั้นทำตามที่เธอว่าแล้วกัน”
เธอรู้สึกว่าการวางร้านชานมไว้ในเมืองอาหารว่างไม่ค่อยเหมาะ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือเปิดร้านแยกต่างหากดีกว่า
ตอนนี้ปัญหาเรื่องแก้วยังไม่ได้จัดการเลย ถ้าจะทำแก้วแบบนั่งกินในร้าน ต้นทุนจะค่อนข้างสูง
เลยต้องพึ่งเมืองอาหารว่างไปก่อน
“ถ้าจะทำร้านแยกเราต้องแก้ปัญหาเรื่องแก้วด้วยค่ะ”
ซูเสี่ยวซื่อค่อนข้างหัวตันในเรื่องนี้
ความคิดตามธรรมชาติของคนนั้นไม่ว่าจะทำแก้วแบบใดก็ยังนั่งกินที่โต๊ะได้อยู่ดี เลยไม่ได้สร้างความแตกต่างกันมาก
ซูเสี่ยวเถียนอ่านความคิดของอีกฝ่ายออก
“พี่ลองคิดดูนะ การนั่งดื่มที่ร้านอาจทำให้ลูกค้าเสียเวลา เผลอ ๆ โต๊ะไม่พอนั่ง แต่ถ้ามีแก้วใช้แล้วทิ้งเลย เราสามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้ ไม่ยุ่งยากด้วย”
ชายหนุ่มตั้งใจฟัง
“แล้วถ้าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าเต็มใจซื้อไปเดินถือกิน พี่ว่ากำไรเราจะขนาดไหนล่ะ?”
ซูเสี่ยวซื่อมีปฏิกิริยาต่างจากเดิมทันที
จริงด้วย!
ถ้าหิ้วไปไหนมาไหนสะดวกแบบนี้ เราสามารถกินไปด้วยเดินเที่ยวไปด้วยโดยไม่ต้องเสียเวลา แถมยังแก้ปัญหาร้านขนมไม่ค่อยมีขายตามทางได้ด้วย
ตอนนี้ร้านเราขายได้วันละสองร้อยแก้ว หากลูกค้าเพิ่มจะต้องขายได้ถึงห้าร้อยแก้วแน่
“เธอนี่เก่งจริง ๆ” ซูเสี่ยวซื่อประจบ “พี่สี่ไม่ได้เรื่องเอง เดี๋ยวจะติดต่อให้แล้วรีบแก้ปัญหานะ”
ชายหนุ่มสนใจแต่เรื่องเงินเท่านั้น เขามีความมั่นใจในทุก ๆ อุตสาหกรรมที่ทำเงินได้
ส่วนเหตุผลที่เด็กสาวพูดถึงความคิดนี้ขึ้นมาเพราะนำความทรงจำเรื่องแก้วกระดาษที่จะผลิตในอีกหลายปีข้างหน้ามาประยุกต์ใช้
ตอนนี้ยังไม่มีการผลิตในจีนหรอก
ต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีกว่าแก้วกระดาษจะนำมาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศเรา
ด้วยความสามารถในตอนนี้ แก้วพลาสติกคงไม่น่ายากเกินไป
ส่วนเทคโนโลยีการทำขวดเครื่องดื่มยากกว่าเยอะ
แล้วเราก็ต้องเปลี่ยนไลน์ผลิตด้วย
พวกโรงงานอาจไม่ยินดีเสียเท่าไร เพราะมองไม่เห็นประโยชน์น่ะ
“หนูฝากความหวังไว้ที่พี่ด้วยนะ!”
รอยยิ้มของเธอทำให้ชายหนุ่มคิดว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายดายแน่
ทว่าไม่มีใครหยุดเขาได้หรอก
ซูเสี่ยวซื่อจากไปด้วยความตื่นเต้น เดินทางไปยังโรงงานต่าง ๆ เพื่อติดต่อเรื่องนี้
ทว่ากลับโดนปฏิเสธกลับมาหมด
เขาส่งคนไปสอบถามโรงงานพลาสติกรอบ ๆ เมืองหลวง
อย่าว่าแต่จากโรงงานเลย ทุกวันนี้ทางโรงงานแทบล้มละลายกันหมดแล้ว
ระหว่างทำงานส่วนนี้ ก็เป็นห่วงเรื่องโปรโมตชานมในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
[1] เซียงเจียง คือ ฮ่องกง
[2] วานวาน คือ ไต้หวัน
[3] แถบพื้นที่ปศุสัตว์ ได้แก่ มองโกเลียใน ซินเจียง ทิเบต ชิงไห่