บทที่ 1197 ความกล้าหาญของซูเสี่ยวซื่อ
บทที่ 1197 ความกล้าหาญของซูเสี่ยวซื่อ
ช่วงสุดสัปดาห์ ซูเสี่ยวเถียนไม่ยุ่งมากเท่าไรจึงพาคุณย่าซูไปเมืองอาหารว่าง
เราสองคนเห็นลูกค้ายืนเข้าแถวตั้งแต่ไกล ๆ
“ทำไมวันนี้คนเยอะจังเลย” หญิงชราประหลาดใจ
“วันนี้มีงานค่ะ ทุกคนสามารถชิมชานมได้หนึ่งแก้วเล็ก ซื้อสามแก้วลดราคาหนึ่งแก้ว ถ้าขอเพิ่มคิดครึ่งราคาค่ะ”
เด็กสาวแนะนำโปรโมชันให้ฟัง
คุณย่าซูไม่ได้ติดใจอะไร
ท่านคำนวณมาอย่างดีแล้ว จะจ่ายครึ่งราคา ซื้อสามแถมหนึ่ง ต่อให้ลดมากกว่านี้ก็ไม่ขาดทุน
พอมีเครื่องดื่มตัวใหม่ออกมาพร้อมส่วนลด วันสองวันนี้จึงมีคนมาซื้อกันเยอะแยะเลย ขายดิบขายดีมาก
“คุณย่าสบายใจหรือยังคะ?”
“สบายใจแล้ว ไม่ว่าหลานรักย่าจะทำอะไรย่าไม่เคยต้องเป็นห่วงเลย!” ท่านคลี่ยิ้ม
ซูเสี่ยวซื่อเดินผ่านมาได้ยินพอดี ไม่รู้ควรกลับบ้านเลยดีไหม
งานพวกนี้เขาทำเองทั้งนั้น ทำไมกลายเป็นความดีความชอบน้องเล็กไปได้ล่ะ?
ช่างเถอะ หลานรักเขานี่
ยังไงก็ต้องรักอยู่แล้ว
“มาแล้วหรือครับ วันนี้ขายดีมากเลย ร้านอื่น ๆ ก็ขายดีกว่าเดิมด้วยนะ!”
ชายหนุ่มมีความสุขมาก เมืองอาหารว่างของเขาต่างจากสาขาของเสี่ยวเถียนนัก
ร้านของน้องหารายได้จากค่าเช่าเป็นหลัก จึงได้กำไรนิดเดียว
ส่วนของเขาจะเป็นการจ้างคนมาทำ เงินที่ได้ก็เป็นของตัวเอง
ร้านตั้งอยู่ถนนคนเดินธุรกิจขายดีอยู่แล้ว และวันนี้ก็มีคนมารอเข้าแถวยาว
เพราะคิวยาวมากคนอื่น ๆ เลยได้อาหารอย่างอื่นไปกินด้วย
“ผลงานน้องเลยนะ ขอบคุณน้องด้วยละ”
ซูเสี่ยวซื่อไหลตามน้ำ
“เข้าใจแล้วครับย่า ผมไม่แพ้เธอแน่ แล้วก็หลายวันก่อนผมเจอสร้อยที่เหมาะกับน้องด้วย เลยซื้อมาให้!”
ถึงจะเป็นคนขี้เหนียวแต่ใจกว้างกับเสี่ยวเถียนเสมอ
ด้วยความที่เป็นเด็กผู้หญิงจึงให้ความสนใจไปโดยปริยาย
“เป็นสร้อยแบบไหนคะ?”
ถึงขนาดเตะตาพี่สี่ได้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา
“ทองคำน่ะ มีฝังหินไว้เล็ก ๆ ด้วย เขาว่าเป็นหยกน่ะ!” ชายหนุ่มมองสำรวจ สวยมากและราคาแพงมากเช่นกัน
หยก?
“สร้อยคอหยกหรือ? ถ้าสีสวย สีใสน่าจะแพงมากเลยนะ”
คุณย่าซูเห็นท่าทางหลานชายแล้วหมั่นไส้มาก
“เจ้าเด็กนี่ขี้งกจริง ๆ หยกแค่นั้นน้องจะไม่มีเลยหรือไง?”
บ้านเราได้ของดี ๆ มาจากหลานสาวเยอะเลย แล้วข้างในของพวกนั้นก็มีหินหยกดี ๆ ด้วย
แต่ไอ้เด็กนี่มันดันขี้เหนียว หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำกลับไม่ลงทุนซื้อของให้น้องสักนิด
ซูเสี่ยวซื่อไม่กล้าพูดต่อ ถึงน้องจะมีอยู่เต็มไปหมดแต่มันเหมือนกันหรือ?
ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว
“ย่า หนูว่ามันก็สวยอยู่นะ” เด็กสาวรีบช่วยพี่ชายทันที
เห็นว่าหลานชอบ หญิงชราจึงไม่ยุ่งต่อ
“ไปกัน พาพวกเราไปดูร้านซิ!”
บรรยากาศคึกคักแบบนี้ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย จะได้รู้สึกถึงความสำเร็จ
“ป้าเถาฮวาว่าจะมาลองชิมด้วย ไม่รู้วันนี้หรือเปล่า!”
คุณย่าซูว่า
“ป้าเถาฮวาทำเองที่บ้านก็ได้นะ มารอต่อคิวซื้อเหนื่อยจะตาย!” ซูเสี่ยวซื่อบอก
คุณย่าซูถึงกับแว้ดขึ้นมา “ป้าเขาอยากสนับสนุนธุรกิจไม่ใช่หรือไง”
ชายหนุ่มถูจมูก ชินชาไปกับมันเสียแล้ว
อีกหลายวันต่อมาธุรกิจยังขายดีเหมือนเดิม
ชายหนุ่มคว้าโอกาสเปิดสาขาในเมืองหลวงเพิ่ม
แม้แต่ที่หออีหมิงยังเปิดเช่นกัน ไม่ปล่อยผ่านเลย
ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ชานมกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงเสียแล้ว
หลาย ๆ คนว่ารสชาติอร่อย ติดอย่างเดียวคือราคาแพง
แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการตามกระแส ไม่นานนักก็มีร้านชานมเปิดเพิ่ม
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือรสชาติ แต่ราคาถูกกว่า
เนื่องจากราคาเข้าถึงง่ายกว่า ต่อให้รสชาติแย่ก็ยังมีลูกค้าอยู่ดี
และมันทำให้เราได้รับผลกระทบเล็กน้อย
ทว่าสองพี่น้องไม่ได้สนใจเท่าไร
ธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ มีการแข่งขันอยู่เสมอ
ต่อให้ตอนนี้ไม่มี อนาคตข้างหน้ามันก็มาเอง
วิธีเดียวที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้คือทำให้ดีขึ้น
หลังจากคุณย่าซูทราบข่าว เธอก็เริ่มพัฒนาชานมรสชาติใหม่ ๆ ทันทีเพื่อช่วยหลานทั้งสองหารายได้
ตอนนี้ซูเสี่ยวซื่อยังหาลู่ทางผลิตแก้วพลาสติกและแก้วกระดาษเหมือนเดิม ทว่ากลับไม่คืบหน้าเลย
สุดท้ายเขาได้ตัดสินใจอย่างอาจหาญด้วยการซื้อโรงงานทำพลาสติกเสียเอง
ถึงขนาดจะเล็กไปหน่อย ราคาโอนไม่ใช่น้อย ๆ แต่เพื่อขยายตลาดให้ได้เร็วที่สุดเขาเลยซื้อมันเสียเลย
หลังจากนั้นก็ตามที่น้องสาวบอก เปลี่ยนไลน์การผลิตใหม่
ก่อนฤดูหนาวมาถึง โรงงานทำพลาสติกผลิตแก้วใบแรกได้สำเร็จ
การออกแบบและลวดลายอ้างอิงตามความคิดของซูเสี่ยวเถียน
ขนาดเล็กใหญ่และสไตล์เหมือนแก้วในยุคปัจจุบัน แค่แต่งเติมอะไรนิดหน่อย
ส่วนชื่อแบรนด์ ซูเสี่ยวซื่อตัดสินใจว่าจะใช้ชื่อ ‘ชานมน้องซู’*[1]
คำว่า ‘น้องซู’ พิมพ์ลงบนฝาของแก้ว
หลังจากจดทะเบียนกิจการตัวเองเสร็จ ซูเสี่ยวซื่อก็จดทะเบียนชานมให้น้องด้วยชื่อนี้!
เขาไม่มีความรู้เรื่องความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าอะไรนั่นหรอก เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เงินก็ได้ ไม่ต้องไปสนใจหรอก
แต่หลังจากซูเสี่ยวเถียนบอกข้อดีข้อเสีย เลยทำให้ชายหนุ่มเข้าใจความสำคัญของมัน
ยิ่งบอกว่าถ้าไม่จดทะเบียนอนาคตจะมีคนขโมยไป ซูเสี่ยวซื่อสัมผัสได้ถึงวิกฤตทันที
หลังจากนั้นก็เพิ่งทราบเรื่องชื่อร้านในอนาคต ‘ชานมน้องซู’ เด็กสาวได้แต่ยืนงง
ทำไมใช้คำว่าน้องซูล่ะ? ใช้ชานมซูเสี่ยวเถียนไม่ดีกว่าหรือ?
เธอได้แต่บ่นในใจ ไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ
ขืนพูดออกไป พี่สี่อาจจะเปลี่ยนจริง ๆ ก็ได้!
ซึ่งซูเสี่ยวเถียนตัวเธอคนนี้เป็นคนที่ยอมรับอะไรแปลกใหม่อยู่แล้ว
ในเมื่อตั้งชื่อ ‘น้องซู’ ก็เรียกน้องซูไปก็แล้วกัน!
[1] น้องซูในที่นี้มาจากคำว่า ซูเสี่ยวเม่ย ซูคือแซ่ของซูเสี่ยวเถียน ส่วนเสี่ยวเม่ย แปลว่าน้องสาวคนเล็ก/น้อง