ตอนที่ 2,525 : ตู้เวย

หลังจากที่ ‘หลิงเทียน’ ตกตายลงเพราะถูกนายหน้าหักหลังเมื่อชีวิตที่แล้ว จนได้ไปโผล่ในระนาบเซียนอย่างไม่ทราบสาเหตุ และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในฐานะต้วนหลิงเทียนนั้น…

ถึงแม้เขาจะเคียดแค้นนายหน้าคนนี้จับใจ และอยากจะฉีกร่างอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ แต่เขาก็ทำได้แค่ดับความคิดดังกล่าวไป…

นั่นเพราะในตอนนั้นเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ย้อนกลับมายังโลก!

ถึงหลังจากนั้นเขาจะได้พบเจอเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ รวมถึงได้รู้จักกับผู้เฒ่าหั่ว อีกาทองคำ 3 ขา จนได้เรียนรู้ถึงหนทางกลับโลก…

ทว่าด้วยเงื่อนไขในการย้อนกลับมายังโลกสำหรับเขาในตอนนั้นมันสูงเกินไป! กระทั่งต่อให้จะย้อนกลับมายังโลกได้แต่เผลอๆอาจจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันปี…!!

แล้วตอนนั้นนายหน้าของเขายังจะมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?

คำตอบคือไม่แน่นอน!

ด้วยเหตุนี้ถึงในตอนนั้นเขาจะรู้ว่ามีหนทางกลับโลก แต่เรื่องจะกลับมาล้างแค้นนายหน้าในชีวิตก่อน เขาก็รู้ว่ามันยากเกินกว่าจะเป็นไปได้…

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเก็บเรื่องของนายหน้าคนนั้นมาใส่ใจอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม

ตั้งแต่ที่ได้เข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ และรู้ว่าการหวนกลับมายังโลกไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร อีกทั้งจากเวลาที่เขาตกตายลงเมื่อชีวิตที่แล้วก็ยังพึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น! จึงหมายความว่า…หากไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรสิบในสิบนายหน้าของเขาสมควรยังมีชีวิตอยู่แน่!!

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวใจส่วนหนึ่งที่ตายไปแล้วของเขา ก็เสมือนหวนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!

กระทั่งการล้างแค้นนายหน้าในชีวิตที่แล้วยังกลายเป็นสิ่งที่เขาหมกมุ่นโดยไม่รู้ตัว! สุดท้ายจึงเมล็ดพันธุ์แห่งความคลางแคลงหนึ่งในใจ!!

เมล็ดพันธุ์แห่งความคลางแคลงที่ว่า ค่อยๆหยั่งรากลึกทั้งแตกหน่องอกเงยในใจต้วนหลิงเทียนอย่างช้าๆ…

แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทันได้ตระหนักถึงเรื่องนี้แต่แรก!

จนกระทั่ง อวิ๋นชิงเหยียนปรากฏตัวขึ้น และใช้ครอบครัวทั้งมิตรสหายเขาเพื่อบีบบังคับเค่อเอ๋อให้จากเขาไป…

ตอนนั้นสติเขาไม่อยู่กับร่องกับรอยยังแค้นจนแทบคลั่ง! หมายยกระดับพลังฝีมือตัวเองให้เร็วที่สุด!!

แต่ในที่สุดเขาก็พบว่า…

ความเกลียดชังในอดีต…เมล็ดพันธุ์แห่งความคลางแคลงที่หยั่งรากลึกลงในใจเขานั้น มิคาดได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความก้าวหน้าเขา…!!

ในใจเขารู้สึกเสมือนมีบางอย่างค้างคา ทำให้พะวงจนไม่อาจปล่อยวาง…จึงยากที่จะก้าวหน้าต่อไปได้!

และสาเหตุนี้ทำให้ใจเขาไม่อาจเข้าสู่ความสงบ ถึงขั้นยากจะตีความเวทย์พลัง 13 กระบี่บงกชฟ้า! สุดท้ายจึงยังไม่มีความก้าวหน้าใดๆ…

ไม่ใช่เพราะเขาพบเจอจุดรอคอยอะไร ทั้งหมดเป็นเพราะความค้างคาใจล้วนๆ!

ส่วนอีกเรื่องนั้นแม้ว่าเค่อเอ๋อกับครอบครัวและสหายของเขาจะถูกพรากจากไป ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดไม่ยินยอมและหนักหนาสาหัสกว่าเรื่องเมื่อชาติที่แล้วมากมายนัก

แต่เขาสามารถฝังเรื่องราวนี้เอาไว้ในใจเพื่อระงับความเจ็บปวดไว้ชั่วคราว! และตัดใจไม่คิดจะยึดติดอะไรกับมันในตอนนี้ได้…!!

นั่นเพราะเขารู้ตัวดีว่าอาศัยพลังฝีมือของเขาตอนนี้มันไกลห่างจากการจะคิดถึงเรื่องช่วยครอบครัว,สหาย และเค่อเอ๋อจากเงื้อมมือตัวตนอย่างอวิ๋นชิงเหยียนได้…เขาไม่มีพลังมากพอจะทำเรื่องนี้!

สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือเฝ้ารอให้พลังเซียนอมตะจากระนาบเทวโลก สาดส่องลงมาฉุดดึงเขาขึ้นสู่สววรรค์…

มีเพียงแต่ขึ้นไปยังแดนสวรรค์แล้วเท่านั้น เขาถึงจะได้รู้เสียทีว่าดินแดนแห่งทวยเทพที่เค่อเอ๋อพูดถึงมันอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นจะได้กำหนดแนวทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่อไป

ก่อนที่เขาจะขึ้นไปยังแดนสวรรค์ มีเพียงแต่ยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พอจะยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง ในใจเขากลับไม่อาจปล่อยวางเรื่องเมื่อชีวิตที่แล้วได้ ความเกลียดชังและความเคียดแค้นที่มีต่อนายหน้าคนนั้น ได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการยกระดับพลังฝีมือของเขาเสียแล้ว…

หากคิดจะยกระดับตัวเอง มีแต่ต้องขจัดเรื่องค้างคาในใจไปให้หมดเสียก่อน

ดังนั้นเขาจึงรีบออกจากระนาบเซียนเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ เพื่อมายังระนาบเหยียนหวง และมายังโลกใบนี้โดยเร็วที่สุด

หากนายหน้าในชีวิตที่แล้วของเขายังไม่ตาย ถึงแม้ตอนนี้เขาจะขึ้นสวรรค์ไป หากแต่ความค้างคาในใจของเขาก็ยังจะคงอยู่ไม่หายไปไหน!

เพราะเขาจะเผลอคิดไปโดยไม่รู้ตัวทุกครั้ง ว่าทำไมไม่ฆ่ามันเสียก่อนจะขึ้นสวรรค์!

และนั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับการยกระดับพัฒนาของเขาในภายภาคหน้า!

เช่นนั้นแล้วก่อนที่จะขึ้นไปยังแดนสวรรค์ เขาต้องฆ่านายหน้าเมื่อชีวิตที่แล้ว! ขจัดเงามืดที่ค้างคาในส่วนลึกของใจให้สิ้นซาก!!

‘แต่…ดูเหมือนเจ้าไม่เพียงแต่จะยังอยู่เท่านั้น ยังได้ใช้ชีวิตดีดีอีกด้วยสินะ…’

ในขณะที่สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนได้เพ่งเล็งไปยังร่างนายหน้าเมื่อชีวิตก่อน

เขาก็พบทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังนอนเอนกายบนเก้าอี้เอนสุดหรูในสวนลอยฟ้างดงามบนเรือสำราญที่แลดูหรูหรามีระดับ กินลมชมวิวอย่างสบายอารมณ์กลางทะเล…

ซ้ายขวาประกบไว้ด้วยสาวงามในชุดบีกินี่ 3 คน

สาวงาม 2 คนอันมีรูปร่างทรวดทรงองค์เอวเย้ายวน ต่างกำลังนวดเฟ้นไปที่ขาซ้ายและขาขวาคนละข้าง ส่วนสาวงามอีกคน ก็กำลังป้อนองุ่นที่บรรจงแกะเปลือกให้อย่างพิถีพิถันอย่างเอาอกเอาใจ

สาวงามทั้ง 3 นั้น คนหนึ่งมีผมสีทอง หนึ่งสีน้ำตาล และอีกหนึ่งดำขลับ และด้วยหน้าตาอันมีเอกลักษณ์เห็นได้ชัดว่าพวกนางน่าจะมีสัญชาติแตกต่างกัน

‘แต่…ตอนนี้ในเมื่อข้ากลับมาแล้ว คืนวันอันดีของแกก็ถึงกาลอวสาน!’

พร้อมกันกับที่สองตาทอประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ร่างต้วนหลิงเทียนก็กระพริบวาบราวกับจะอันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า ทำให้ถังเซี่ยวเซี่ยวที่ลอยอยู่ข้างๆไม่อาจตอบสนองได้ทัน…

“เอ๋า! เจ้านั่น…มันหายไปไหนอีกแล้วเล่า!?”

ถังเซี่ยวเซี่ยวอดไม้ได้ที่จะผงะไปอีกครั้ง

ตั้งแต่มาถึงดาวเหยียนหวง นางรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนทำตัวแปลกๆเล็กน้อย แต่นางก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันแปลกที่ตรงไหนกันแน่…

ถึงแม้ว่าโลกในปัจจุบันจะยีงคงมีประเทศใหญ่ๆอยู่หลายประเทศ รวมถึงประเทศ ‘จีน’ ที่เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่

(ฮัวกั๋ว ขอใช้ ‘จีน’ ไปเลยนะ..)

อย่างไรก็ตามนอกจากจีนแล้ว ประเทศใหญ่ๆอีกหลายประเทศที่เหลือล้วนถูกองค์กรนักรบเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังอย่างหัตถ์มารแทรกแทรงทั้งสิ้น!

มีเพียงจีนเท่านั้นที่ยังปกครองตัวเองโดยสมบูรณ์ เรื่องนี้บอกให้รู้ว่าตอนนี้จีนคือประเทศที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจที่สุดในโลก!

และทั้งหมดนี้ไม่เพียงเพราะรากฐานอันแข็งแกร่งของจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่านั้น ยังเพราะความเปลี่ยนแปลงดั่ง ‘ห้วงนิพพาน’ ที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนของโลก ทำให้มีนักสู้ที่ทรงพลังถือกำเนิดขึ้นมากมาย

และนักสู้ที่ทรงพลังเหล่านั้นก็ถูกรัฐบาลจีนจ้างงานได้สำเร็จ ด้วยภายใต้การกระทำตามคำสั่งอย่างเป็นระบบ ทำให้ความแข็งแกร่งของจีนพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นแนวหน้าของโลก!

และตอนนี้ในโลกก็มีสององค์กรที่ถือเป็น องค์กรที่มีความแข็งแกร่งสูงสุด!

หนึ่งในองค์กรระดับสุดยอดก็คือ ‘องค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวง’ ซึ่งมีภารกิจหลักในการปกป้องมาตุภูมิอันเป็นประเทศจีน และอีกองค์กรหนึ่งก็คือ ‘หัตถ์มาร ที่ไม่ขึ้นตรงกับมหาอำนาจใดในโลก แต่ได้แผ่มือมืดไปแทรกแทรง สร้างอิทธิพลไปทั่วทั้งโลก!

สมาชิกองค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวงนั้น เป็นคนจีนล้วน

ส่วนสมาชิกองค์กรหัตถ์มารนั้น มีชาวจีนเพียงไม่กี่คน ส่วนที่เหลือล้วนเป็นชาวต่างชาติที่ไม่ใช่คนจีน

และมีเพียงไม่กี่คนในองค์กรเท่านั้นที่รู้ดี ว่าผู้นำสูงสุดของหัตถ์มาร…ก็คือชาวจีนแท้ๆ!

ผู้นำองค์กรหัตมารที่ว่า หรือ ‘ตู้เวย’ ก็คือชายที่กำลังนอนพักร้อนอย่างสบายอารมณ์บนเรือสำราญสุดหรูนี้เอง!

รอบกายของมันรายล้อมไปด้วยสาวงามรูปร่างสุดเย้าย้วนกระตุกจิตกระชากใจจากประเทศต่างๆ…

เรียกว่าสาวงามทั้ง 3 นี้ได้ถูกลูกน้องของมันคัดแล้วคัดอีก เลือกเฟ้นแต่สาวงามระดับแนวหน้าของประเทศต่างๆมาคอยปรนนิบัติพัดวีมันอย่างดี…

“ท่านผู้นำ ดิฉันได้ยินมาว่าเมื่อเดือนที่แล้วท่านเกือบเอาชนะผู้นำจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวง ‘หลงเจิ้นกั๋ว’ มือหนึ่งของจีนได้…จริงรึเปล่าคะ?”

สตรีผมสีทองมากเสน่ห์เย้ายวนในชุดบีกินี่ที่แทบไม่อาจประคองหนั่นเนื้อหน้าใจทั้งก้นงอนอวบคู่ใหญ่ได้ไหว กล่าวถามออกมาด้วยภาษาจีนกลางอย่างคล่องแคล่วขณะป้อนองุ่นให้ ตู้เวย ผู้นำองค์กรหัตถ์มารที่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดปรับเอนอย่างหรู…

เปี๊ยะ!

ตู้เวยยกมือขึ้นตบไปยังแก้มก้นสะบึมของสาวผมทองถนัดถนี่ ค่อยหยีตามองสาวผมทองด้วยสายตาขุ่นขึ้งเล็กน้อย พลางกล่าวออกอย่างไม่ค่อยยจะพอใจสักเท่าไหร่ว่า “สาวน้อย นับว่าหูตาว่องไวไม่น้อยเลยนี่…ก็ใช่ เมื่อเดือนที่แล้วผู้นำคนนี้ปะทะกับหลงเจิ้นกั๋วจริง และเกือบจะเอาสชนะมันได้อยู่แล้ว!”

“แต่ว่า…”

พูดถึงจุดนี้ ตู้เวยก็หยุดไปพักหนึ่ง จากนั้นสองตาก็ทอประกายขึ้นมาสว่างจ้าทำราวกับแปรเปลี่ยนเป็นดวงตะวันร้อนพร้อมแผดเผาสรรพสิ่งในพริบตา “ขอเวลาแค่ปีเดียว…ต่อไปหลงเจิ้นกั๋วนั่น มันไม่พอมือข้าแน่!”

“ปีเดียว…ขอแค่ปีเดียวเท่านั้น ‘มวยจิต ของข้าจะก่อเกิดกำลังภายใน! ถึงตอนนั้นข้าจะบรรลุมวยจิตถึงขั้นปรมาจารย์!!”

วาจาประโยคท้ายของตู้เวยนั้นแฝงความเร่งร้อนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันกำลังตื่นเต้นมาก

“ท่านผู้นำคะ หนูเคยได้ยินมาว่าเหตุผลที่ท่านสามารถก้าวขึ้นมาโดดเด่นเหนือนักสู้ระดับสูงทั้งหลายเป็นเพราะ มวยจิต…แต่หนูไม่รู้เลยว่าท่านไปฝึกมวยจิตมาจากที่ไหน? เพราะเท่าที่ทราบมาเหมือนมวยจิตที่แพร่กันอยู่ในโลกตอนนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นฉบับไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้นนี่คะ”

สาวงามผมสีดำขลับที่กำลังนวดเฟ้นขาซ้ายของตู้เวย เงยหน้าขึ้นมามองตู้เวยค่อยกล่าวถามออกมา “และพอหนูมาได้ยินที่ท่านผู้นำพูดเมื่อกี้ว่ามวยจิตของท่านถึงกับก่อเกิดกำลังภายในได้…นั่นหมายความว่ามวยจิตที่ท่านฝึกต้องเป็นฉบับสมบูรณ์เท่านั้น เพราะมีแต่มวยจิตฉบับสมบูรณ์ถึงจะทำให้ท่านบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์กำลังภายใน!”

“โฮ่…นังหนูคนนี้ นับว่ารู้มากไม่เบาเลยนี่นา…”

ตู้เวยหยีตามองสาวผมดำ พลางกล่าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “อย่างที่พวกเธอคิดนั่นล่ะ…มวยจิตที่ข้าฝึกก็คือมวยจิตฉบับสมบูรณ์หนึ่งเดียวในโลก! และกล่าวได้เลยว่าตอนนี้ทั้งโลกมีข้าแค่คนเดียวเท่านั้นที่เชี่ยวชาญฉบับสมบูรณ์!!”

วาจาประโยคท้าย สีหน้าท่าทีของตู้เวยเผยความหยิ่งผยองลำพองไม่น้อย

เมื่อโลกบังเกิดความเปลี่ยนแปลงดั่งห้วงนิพพาน ตู้เวยได้ฉกฉวยยุคสมัยได้สำเร็จ! และมันยังเป็นคนกลุ่มแรกๆที่ได้กินยาพันธุกรรม! กอปรทั้งได้รับความช่วยเหลือจากมวยจิต ทำให้มันทำลายขีดจำกัดร่างกายได้หลายครั้ง สุดท้ายจึยกระดับจิตวิญญาณให้บรรลุถึงขีดสุด กลายเป็นยอดนักสู้ที่แข็งแกร่งระดับแนวหน้าของนักรบเหนือธรรมชาติทั้งมวล!!

และอันที่จริงในบรรดานักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดชุดแรก มันยังเป็นผู้ที่เรียกว่าแข็งแกร่งที่สุด!

นอกจากนี้ด้วยเพราะมันฝึกฝนมวยจิต ดังนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของมันยังถือว่าโดดเด่นในกลุ่มนักรบเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภายหลังอีกด้วย!

เดิมทีตอนนั้นมันคิดว่า มันจะได้กุมอำนาจมหายักษ์ใหญ่อย่างจีนได้แน่นอนแล้ว!

แต่ไม่คิดเลยว่าในจีน ยังมีตัวตนที่สามารถรับมือมันได้อยู่อีกคน…

คนผู้นั้นก็คือ หลงเจิ้นกั๋ว!

หลงเจิ้นกั๋วนั้น มาจากตระกูลหลงที่สืบทอดกันมาตตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าหน่วยลับของประเทศจีนอีกด้วย

หลังจากที่หลงเจิ้นกั๋วกลายเป็นนักรบเหนือธรรมชาติ มันก็เริ่มพิชิตนักสู้ระดับแนวหน้าทั้งประเทศจีน สุดท้ายก็ได้ก่อตั้งองค์กรนักสู้ของจีนอันเรียกว่า จิตวิญญาณแห่งเหยียนหวง ขึ้นมา เพื่อปกปักษ์รับใช้ประเทศจีน…

และดั่งคำกล่าวที่ว่า หนึ่งภู..มิอาจรองรับสองพยัคฆ์!

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวตู้เวยที่ไม่เต็มใจแบ่งปันอำนาจและตกเป็นเบี้ยล่างใคร จึงได้หอบความทะเยอทะยานอันสูงส่งของมันออกจากประเทศจีน และไปก่อตั้งองค์กรหัตถ์มารขึ้นในต่างแดน…

ต่อมาองค์กรหัตถ์มารของมันก็ได้รวบรวมนักสู้ยอดฝีมือจากทั่วทุกมุมโลก จนในที่สุดก็กลายเป็นองค์กรเดียวในโลก ที่มีพลังอำนาจทัดทานองค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวงของจีนได้!

“ท่านผู้นำ…แล้วท่านเรียนมวยจิตฉบับสมบูรณ์ของท่านมาจากที่ไหนเหรอคะ?”

สาวงามในผมสีดำขลับกล่าวถามออกมาอีกครั้ง สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นถึงขีดสุด

“มวยจิตฉบับสมบูรณ์ที่ว่า…ข้าเรียนมาจาก ‘ผีอาภัพ’ ตัวหนึ่งน่ะ…”

(ผีอาภัพในที่นี้ ก็ทำนองว่า คนดวงซวย, ตัวซวย/ ขอแปลตรงๆนะพอดีชอบคำว่าผีอาภัพ, ผีโง่งม, ผีหิวโหยอะไรเป็นพิเศษ)

ตู้เวยกล่าวออกเสียงเบา

..

อย่างไรก็ตามตู้เวยไม่ได้รู้เลย…ว่าขณะที่มันพูดเรื่องนี้ สูงขึ้นไปบนน่านฟ้าเหนือเรือสำราญสุดหรู ปรากฏร่างหนึ่งกำลังถลึงตามองจ้องมันอยู่ด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว!

คนๆนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง

สาเหตุที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่นี่ก็เพราะว่า…

นายหน้าเมื่อชีวิตที่แล้วของเขา กำลังนอนเอนกายอย่าสบายอารมณ์บนเรือสำราญสุดหรูที่ว่าใต้เท้าเขานั่นเอง

ตู้เวย ผู้นำองค์กรหัตถ์มาร หนึ่งในสององค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนนี้…ก็คือนายหน้าเมื่อชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียน!!