ตอนที่ 297-1 ฉีกอกท่านเขย (1)
จีเหล่าฮูหยินเรียกตัวท่านเขยและจีซวงมาที่เรือนลั่วเหมย ตาของจีซวงบวมช้ำ ปลายจมูกออกแดง เห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นหนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด สามจะแขวนคอ นับว่าควบคุมตัวเองได้ดี
นางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเฉยชา ท่านเขยฉินยืนอยู่ข้างนาง ยื่นมือไปจะจับแต่นางก็สะบัดออกอย่างไม่เกรงใจ
ท่านเขยฉินได้แต่ทำหน้าม่อย
จีเหล่าฮูหยินนวดขมับที่ปวดหนึบ ขาข้างหนึ่งของนางก้าวเข้าไปยังปรโลกแล้ว หลังจากผ่านมากว่าครึ่งชีวิต นางไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ บุตรสาวที่ตนรักและเอ็นดูมาตั้งแต่เล็กจนโต เลี้ยงดูทะนุถนอมมาราวกับแก้วมีค่าจนไม่อยากให้แต่งงานออกไปจนยอมให้นางรั้งอยู่ในตระกูล แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายแล้วต้องมาถูกคนย่ำยีจิตใจเช่นนี้ คนเป็นแม่อย่างนางย่อมปวดใจยิ่ง!
“ท่านเขย!” นางมองหน้าท่านเขยฉินอย่างดุดัน มือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจับที่เท้าแขนเก้าอี้ไว้แน่น เพราะออกแรงมากเกินไปจึงเห็นเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมา
ฉินปิงอวี่ถูกสายตาของแม่ยายมองจนต้องก้มหน้าลง “ท่านแม่”
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยด้วยความปวดใจว่า “เจ้ายังมีหน้ามาเรียกข้าว่าแม่อีกหรือ เจ้าลืมไปนานแล้วว่าข้าเป็นแม่เจ้าใช่หรือไม่”
ท่านเขยฉินรีบบอกว่า “ท่านแม่ ท่านเป็นแม่ข้าตลอดไป แม่บังเกิดเกล้า!”
จีเหล่าฮูหยินชี้หน้าเขา แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นสะท้าน “แม่บังเกิดเกล้า? ถ้าเช่นนี้นี่คือสิ่งที่เจ้ากระทำต่อลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของแม่บังเกิดเกล้างั้นหรือ!”
ท่านเขยฉินพูดไม่ออก
จีเหล่าฮูหยินตบหน้าอกเอ่ยว่า “ชาติที่แล้วข้าทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้ สตรีที่ลูกชายแต่งงานด้วยเป็นเช่นนั้น บุรุษที่ลูกสาวแต่งงานด้วยก็เป็นเช่นนี้ แต่ละคนอ่านคนไม่ขาดกันทั้งนั้น เพราะคนเป็นแม่อย่างข้าตาไม่มีแววเอง! ถึงได้ปล่อยให้พวกเจ้าเอาคนเช่นนี้เข้ามาทำร้ายตระกูลจี ทำร้ายลูกๆ ข้า!”
ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยความลำบากใจว่า “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้แล้วจริงๆ ว่าตนเองทำผิด! ข้าไม่ได้ตั้งใจ…ข้าเพียงแค่หลงผิดไปชั่วขณะ…”
จีเหล่าฮูหยินตบโต๊ะทันที “หลงผิดไปชั่วขณะแต่กระทั่งลูกก็มีออกมาแล้วเนี่ยนะ!”
คุณชายห้าเพิ่งอายุได้สองเดือน เด็กคนนั้นกลับใกล้จะสองขวบแล้ว ข้อห้ามที่สุดของตระกูลใหญ่ทั้งหลายก็คือการที่บุตรชายสายหลักมีพี่ชายเป็นบุตรชายสายรองกดหัวอยู่ด้านบน นี่ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน บุตรชายที่จีซวงเฝ้ารอมาสิบกว่าปี กลายเป็นว่าออกมาก็กลายเป็นบุตรคนรอง (พี่สาวยังไม่เอ่ยถึงก่อน ถึงอย่างไรสุดท้ายก็ต้องแต่งงานออกไป)
ท่านเขยฉินตอบเสียงต่ำว่า “เด็กคนนั้น…เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกข้า…”
จีซวงเดือดดาลขึ้นมาทันที “ไม่ใช่ลูกเจ้า? เจ้าไปได้กับสตรีที่ไม่สะอาดไร้มลทิน! แล้วเจ้ายังเลี้ยงลูกให้นางอีก? เจ้ายังเป็นคนอยู่รึไม่! ยังเป็นคนรึไม่!”
หากเทียบกับการหาสตรีที่ยังไม่ออกเรือนสักคนมาให้กำเนิดบุตรคนโตสายรองแล้ว ที่จีซวงรับไม่ได้ยิ่งกว่าก็คือการที่อีกฝ่ายถึงขั้นเอาสตรีที่แต่งงานแล้วมาเป็นอนุ นางพ่ายแพ้ให้กับสตรีสาวนางหนึ่งยังไม่เท่าไร แต่ในใต้หล้านี้บุรุษคนใดจะนึกพึงใจในสตรีที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์แล้วบ้าง บุรุษของนางจีซวงเลวร้ายมากหรือ ไม่มีสตรีนางใดต้องการเขาแล้วหรือ จำเป็นต้องไปคบหากับสตรีเช่นนี้หรือ
นางพ่ายแพ้ให้กับรองเท้าเน่าๆ ข้างหนึ่ง ช่างน่าหัวร่อยิ่งนัก!
ท่านเขยฉินกึ่งคุกเข่าลงกับพื้น จ้องหน้าจีซวงนิ่ง “ซวงเอ๋อร์ ข้ามันสารเลว ข้ามันไร้ยากอาย เจ้าดีกับข้าเพียงนี้ทั้งยังเลี้ยงดูสั่งสอนบุตรให้ข้า ข้าไม่ควรกระทำตัวเหลวไหลอยู่ข้างนอกลับหลังเจ้าเช่นนี้ แต่เจ้าเชื่อข้านะ ในใจข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวมาตลอด”
จีซวงชี้นิ้วไปทางประตู “มีข้าเพียงคนเดียวแล้วนางนั่นมันเรื่องอะไรกัน หรือขณะที่เจ้าหลับนอนกับสตรีนางอื่น ในใจเจ้าก็คิดถึงข้าไปด้วยงั้นหรือ”
ท่านเขยฉินตอบเสียงต่ำว่า “ข้ากับนางเพิ่งคบหากันได้ไม่เท่าไร คือข้า…”
จีซวงตาแดงก่ำ “เป็นเพราะตอนข้าท้องข้าไม่ให้เจ้าแตะต้องตัวข้าหรือไร ข้าไม่ได้จะให้เถาจือกับเจ้าหรอกหรือ! แต่เจ้ายอมออกไปหากินข้างนอก แต่ไม่แตะต้องคนในบ้าน เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”
ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยความละอายใจว่า “ข้าไม่เคยคิดจะอะไรกับนาง ครั้งนั้นข้า…ก็เป็นเพราะดื่มหนักเกินไป หลังจากนั้นข้ารู้สึกไม่ดี จึงไปดูแลนางเป็นระยะๆ ข้าไปหานางเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เจ้าเชื่อข้านะซวงเอ๋อร์”
จีซวงมองสามีด้วยความเสียใจ “ข้ายังต้องเชื่อเจ้าไปถึงเมื่อไร เจ้าหลอกข้ามามากพอแล้ว…”
ท่านเขยฉินเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าไม่ควรปิดบังเจ้า ข้าควรบอกเจ้าตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่อง ขอให้เจ้าให้อภัยข้า แต่ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะเสียเจ้าไป ข้าถึงได้…”
สายตาจีซวงดูดุดัน “หนึ่งครั้งเรียกพลั้งเผลอ สองครั้งก็เรียกพลั้งเผลอ หรือว่าวันนี้เจ้าก็พลั้งเผลออีกงั้นหรือ วันนี้เจ้าไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยดเลยนะ!”
ท่านเขยฉินจับมือจีซวงไว้แน่น “ซวงเอ๋อร์ข้าผิดไปแล้ว เจ้าให้อภัยข้าเถอะ เจ้าให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง คนที่ข้ารักจริงๆ ก็คือเจ้า ข้าจะไม่ทำอะไรที่หลงผิดอีกแล้ว อันที่จริงข้าคิดจะส่งนางกลับไปตั้งแต่ก่อนที่นางจะเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว เจ้าจำไม่ได้หรือ ข้าบอกว่าข้าจะส่งนางกลับไป แต่เจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าจะรับนางเข้ามาอยู่ในจวน…”
จีซวงยิ้มเยาะอย่างไม่อยากเชื่อ “กล่าวเช่นนี้ก็เป็นความผิดข้าแล้วงั้นสิ”
ท่านเขยฉินรีบบอกเป็นพัลวันว่า “เป็นความผิดข้า ความผิดข้าซวงเอ๋อร์ เจ้าเห็นแก่หว่านอวี๋กับเจ้าห้า ให้อภัยข้าเถอะนะ”
“ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก” จีซวงปัดมือเขาออกอย่างเย็นชาแล้วลุกเดินออกจากห้องไป
ท่านเขยฉินจะตามออกไปแต่ถูกเหล่าฮูหยินเรียกไว้เสียก่อน จีเหล่าฮูหยินเอ่ยเสียงขรึมว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถิด”
สายตาท่านเขยฉินเต็มไปด้วยความสำนักผิด “ท่านแม่ ท่านช่วยข้าพูดกับซวงเอ๋อร์…”
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยเสียงเย็นว่า “ในใจข้ายังมีโทสะสุมทรวงอยู่เลย ช่วยพูดกับนางให้เจ้า แล้วใครจะมาเกลี้ยกล่อมข้าเล่า!”
ท่านเขยฉินพูดไม่ออก
จีเหล่าฮูหยินให้คนส่งตัวเขาออกจากเรือนลั่วเหมย เวลานี้นางรำคาญบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก นางรังแกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเช่นนี้ หากเป็นนางเมื่อหลายปีก่อนคงได้ตีเขาตายไปแล้ว!
ตกดึก เรือนถงกับเรือนรองก็ได้ทราบข่าวนี้เช่นกัน จีซั่งชิงกับจีเซิ่งไปที่ห้องของท่านเขยฉิน ส่วนหลี่ซื่อมาที่เรือนของเหล่าฮูหยิน
จีซวงไม่ได้ร้องห่มร้องไห้ เพียงแค่น้ำตาร่วงเผาะอยู่เงียบๆ
จีเหล่าฮูหยินเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก
หลี่ซื่อถอนหายใจบอกว่า “เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ ข้าดูว่าท่านเขยฉินไม่ใช่คนเช่นนั้นเสียหน่อย…”
ก็ใช่น่ะสิ ท่านเขยฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมากับจีเซิ่งและนายท่านสาม เขาเป็นคนเช่นไรนายท่านทั้งสองต่างเห็นกันดี ไม่ใช่คนปลิ้นปล้อนเสียหน่อย หรือว่านายท่านทั้งสองตั้งใจหาสามีใจทรามให้จีซวง ทำเช่นนี้แล้วมีผลดีอันใดต่อนายท่านทั้งสองหรือ
เดิมทีคิดว่าเป็นคนที่รู้จักตื้นลึกหนาบางกันดี ดีกว่าไปแต่งงานกับคนนอกที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามากนัก แต่ใครจะคิดว่าเขาจะเจ้าชู้ประตูดินเพียงนี้!
จีซวงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ออกมาเช็ดน้ำตา
หลี่ซึ่งจึงเอ่ยว่า “ซวงเอ๋อร์อย่าเพิ่งเอาแต่ร้องไห้ คิดก่อนดีกว่าว่าจะทำเช่นไร ตามปกติแล้วหากเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ คิดจะให้อภัยเขาในเร็ววันคงไม่ได้ แต่เขา…ถึงอย่างไรก็เป็นบิดาของหว่านอวี๋กับเจ้าห้า หากเจ้าทำอะไรเขาจริงๆ จะให้หว่านอวี๋กับเจ้าห้าคิดอย่างไร หว่านอวี๋โตแล้ว คงรับอะไรได้มากกว่า แต่เจ้าห้าเพิ่งออกเดือน เจ้าจะให้เขาโตมาโดยไม่มีบิดาหรือ ชีวิตที่ไม่มีบิดาเป็นเช่นไร เจ้าถามจิ่งอวิ๋นกับวั่งซูดูก็รู้แล้ว”
จีซวงเอ่ยอย่างดื้อดึงว่า “จะเหมือนกันได้อย่างไร พวกเขาสองคนถูกขับออกจากตระกูลไปเติบโตอยู่กลางป่ากลางเขา ส่วนบุตรของข้าคลอดออกมาเป็นที่รักของตระกูลจี! ตระกูลจีจะรังแกเขาหรือ”
หลี่ซื่อพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผล พวกเรามีกันตั้งมากเพียงนี้ แต่ละคนก็เอ็นดูหว่านอวี๋เอ็นดูเจ้าห้ากันทั้งนั้น คิดแล้วพวกเขาคงจะเติบโตมาอย่างราบรื่นมีความสุข! ดังนั้นเจ้าจึงจะบอกว่า…จะไม่ใช้ชีวิตคู่กับท่านเขยแล้วใช่รึไม่”
จีซวงสูดน้ำมูก “หากเป็นเจ้า เจ้าจะใช้ชีวิตกับพี่รองต่อหรือไม่”
หลี่ซื่อตอบยิ้มๆ ว่า “หากข้าไม่ใช้ชีวิตกับพี่รองเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าหรูเย่ว์จะเกิดมาได้อย่างไร ดีร้ายอย่างไรถงเกอร์ก็ไม่ใช่บุตรโดยแท้จริงของท่านเขย แต่หรูเย่ว์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่รองเจ้ามาตั้งแต่ต้น หลายปีนี้ข้าดูแลนาง ก็ผ่านมาได้มิใช่หรือ”
“พี่สะใภ้รอง…” จีซวงไม่เคยรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อะไร จีหรูเย่ว์ก็เป็นบุตรของพี่รองนางเหมือนกัน หากพี่สะใภ้รองของนางดูแลหรูเย่ว์ไม่เต็มที่ ในใจนางก็ยังรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนพี่รอง แต่เวลานี้นางเองก็เกือบจะมีบุตรสายรองขึ้นมากับเขาคนหนึ่งบ้างแล้ว ถึงนับว่าได้เข้าใจเสียทีว่าหลายปีนี้พี่สะใภ้รองของนางก็ผ่านมาไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน
หลี่ซื่อบอกว่า “หากเจ้าทำใจแข็งไม่ใช้ชีวิตคู่กับท่านเขยต่อไป ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า แต่ข้าอยากเตือนเจ้าไว้ว่าท่านเขยเป็นคนไม่ใช่เทพเซียน เมื่อเป็นคนก็ย่อมมีพลั้งพลาด เขาแค่เพียงพลั้งพลาดในเรื่องที่บุรุษทั้งใต้หล้าจะพลั้งพลาดกันได้ทั้งสิ้น ไม่ได้ไปฆ่าไปแกงใคร ไม่ได้ไปเผาบ้านเผาเมืองใคร หากเจ้าไล่ตะเพิดเขาออกไปด้วยเรื่องนี้ จะไม่คุ้มค่ากันเกินไปหรือไม่”
จีซวงกัดฟันเอ่ยว่า “เวลานี้ข้าเห็นหน้าเขาเป็นต้องมีโทสะขึ้นมาทุกที! ข้าแทบอยากจะเอามีดมาฆ่าเขาให้ตายเลยด้วยซ้ำ! แล้วข้าจะอยู่กับเขาต่อไปได้อย่างไร”
หลี่ซื่อเอ่ยด้วยความหนักใจว่า “เวลานี้เจ้ากำลังโกรธ ไว้รอเจ้าหายโกรธแล้วก็คงไม่คิดเช่นนี้ ตอนพี่รองของเจ้ายกอนุคนแรกขึ้นมา ในใจข้าไม่รู้เดือดดาลกว่าเจ้ามากเท่าไร ที่ข้าอดทนไว้ก็เพื่อนายท่านรอง ตอนเขายกอนุคนที่สองขึ้นมาข้าก็ชาชินเสียแล้ว หลังจากนั้นเขาอยากจะซุกซนอย่างไรก็แล้วแต่เขา ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ว่ายังกลับบ้านมาแต่โดยดีหรอกหรือ ช่วงเทศกาลต้องกลับบ้านเดิมไปพร้อมข้า ไม่ได้อยู่กับสตรีเหล่านั้น บุตรชายของข้าจามทีหนึ่งเขาเป็นต้องอนาทรร้อนใจไปหลายวัน สิ่งเหล่านี้คืออะไร นี่ต่างหากที่เรียกว่าเลือดเนื้อเชื้อไข เป้าหมายในชีวิตสตรีคืออะไร หือ? บุรุษ? เงินทอง? ทายาทสืบสกุล? เจ้าเลี้ยงแมวตัวหนึ่งมันยังขโมยของกินเจ้าเลย นับประสาอะไรกับคน เจ้าลองคิดดูว่ายามปกติท่านเขยปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร หากเขาปรับปรุงตัวเองแล้วจริงๆ เจ้าไม่คิดจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้งเลยหรือ”
จีซวงคิดถึงช่วงเวลาที่หวานซึ้งแล้วก็ให้รู้สึกปวดหนึบในใจ
คำพูดบางคำของหลี่ซื่อ อันที่จริงจะเอ่ยต่อหน้าเหล่าฮูหยินอาจจะดูไม่เหมาะสมสักหน่อย แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ใครจะสนใจอะไรได้มากเพียงนั้นอีก
จีเหล่าฮูหยินถอนหายใจยาวเหยียด อีตาแซ่ฉินกระทำเรื่องเช่นนี้ จะใช้แส้เฆี่ยนเอาเกลือทาก็ไม่นับว่ามากเกินไป แต่ที่หลี่ซื่อกล่าวนั้นถูกต้อง ความผิดที่เขากระทำเป็นความผิดที่บุรุษทั้งใต้หล้าล้วนกระทำกันทั้งสิ้น การจะให้เด็กทั้งสองเสียบิดาไปด้วยเรื่องเช่นนี้ นับว่าไม่ยุติธรรมกับเด็กทั้งสองคนสักเท่าไร
อีกอย่างหากลองถอยออกมาก้าวหนึ่ง ท่านเขยฉินก็ดีกับจีซวงมากจริงๆ จีซวงนิสัยเอาแต่ใจ กระทั่งคนเป็นแม่อย่างนางบางครั้งยังรู้สึกเหลือรับ ไม่ง่ายเลยที่ท่านเขยฉินจะปฏิบัติต่อนางราวกับวันแรก เอ็นดูเอาใจนางราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
หากหย่าขาดกับท่านเขยฉินไป แล้วจะไปหาบุรุษที่ตามใจนางเพียงนี้มาจากที่ไหนอีก ต่อให้หาได้ แต่จะรับประกันได้หรือว่าคนผู้นั้นจะไม่กระทำผิดอยากที่ท่านเขยฉินกระทำอีก
…