ตอนที่ 1217 ลำบากแล้ว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1217 ลำบากแล้ว

แม้ซากศพนอกเมืองเจียงจือจะถูกเก็บกวาดเรียบร้อยภายในหนึ่งคืน ทว่า ต้าโจวไม่สามารถกำจัดกลิ่นคาวเลือดที่ลอยเข้าไปในเมืองและดินที่เปื้อนเลือดนอกเมืองเจียงจือได้ ตอนนี้นอกเมืองยังเต็มไปด้วยสีแดงคล้ำเป็นจุดๆ

หลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่าพากองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนขี่ม้ามุ่งหน้าไปทางเมืองเจียงจือท่ามกลางแสงอรุณแรกของวันที่สาดส่องขึ้นทางทิศตะวันออกของท้องฟ้า ด้านหลังของกองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนคือทหารเชลยของซีเหลียง

ทหารหน่วยลาดตระเวนบนกำแพงเมืองมองเห็นธงของแคว้นต้าโจวและต้าเยี่ยนจึงตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “กลับมาแล้ว…ท่านแม่ทัพและกองทัพเสริมของต้าเยี่ยนกลับมาแล้ว! พวกเขาจับเชลยกลับมาด้วย!”

ทหารต้าโจวมองไปทางเบื้องหน้าพลางตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ พวกเขาหวังว่าหลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่าจะสามารถจับเป็นแม่ทัพชราชุยซานจงกลับมาได้ เช่นนี้จึงจะทำให้กองทัพซีเหลียงเสียขวัญ เมื่อข่าวนี้ส่งไปถึงด่านหน้ากองทัพต้าโจวของพวกเขาต้องมีกำลังใจต่อสู้มากกว่าเดิมแน่นอน

ตู้ซานเป่าใช้ผ้าหยาบพันบาดแผลที่แขนของตัวเองไว้อย่างลวกๆ บริเวณด้านหน้าเสื้อเกราะมีลูกธนูที่ถูกหักออกไปครึ่งหนึ่งปักอยู่

แม้ตู้ซานเป่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ทว่า เขาได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังหลายแห่ง เขาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดและหงุดหงิดใจ

เดิมทีเขาอยากจับแม่ทัพชราชุยซานจงกลับมาเพื่อสร้างความดีความชอบชดเชยความผิดที่ทำไป ทว่า สุดท้ายก็จับไม่ได้ ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าควรเผชิญหน้ากับฝ่าบาทเช่นไร

หลิ่วผิงเกาหันไปใช้แส้ม้าเคาะลงบนหมวกของตู้ซานเป่าซึ่งอยู่ทางด้านหลังเขาพลางเอ็ดเขาเบาๆ “ตั้งสติหน่อย!”

ตู้ซานเป่าขยับหมวกเกราะที่ถูกหลิ่วผิงเกาเคาะให้เข้าที่อยู่บนหลังม้า เขาไม่ได้สนใจคำกล่าวของหลิ่วผิงเกาแม้แต่น้อย

ครั้งนี้ตู้ซานเป่าพาทหารออกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงโดยพลการจนซีเหลียงยกทัพบุกมาโจมตีต้าโจวก่อนเวลาที่กำหนด ตู้ซานเป่ารู้สึกเข็ดแล้วจริงๆ

ต่อไปต่อให้มีคนยุให้เขาทำสิ่งใดโดยพลการเขาก็คงไม่กล้าอีกแล้ว

ทุกครั้งที่เขาทำสิ่งใดลงไปโดยพลการแล้วรายงานแม่ทัพหวังสี่ผิงในภายหลังล้วนไม่เคยเกิดปัญหามาก่อน แม่ทัพหวังสี่ผิงจึงไม่เคยลงโทษตู้ซานเป่าสักครั้ง ทว่า กลับชื่นชอบในตัวทหารกล้าอย่างเขามาก แม่ทัพหวังสี่ผิงคอยถือหางตู้ซานเป่ามาโดยตลอดเขาจึงกลายเป็นคนมีนิสัยทำสิ่งใดไม่คิดเช่นนี้

หลิ่วผิงเกาลดความเร็วม้าลงเล็กน้อยเพื่อขี่ม้าเคียงคู่ไปกับตู้ซานเป่า จากนั้นกล่าวขึ้น “กลับไปข้าจะช่วยขอร้องแทนเจ้า จะส่งเจ้าไปยังด่านหน้าเพื่อให้เจ้ามีโอกาสสร้างความดีความชอบชดเชยความผิดที่ทำลงไป ต่อไปห้ามทำสิ่งใดโดยพลการเช่นนี้อีกเข้าใจหรือไม่!”

เมื่อตู้ซานเป่าได้ยินว่าจะถูกส่งไปยังด่านหน้าจึงรีบรับคำทันที “ขอรับ!”

“พวกเรารบชนะกลับมา ทหารทุกคนกำลังดีใจ เจ้าอย่ามัวก้มหน้าทำหน้าเศร้าสร้อยเช่นนี้” หลิ่วผิงเกาเห็นตู้ซานเป่าอารมณ์ดีจนเคยชินแล้ว เมื่อเขาทำหน้าราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบเช่นนี้จึงไม่ชิน “ผู้อื่นไม่รู้จะคิดว่าพวกเรารบพ่ายแพ้ได้”

ตู้ซานเป่ากำบังเหียนม้าแน่นพลางกล่าวขึ้น “เดี๋ยวข้าจะไปคุกเข่าขอขมาฝ่าบาท ท่านแม่ทัพหลิ่วต้องช่วยขอร้องแทนข้านะขอรับ”

“ไปทำแผลที่ค่ายทหารก่อน ฝ่าบาทไม่ชอบทอดพระเนตรเห็นพวกเราบาดเจ็บที่สุด” หลิ่วผิงเกากล่าวกับตู้ซานเป่า “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยขอร้องแทนเจ้าแน่นอน”

ประตูเมืองอยู่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ตู้ซานเป่าพยายามรวบรวมสติขี่ม้าเข้าไปในเมืองพร้อมกับหลิ่วผิงเกาและกองทัพต้าเยี่ยน

ทหารและชาวบ้านในเมืองโห่ร้องด้วยความดีใจที่พวกเขารบชนะทำให้ทุกคนในเมืองรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้

เมื่อเห็นแม่ทัพหวังจินและทหารโบกมือให้พวกเขาอยู่บนกำแพงเมืองตู้ซานเป่าจึงคลี่ยิ้มออกมา เขาโบกมือตอบพวกหวังจิน ทว่า กระตุกโดนแผลของตัวเองจึงต้องสูดปากด้วยความเจ็บปวด

พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า แสงสีทองส่องกระทบหลังคากระเบื้องสีดำจนเปล่งประกาย แสงแดดกระจายไปยังกำแพงเมืองทิศตะวันตก ไม่นานเสาเคลือบน้ำมันสีแดง กระเบื้องและหน้าต่างแกะสลักในเมืองต่างเปล่งประกายเป็นสีทองอร่าม

แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องจนมองเห็นเศษฝุ่นลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ แสงส่องผ่านเตียงไม้แกะสลักงดงามกระทบลงบนหน้าผากและดวงตาของหญิงสาวที่กำลังนั่งหลับอยู่บนที่วางเท้าไม้ข้างเตียง

เมื่อดวงตาสัมผัสถูกแสงขนตาของไป๋ชิงเหยียนจึงกะพริบเล็กน้อย นางอยากลืมตาขึ้น ทว่า ดวงตาของนางหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ไหว นางเหมือนจะเห็นเซียวหรงเหยี่ยนในความฝันที่เลือนรางจึงรีบลืมตาตื่นขึ้นทันที เมื่อได้สติก็รีบเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเซียวหรงเหยี่ยน

ตัวของชายหนุ่มไม่ได้ร้อนเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว ในที่สุดไข้ก็ลดลงเสียที

ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้จึงเพิ่งรู้สึกว่านางนั่งอยู่เช่นนี้ทั้งคืนจนขาชาไปหมดแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนใช้สองมือจับขอบเตียงพลางเอ่ยเรียก “ชุนจือ…”

เว่ยจงที่เฝ้าอยู่นอกห้องรีบเดินเข้ามาด้านใน “ฝ่าบาท แม่นางชุนจือเฝ้าฝ่าบาทมาทั้งคืนแล้วเพิ่งกลับไปพักผ่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ขาของข้าชาหมดแล้ว ช่วยประคองข้าลุกขึ้นที…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ตอนนี้ท้องของไป๋ชิงเหยียนใหญ่ขึ้นมากแล้ว นางไม่กล้าประมาทลุกขึ้นเอง

เว่ยจงได้ยินจึงเดินอ้อมฉากกั้นเข้ามาด้านใน เขาแหวกม่านเดินเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้น จากนั้นกล่าว “ฝ่าบาทจะเสวยน้ำแกงไก่สักนิดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวให้โรงครัวอุ่นรอไว้ตลอด บ่าวจะนำมาป้อนท่านอ๋องเก้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงไม่ได้บอกว่าเยว่สือมารอปรนนิบัติเซียวหรงเหยี่ยนที่เรือนตั้งแต่เช้า ทว่า ถูกเขาเกลี้ยกล่อมให้กลับไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพักอยู่ที่เรือนติดกับไป๋ชิงเหยียน หากเยว่สืออยู่ที่นี่อาจทำให้ผู้อื่นจับพิรุธได้

เยว่สือเห็นด้วยกับคำกล่าวของเว่ยจงจึงเดินก้มหน้ากลับไปยังเรือนของตัวเองทันที

ไป๋ชิงเหยียนกำลังจะเอ่ยบอกว่าป้อนเซียวหรงเหยี่ยนคนเดียวก็พอก็รู้สึกว่าเด็กในท้องดิ้นเล็กน้อย หญิงสาวก้มหน้าลูบหน้าท้องของตัวเองเบาๆ พลางพยักหน้า “ได้ พวกหลิ่วผิงเกากลับมาแล้วหรือไม่”

“เพิ่งกลับเข้ามาในเมืองพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจับเชลยซีเหลียงได้ไม่น้อย ทว่า จับแม่ทัพชราชุยซานจงกลับมาไม่ได้ แม่ทัพหลิ่วจะมารายงานรายละเอียดให้ฝ่าบาททราบเมื่อฝ่าบาทตื่นบรรทมพ่ะย่ะค่ะ กองทัพต้าเยี่ยนได้รับการดูแลอย่างดี ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าวจบจึงกล่าวต่อ “เมื่อคืนไป๋หลงส่งเสบียงอาหารมาให้พวกเราแล้ว ทว่า ฝ่าบาทบรรทมไปแล้วองครักษ์ไป๋จึงไปสำรวจความถูกต้องด้วยตัวเอง ตอนนี้บันทึกอยู่กับแม่นางชุนจือพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “บนโต๊ะมีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง เจ้าให้คนนำไปให้อาอวี๋ที่ด่านหน้าที มีบันทึกสรุปการมอบรางวัลให้ทุกคนที่มีความดีความชอบในการคุ้มกันเมืองครั้งนี้วางอยู่ด้วย แม่ทัพหลิ่วเป็นคนลงโทษตู้ซานเป่าที่นำทหารบุกออกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงโดยพลการด้วยตัวเอง”

“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงพยักหน้า “บ่าวจะไปสั่งให้คนยกน้ำอุ่นเข้ามาปรนนิบัติฝ่าบาทก่อน จากนั้นค่อยตามหมอทหารมาตรวจอาการของท่านอ๋องเก้าพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยนที่ยังสลบอยู่แวบหนึ่ง

ไม่นานบ่าวรับใช้จึงทยอยถือกะละมังน้ำอุ่นและอุปกรณ์อาบน้ำเข้ามาให้ไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นเดินออกไปทันทีโดยไม่ถามว่าเหตุใดวันนี้ฝ่าบาทจึงไม่ให้พวกนางอยู่ปรนนิบัติ

หมอทหารรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงเซียวหรงเหยี่ยนจึงเตรียมตัวเสร็จนานแล้ว เมื่อเว่ยจงให้คนมาตามเขาจึงแบกกล่องยาออกไปทันที

เมื่อตรวจชีพจรเสร็จแล้วพบว่าไข้ของเซียวหรงเหยี่ยนลดลงเร็วถึงเพียงนี้หมอทหารจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ไข้ลดลงแล้ว ขอเพียงท่านอ๋องเก้าทานยาตามกำหนดก็ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลอีกพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”