ตอนที่ 1219 ออกเดินทางเดี๋ยวนี้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1219 ออกเดินทางเดี๋ยวนี้

ตอนที่เขาได้รับรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนถูกล้อมไว้ในเมืองเจียงจือและรีบนำทัพมาช่วยเหลือโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่เหมือนกัน

“ข้าต้องไปแล้ว…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงเบา

“บาดแผลบนตัวท่านเพิ่งได้รับการทำแผลใหม่…”

“ข้าต้องไปยึดอวิ๋นจิงให้ต้าเยี่ยน ข้าติดค้างต้าเยี่ยนอยู่”

แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนมีทั้งความอบอุ่นและสงบนิ่ง เขาตัดความสัมพันธ์ส่วนตัวออกไม่ได้จึงนำทัพของต้าเยี่ยนที่เดิมทีต้องมุ่งหน้าไปโจมตีเมืองอวิ๋นจิงมาช่วยเหลือไป๋ชิงเหยียนที่เจียงจือ

ตอนนี้เขาจำเป็นต้องกลับไปยังสนามรบ ต้องยึดเมืองอวิ๋นจิงชดเชยให้ต้าเยี่ยนให้ได้

มิเช่นนั้นหากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูพี่สะใภ้ของเขาไม่รู้ว่านางจะคิดเช่นไร นางคงทำเรื่องให้อาลี่ลำบากใจที่ต้องเป็นคนกลางระหว่างเขากับพี่สะใภ้อีกแน่นอน

“อาเป่า ข้าไม่อยากบังคับฝืนใจเจ้า ทว่า หากครั้งหน้าพบเจออันตรายอีก หากไม่ทำเพื่อข้า ไม่ทำเพื่อลูกในท้องที่ยังไม่ลืมตามาดูโลกของพวกเรา เจ้าก็ควรคิดถึงท่านแม่ อาสะใภ้และบรรดาน้องๆ ของเจ้าบ้าง หากพวกเขารู้ว่าเจ้าไม่ยอมจุดควันส่งสัญญาณเพราะต้องการให้พวกเขาบุกโจมตีเมืองอวิ๋นจิงโดยไม่มีความกังวลแล้วเมืองเจียงจือถูกตีแตกขึ้นมา เจ้าคิดว่าพวกเขาจะเสียใจไปตลอดชีวิตหรือไม่”

น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนอ่อนโยนมาก อ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ไป๋ชิงเหยียนเคยได้ยิน ทว่า หญิงสาวกลับรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากกว่าเดิม

นางรู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

“ข้าไม่ได้ไม่สนใจท่านและลูกในท้องของพวกเรา…”

“เช่นนั้นตอนที่เจ้าตัดสินใจไม่ยอมส่งสัญญาณควันขอความช่วยเหลือเจ้าคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ “เจ้ากำลังคิดว่าจะไม่ยอมให้ทัพเสริมที่ด่านเย่เฉิงมาช่วยเหลือเพราะกลัวแม่ทัพชราชุยดักโจมตีพวกเขาจนต้องสูญเสียด่านเย่เฉิงไป! จากนั้นเจ้าจะไม่มีเส้นทางส่งเสบียงไปให้กองทัพหลักของต้าโจวของบรรดาน้องของเจ้า เจ้าต้องการยึดเมืองหลวงของอวิ๋นจิงให้ได้เพื่อความมั่นคงในการต่อสู้ด้วยระบอบการปกครองของพวกเราสองแคว้นใช่หรือไม่”

“อาเป่า…” เซียวหรงเหยี่ยนลูบริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนที่ถูกเขาจูบจนบวมเจ่อเบาๆ “เจ้าเคยคิดแม้แต่ครู่เดียวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังตั้งท้องลูกของพวกเราอยู่ เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากเจ้าและลูกเป็นอันใดไปข้าคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน”

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น ขอบตาของนางร้อนผ่าวขึ้นทันที เพราะเหตุนี้เซียวหรงเหยี่ยนจึงย้อนกลับมาที่เมืองเจียงจือโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นใช่หรือไม่

ไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีความสำคัญในหัวใจของเซียวหรงเหยี่ยนมากมายเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด

“ข้าเคยคิดแล้วอาเป่า” ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยความอ่อนล้าอย่างปกปิดไม่มิด “ข้าเคยคิดว่าหากข้าตายไปเจ้าคงเจ็บปวดมาก บางทีเจ้าอาจเสียใจจนลืมข้าไม่ได้ตลอดชีวิต ทว่า เจ้าจะรวบรวมสติสานต่อปณิธานที่เจ้าต้องการทำให้สำเร็จต่อให้ได้ ทว่า ข้าจะพยายามไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจนเจ้าต้องเป็นกังวลหรือเสียใจ ส่วนเจ้าเล่าอาเป่า”

เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของไป๋ชิงเหยียนเซียวหรงเหยี่ยนจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ “เรื่องนี้ข้าสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ”

พี่สะใภ้ของเขาเคยบอกว่าเป็นห่วงเขา เพราะจีโฮ่วให้ความสำคัญกับความรักมาก เขาคือบุตรชายของจีโฮ่วดังนั้นพี่สะใภ้จึงเป็นห่วงเขา กลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาจะทำลายตัวเองและแคว้นต้าเยี่ยนทั้งแคว้นเพียงเพราะคำว่า ‘รัก’ นางกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นคนเช่นเดียวกันจักรพรรดิต้าเยี่ยนผู้เป็นบิดาของเขา

เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นเหมือนจักรพรรดิต้าเยี่ยนผู้เป็นบิดาของเขา ทว่า เขาไม่รู้ว่าเขาจะกลายเป็นคนเช่นเดียวกับมารดาหรือไม่…

ทว่า ตอนนี้เขารู้แล้ว…

“อาเหยี่ยน ข้ามั่นใจว่าควบคุมได้” ไป๋ชิงเหยียนจับมือของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “ทว่า เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเล็กน้อย แม่ทัพชราชุยส่งคนไปปล้นเสบียงอาหารที่เมืองไป๋หลง แต่ข้าสั่งให้แม่ทัพคุ้มกันเมืองไป๋หลงโจมตีกองทัพซีเหลียงแล้ว จากนั้นค่อยยกทัพมาช่วยเหลือข้าที่เมืองเจียงจือ เมื่อแม่ทัพชราชุยได้ข่าวว่ากองทัพเสริมจากด่านเย่เฉิงจะเดินทางมาช่วยเหลือข้า เขาต้องส่งกองทัพส่วนหนึ่งไปดักซุ่มโจมตีทัพเสริมแน่…”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยน “ทว่า ซีเหลียงบุกโจมตีก่อนเวลาที่ข้าคาดการณ์ไว้…”

“หากข้าไม่มาเจ้าจะจุดควันส่งสัญญาณหรือไม่” เซียวหรงเหยี่ยนถาม

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น…

“หากจุดควันส่งสัญญาณ เมืองอื่นจะรู้ว่าเมืองเจียงจือต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาต้องส่งข่าวไปบอกให้กองทัพหลักของต้าโจวที่ด่านหน้ารับรู้ เช่นนั้นจะส่งผลกระทบถึงน้องๆ ของเจ้า…” เซียวหรงเหยี่ยนมองหน้าไป๋ชิงเหยียน “อาเป่า เจ้าจะจุดควันส่งสัญญาณหรือไม่ เจ้าโกหกไม่เก่ง…”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ตอบ

“เจ้าทำสงครามมานานเท่าใดแล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าในสนามรบไม่มีสิ่งใดตรงตามการคาดการณ์แน่นอน ขอเพียงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปทันที ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง…” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปที่ท้องของไป๋ชิงเหยียน “และลูกในท้องของพวกเราเลย!”

เซียวหรงเหยี่ยนมองไปที่ท้องของไป๋ชิงเหยียน เขาเคยคิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งว่าหากหมอทุกคนไม่ได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไป๋ชิงเหยียนตั้งท้องไม่ได้ ตอนนั้นหญิงสาวจะเผลอใจไปกับเขาเช่นนั้นหรือไม่

คำตอบแน่นอนอยู่แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางทำเช่นนั้น…

เด็กคนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน ทว่า ในเมื่อเขามาเกิดในท้องของไป๋ชิงเหยียนแล้วหญิงสาวจะดูแลเด็กคนนี้อย่างดีที่สุด ทว่า ในใจของหญิงสาวเด็กคนนี้คงสำคัญสู้ตระกูลไป๋และแคว้นต้าโจวไม่ได้

เซียวหรงเหยี่ยนไม่ปฏิเสธว่าไป๋ชิงเหยียนรักเขาและลูกเหมือนกัน ทว่า พวกเขาไม่ได้สำคัญสำหรับหญิงสาวถึงขนาดนั้น

เซียวหรงเหยี่ยนจับปอยผมของหญิงสาวไปทัดด้านหลังใบหู “อาเป่า ข้าสามารถโหดร้ายกับผู้อื่นได้ เจ้าก็เช่นเดียวกัน แม้พวกเราจะโหดร้ายเหมือนกัน ทว่า เราแตกต่างกันอยู่ดี”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า

“ทว่า เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน…” เซียวหรงเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นประทับจูบที่ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เป็นเช่นนี้หากข้าตายไปข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้ามากนัก!”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำว่าตายออกมาจากปากของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างง่ายดายสมองของหญิงสาวขาวโพลนทันที นางบีบแขนของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย “อาเหยี่ยน ท่านอย่ากล่าวเช่นนี้!”

“อย่าร้องไห้อาเป่า” เซียวหรงเหยี่ยนใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของไป๋ชิงเหยียนทิ้ง เมื่อเห็นว่าเช็ดไม่หมดจึงจูบลงที่เปลือกตาของหญิงสาวเบาๆ “ข้าไม่กล่าวแล้ว ต่อไปข้าจะไม่กล่าวเช่นนี้อีก หยุดร้องไห้เถิด”

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือโอบรอบคอของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น “ท่านคือสามีของข้า เหตุใดข้าจะไม่สนใจท่าน ไม่สนใจลูกของพวกเรา!”

เซียวหรงเหยี่ยนลูบหลังไป๋ชิงเหยียนอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ดีเอง ข้าจะไม่กล่าวเช่นนี้อีก เอาเถิด ข้าต้องไปแล้ว…”

“ทว่า ท่านได้รับบาดเจ็บหนัก…”

“หากเจ้าเป็นคนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าจะไม่ออกเดินทางตอนนี้เพื่อต้าโจวอย่างนั้นหรือ”

เมื่อรู้ว่าห้ามเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ไป๋ชิงเหยียนจึงปล่อยแขนออกจากลำคอของชายหนุ่ม จากนั้นจับมือของเขาเอาไว้ “ยาต้มเสร็จแล้ว ท่านทานก่อนค่อยออกเดินทาง พาหมอทหารไปด้วย เขาถนัดรักษาบาดแผลเช่นนี้มาก”