ตอนที่ 1237 ขัดราชโองการ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1237 ขัดราชโองการ

สตรีตระกูลสูงศักดิ์ของราชวงศ์เก่าอย่างนางทำทุกอย่างเพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพราะนางต้องการปกป้องคนในตระกูลไป๋ทุกคน ปกป้องไม่ให้กองทัพไป๋ถูกทรยศและมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นเดิมอีก

หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไทเฮาแห่งต้าเยี่ยน ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น!

หากอาอวี๋และเสี่ยวชีเป็นอันใดขึ้นมาแม้แต่น้อยนางจะถลกหนังของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนและทำลายล้างต้าเยี่ยนให้ดับสูญเพื่อแก้แค้นให้น้องของนาง

ต่งซื่อกัดฟันของตัวเองแน่น นางไม่อยากให้บุตรสาวเป็นห่วงเรื่องในกองทัพอีก ทว่า นางรู้ดีว่าอาเป่าไม่ได้เป็นเพียงบุตรสาวของนางเท่านั้น นางคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว คือพี่หญิงใหญ่ของบรรดาน้องๆ

บุตรชายและบุตรสาวคนเล็กของนางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บุตรสาวคนโตกำลังเผชิญกับอันตรายในการคลอดลูกก่อนกำหนด ต่งซื่อคือคนที่ปวดใจอย่างที่สุด นางไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี

เว่ยจงรับคำและจากไปอย่างรวดเร็ว

ความเจ็บปวดถาโถมขึ้นอีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนขยำผ้าปูเตียงแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สมองของไป๋ชิงเหยียนขาวโพลน ร่างของนางสั่นเทาไปทั้งร่าง นางตะโกนเรียกเสียงดัง “ซิงเฉินอยู่ที่ใด!”

องครักษ์ลับซิงเฉินได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนเรียกจึงออกมาปรากฏตัวที่ด้านหลังฉากกั้นทันที

“เจ้ารีบพาคนเดินทางไปตามหาคุณชายห้าและคุณหนูเจ็ดที่ซีเหลียงเดี๋ยวนี้ ตามหาพวกเขาให้เจอไม่ว่าต้องใช้วิธีใดหรือแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม!” ไป๋ชิงเหยียนปวดจนแทบกรีดร้องออกมา

“รับบัญชาขอรับ” ซิงเฉินหายไปในความมืดทันที

“พอแล้วอาเป่า…” น้ำตาของต่งซื่อไหลพราก ทว่า น้ำเสียงยังคงมั่นคง “พอแล้ว คลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยก่อน พวกเราข้ามด่านนี้ไปให้ได้ก่อนนะ!”

ต่งซื่อเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้ลูกสาว จากนั้นหันไปถามหมอตำแย “ยาอยู่ที่ใด”

“โอ้ย…”

ความเจ็บปวดถาโถมขึ้นอีกครั้งไป๋ชิงเหยียนขยำผ้าห่มแน่นจนต่งซื่อได้ยินเสียงขาดของผ้าห่ม

หมอตำแยมองดูแวบหนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้นเสียงดัง “ฝ่าบาทออกแรงได้แล้วเพคะ! ฝ่าบาท เมื่อบ่าวบอกให้ฝ่าบาทออกแรง ฝ่าบาททรงออกแรงอย่างเต็มที่เลยนะเพคะ ดูสิเพคะ ท้องที่นูนแหลมของฝ่าบาทกำลังเคลื่อนที่ลงไปด้านล่างแล้วเพคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ลมหายใจของนางติดขัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมยาวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกครั้ง ข้างหูของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนบอกให้ออกแรงของหมอตำแย ไป๋ชิงเหยียนกำขอบเตียงไม้แน่น กัดริมฝีปากพลางออกแรงเบ่งสุดแรง…

ฮูหยินสี่หวังซื่อเป็นกังวลใจมาก นางเดินกลับไปคุกเข่าภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักของตัวเอง

หลี่ซื่อและฉีซื่อเดินวนไปมาอยู่นอกตำหนัก ทั้งสองคนปลอบใจกันเอง สตรีคลอดลูกครั้งแรกย่อมช้าเป็นธรรมดา

ต่งชิงผิงที่ยืนอยู่หน้าตำหนักตลอดเวลาเห็นเว่ยกงกงเดินมาแต่ไกลจึงตะโกนขึ้น “เว่ยกงกงมาแล้ว!”

หลู่ไท่เว่ย ต่งชิงผิงและเสิ่นซือคงรีบถลาเข้าไปล้อมเว่ยจงไว้ทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง ฝ่าบาททรงประสูติแล้วหรือไม่” ต่งชิงผิงเอ่ยถาม

“นี่คือครรภ์แรก คงไม่เร็วถึงเพียงนี้หรอกขอรับ” เว่ยจงกล่าวตามความจริง จากนั้นกล่าวต่อ “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้แม่ทัพฝูรั่วซีนำตราทัพไปจัดทัพทหารสองหมื่นนายที่ค่ายทหารผิงอันเดินทางไปทำลายล้างซีเหลียงเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ฝูรั่วซีได้ยินคำนี้จึงรีบคุกเข่ารับคำสั่งทันที “ฝูรั่วซีรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

ฝูรั่วซีจากไปทันที เว่ยจงหันไปทางหลู่ไท่เว่ย “หลู่ไท่เว่ยจงออกคำสั่งย้ายกองทัพคุ้มกันเมืองหานไปยังชายแดนของต้าเยี่ยน ให้แม่ทัพสือพานซานและแม่ทัพเจินเจ๋อผิงตั้งค่ายทหารอยู่ที่เมืองกว่างหลิงซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างต้าโจวกับต้าเยี่ยน หากต้าเยี่ยนมีความเคลื่อนไหวใดจงบุกโจมตีทันทีโดยไม่ต้องรายงาน ให้แม่ทัพเจียงหรูไห่นำทัพไปเตรียมพร้อมรบกับต้าเยี่ยนที่เมืองผิงหยาง ห้ามมีข้อผิดพลาดเด็ดขาด!”

หลู่ไท่เว่ยตกใจเล็กน้อย เมื่อได้สติจึงหันไปสบตากับเสิ่นซือคง

เสิ่นซือคงเสิ่นจิ้งจงก้าวไปด้านหน้าพลางเอ่ยถามเว่ยจงเสียงเบา “เว่ยกงกง ฝ่าบาทตัดสินพระทัยเพราะความโกรธชั่วขณะหรือไม่ ต้าเยี่ยนกับต้าโจวเพิ่งทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน…”

“พันธมิตรอันใด!” ต่งชิงผิงโมโหจนตาแดงฉาน “เป็นพันธมิตรกันแล้วปล่อยให้ต้าเยี่ยนแทงข้างหลังพวกเราเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!”

ต่งชิงผิงควมคุมสติไม่อยู่ เขายกมือปาดเหงื่อบนใบหน้า จากนั้นชี้นิ้วไปทางหรงตี๋พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “อาอวี๋รอดจากความตายมาได้เพราะทหารในกองทัพไป๋ไม่รู้กี่หมื่นพันชีวิตสละชีพของตัวเองปกป้องเขาเอาไว้ ร่างของอาอวี๋มีแต่บาดแผลเต็มไปหมดแต่เขาก็ยังนำหรงตี๋มามอบให้ต้าโจว! นั่นคือน้องชายแท้ๆ ของฝ่าบาท น้องชายแท้ๆ ! คุณหนูเจ็ดเพิ่งอายุกี่ขวบกัน! ต้าเยี่ยนทำร้ายพวกเราก่อน เหตุใดพวกเราจะเปิดสงครามกับต้าเยี่ยนไม่ได้! ต้าโจวของพวกเราไม่ได้สู้ต้าเยี่ยนไม่ได้เสียหน่อย ต้าเยี่ยนอ่อนแอกว่าพวกเรานัก!”

เมื่อนึกถึงหลานชายที่ตกระกำลำบากอยู่ด้านนอกหลายปีต่งชิงผิงโกรธแค้นจนไม่รู้จะระบายออกมาเช่นไร เขายังไม่ได้พบหน้าหลานชายที่เพิ่งรอดชีวิตกลับมาสักครั้ง ตอนนี้กลับได้รับข่าวว่าหลานชายของเขาหายตัวไปอีก!

“ข้าสงสัยกระทั่งว่าต้าเยี่ยนเป็นคนปล่อยข่าวนี้ให้ซีเหลียงรับรู้ด้วยซ้ำ” ยิ่งกล่าวต่งชิงผิงก็ยิ่งโมโห “เพราะหลังจากทำลายซีเหลียงเสร็จแล้ว หากต้าโจวต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งพวกเราต้องทำสงครามชี้เป็นชี้ตายกับต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนจึงตัดสินใจแทงข้างหลังต้าโจวทีเผลออย่างไรเล่า เรื่องแค่นี้เสิ่นซือคงอย่างเจ้ามองไม่ออกอย่างนั้นหรือ!”

“ต่งซือถู ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน!” เสิ่นจิ้งจงรู้ว่าต่งชิงผิงเสียใจ เขาจึงกล่าวอย่างอ่อนโยนอย่างแทบไม่เคยเห็นมาก่อน “ข้าเสิ่นจิ้งจงเติบโตมาในค่ายทหาร ข้ามีความเลือดร้อนเช่นเดียวกัน! ทว่า พวกเรายังตรวจสอบเรื่องนี้ไม่รู้แน่ชัด ถึงแม้พวกเราคิดว่าเป็นฝีมือของต้าเยี่ยน ทว่า พวกเราต้องมีหลักฐานพวกเราจะได้ยกทัพไปโจมตีต้าเยี่ยนได้อย่างชอบธรรม”

ลำคอของต่งชิงผิงร้อนผ่าว “ยังต้องสืบอีกหรือ! คุณชายสามกล่าวในรายงานสถานการณ์รบชัดเจนแล้ว เจ้าคิดว่ากองทัพไป๋จะทำร้ายอาอวี๋และคุณหนูเจ็ดเองอย่างนั้นหรือ!”

“คุณชายสามกล่าวในรายงานสถานการณ์รบว่าเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น!” เสิ่นจิ้งจงกล่าวปลอบ “บัดนี้ฝ่าบาทกำลังพิโรธ อีกทั้งกำลังจะประสูติทายาท ความคิดของฝ่าบาทจึงสับสนวุ่นวายไปหมด ข้าไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำสงคราม พวกเราสามารถให้แม่ทัพฝูรั่วซีนำทหารค่ายผิงอันบุกไปทำลายซีเหลียงก่อนได้ ซีเหลียงสมควรโดนพวกเราโจมตีอยู่แล้ว! ทว่า ข้าคิดว่าควรให้เว่ยกงกงไปทูลให้ฝ่าบาทพระทัยเย็นเรื่องการยกทัพไปยังชายแดนต้าเยี่ยนก่อน หากฝ่าบาทประสูติเสร็จแล้วยังมีความคิดเช่นนั้นอยู่พวกเราค่อยลงมือก็ยังไม่สาย!”

ตอนนี้หลู่ไท่เว่ยไม่ได้พบหน้าไป๋ชิงเหยียนเขาจึงไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจลงไปเพราะความโมโหชั่ววูบหรืออยากเปิดศึกกับต้าเยี่ยนจริงๆ กันแน่

เว่ยจงเห็นดังนี้จึงกล่าวขึ้นเสียงเบา “ทั้งสามท่านคือเสาหลักของต้าโจว บ่าวทราบดีว่าใต้เท้าทั้งสามจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ทว่า หลู่ไท่เว่ยและเสิ่นซือคงน่าจะทราบดีว่าฝ่าบาทเป็นคนเช่นไร ตอนที่ข่าวการเสียชีวิตของบุรุษตระกูลไป๋ที่หนานเจียงส่งกลับมาที่เมืองหลวงฝ่าบาทเคยทำพลาดบ้างหรือไม่ขอรับ บ่าวคงไม่สามารถกลับไปทูลฝ่าบาทให้ละเว้นเรื่องนี้ไว้ก่อนตามที่เสิ่นซือคงขอได้ ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังให้ประสูติทายาท ฝ่าบาทกำลังตกอยู่ในอันตราย บ่าวทูลพระประสงค์ของฝ่าบาทให้ใต้เท้าทั้งสามทราบแล้ว ใต้เท้าทั้งสามจะทำตามหรือขัดราชโองการก็สุดแล้วแต่ทุกท่าน บ่าวขอตัวก่อนขอรับ”

เว่ยจงกล่าวเพียงเท่านี้ เขาก้มศีรษะให้คนทั้งสามเล็กน้อย จากนั้นเดินจากไปทันที

เสิ่นจิ้งจงเม้มปากมองตามแผ่นหลังของเว่ยจงไป เขากำหมัดที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น เขานึกถึงตอนที่ข่าวการเสียชีวิตของบุรุษตระกูลไป๋ถูกส่งกลับมายังเมืองหลวง ตอนนั้นฝ่าบาทคงเสียพระทัยและเจ็บปวดกว่าตอนนี้มากนัก ทว่า แม้การกระทำทุกอย่างของฝ่าบาทจะดูเสี่ยง ทว่า ไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง