ตอนที่ 2,563 : ซูหลี่เกิดเรื่อง!?

“ใต้เท้าต้วนหลิงเทียนขอรับ ท่านบรรพบุรุษได้กำชับพวกเราไว้แล้ว ว่าหากท่านมาถึงให้รีบเชิญท่านไปพบท่านบรรพบุรุษทันที”

หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของวังเซียนหยวนเร่งกล่าวพลางผายมือเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างสุภาพ หลังจากที่มันทำความเคารพต้วนหลิงเทียนเสร็จ

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับเบาๆ ค่อยเหินร่างติดตามหัวหน้าหน่วยที่นำทางไปทันที

“น้องหลิงเทียน!!”

หลังจากหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนพาต้วนหลิงเทียนเข้าในเขตวังเซียนหยวนได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงคุ้นหูหนึ่งดังขึ้นจากด้านหน้ามาแต่ไกล

เมื่อเงยหน้ามองไปยังต้นเสียง ก็พอดีกับเห็นร่างชราหนึ่งกำลังย่ำอากาศเข้ามาด้วยความเร็วสูง เป็นบรรพบุรุษของวังเซียนหยวนที่ต้วนหลิงเทียนเคยพบเจอในแดนลับต่างสวรรค์ เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เซียนหยวนจื่อ!

ที่ย่ำอากาศมาแต่ไกลไม่ได้มีแต่เซียนหยวนจื่อเท่านั้น ยังมีร่างชายวัยกลางคนอีกคนติดตามมาด้านหลังด้วย

ชายวัยกลางคนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่แลดูภูมิฐาน ใบหน้าค่อนข้างเกลี้ยงเกลาดั่งหยกเสลา หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศี แววตาแหลมคมฉายอำนาจบารมีออกมาประการหนึ่ง เผยให้รู้ว่าสมควรมีฐานะไม่ต่ำทราม

‘จ้าววังเซียนหยวนรึ?’

ต้วนหลิงเทียนคาดเดาตัวตนของชายวัยกลางคนได้ไม่ยาก ว่าสมควรเป็นจ้าววังเซียนหยวนคนปัจจุบันแน่นอน

ในอดีตจางยี่เองก็เล่าเรื่องจ้าววังเซียนหยวนคนนี้ให้เขาฟังมาบ้าง เขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์! ในแง่พลังฝีมือจะเป็นรองก็แต่บรรพบุรุษของวังเซียนหยวนทั้งสองที่บรรลุด่านพลังเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ และแข็งแกร่งกว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์คนอื่นๆของวังเซียนหยวน

“พี่ชาย”

เมื่อเห็นเซียนหยวนจื่อเร่งรุดมาถึงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มทักออกไปทันที

และไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสังเกตเห็น

ตอนนี้สายตาที่เซียนหยวนจื่อใช้มองเขามันแตกต่างจากก่อนหน้าที่อยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ชัดเจน

อีกทั้งเซียนหยวนจื่อยังไม่เรียกหาเขาว่าน้องเล็กหลิงเทียนอีกต่อไป แต่เรียกเขาว่าน้องหลิงเทียนเท่านั้น!

เรื่องนี้เขาก็ไม่แปลกใจอะไร

เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่อีกฝ่ายเคยเจอในแดนลับต่างสวรรค์อีกต่อไป

ที่สำคัญที่สุดก็คือตราบใดที่เครือข่ายข่าวสารของขุมพลังอันดับต้นๆอย่างวังเซียนหยวนไม่เลวร้ายจนเกินไป ก็ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับรายงานเรื่องที่เขาฆ่าบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์ที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

กล่าวได้ว่าเขาถือเป็นคนดังของระนาบเหยียนหวงคนหนึ่ง!

ดังนั้นท่าทีของเซียนหยวนจื่อที่มีต่อเขาจะเปลี่ยนไปก็ไม่แปลกอะไร

“ศิษย์คารวะท่านบรรพบุรุษ! คารวะท่านจ้าววัง!”

ตอนนี้เองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่นำทางต้วนหลิงเทียนมาก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทักทายเซียนหยวนจื่อกับชายวัยกลางคนแลดูสง่าราศีจับที่พึ่งมาถึง

และด้วยถ้อยคำทักทายมากเคารพของหัวหน้าหน่วย ทำให้ต้วนหลิงเทียนยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้คาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายผิดไป

ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังเซียนหยวนจื่อ ก็คือจ้าววังเซียนหยวนจริงๆ

“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว”

เซียนหยวนจื่อพยักหน้ารับเบาๆ ส่วนชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเซียนหยวนจื่อหรือจ้าววังเซียนหยวน พลันโบกมือเอ่ยคำต่อหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนดังกล่าวว่า “ข้ากับท่านบรรพบุรุษ จะให้การต้อนรับใต้เท้าต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง”

ตอนนี้ถึงมันจะมีฐานะเป็นจ้าววังเซียนหยวนทั้งพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ แต่มันก็ให้ความเคารพต้วนหลิงเทียนอย่างสูงถึงขั้นเรียกหาว่าใต้เท้า!

จากท่าทีปฏิบัติของมัน เห็นได้ชัดว่า…ในสายตาของจ้าวังเซียนหยวน ต้วนหลิงเทียนนั้นมีศักดิ์ศรีไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เลย กระทั่งความเคารพยังมีแต่จะมากไม่น้อยกว่า!

สุดท้ายแล้ว มันก็สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้จากการลงมือที่วังคลื่นสวรรค์ของต้วนหลิงเทียน…

เว้นเสียแต่จะเป็นเซียนอมตะเสเพลที่บ่มเพาะร่างควบแน่นนวิญญาณและชิงลงมือใส่ต้วนหลิงเทียนก่อนโดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันรู้ตัว

หาไม่แล้วต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั่วไป ก็ยากจะลงมือทำอะไรต้นหลิงเทียนได้ เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนยังมีวิชาประหลาดที่ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ผู้อื่นได้!

“ขอรับท่านจ้าว!”

หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนประสานมือรับคำสั่งเป็นมั่นเหมาะ ก่อนที่จะเหินร่างจากไปอย่างเรียบๆร้อยๆทันที ขณะที่มันเหินจากไป ก็มีหันหน้ากลับมามองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตานับถือทิ้งท้าย

เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือตัวตนที่กระทั่งจ้าววังของมันยังต้องเรียกหาด้วยเคารพว่า ใต้เท้า!

“จ้าววังเซียนหยวนจื่อ เซียนหยวนเจิ้ง ยินดีที่ได้พบใต้เท้าต้วนหลิงเทียน”

หลังจากที่หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนจากไป จ้าววังเซียนหยวนจื่อก็ประสานมือคารวะต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีสุภาพ และไม่ได้ถือว่าต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะแต่อย่างใด แต่มองด้วยสายตาราวกับกำลังมองตัวตนที่เหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

“ยินดีที่ได้พบ”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับการทักทายของเซียนหยวนเจิ้งเบาๆ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจที่ถูกตัวตนอย่างจ้าววังเซียนหยวนคารวะทักทายด้วยความสุภาพเคารพ

เพราะด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ มากพอจะไดรับเกียรติดังกล่าว

“น้องหลิงเทียน พวกเราไปสนทนากันที่ห้องโถงเถอะ”

ตอนนี้เองเซียนหยวนจื่อพลันยิ้มและกล่าวชวนต้วนหลิงเทียนออกมา

หลังจากนั้นก็เป็นจ้าววังเซียนหยวนที่รู้งาน ผายมือเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย ก่อนที่จะประพฤติตัวดั่งคนนำทางผู้หนึ่ง เหินร่างนำออกไปอย่างเรียบๆร้อยๆ เข้าสู่ชั้นในของวังเซียนหยวน

หลังจากพาต้วนหลิงเทียนมาถึงวังหลักแล้ว ทั้งคู่ก็นำต้วนหลิงเทียนมาถึงโถงรับรองสำหรับแขกผู้มีเกียรติ ทั้งได้รับที่นั่งสูงสุดในโถงทันที

หากข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่าบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์ยังไม่แพร่มาถึง เกรงว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติระดับสูงสุดจากเซียนหยวนจื่อแบบนี้

เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนที่เซียนหยวนจื่อได้เจอกับต้วนหลิงเทียนในแดนลับต่างสวรรค์นั้น แม้มันจะตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังสามารถปะทะรับมือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ แต่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนยังคงเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั่วๆไปเท่านั้น ไม่อาจเทียบกับมันได้

แต่ตอนนี้เซียนหยวนจื่อรู้ดี

หากให้มันกับต้วนหลิงเทียนสู้กันจริงๆ คนที่ตายต้องเป็นมันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!

เพราะถึงมันจะมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองและเชื่อมั่นว่าตัวเองเหนือกว่าบรรพบุรุษของวังคลื่นสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าอย่างขาดลอย! ทว่าต้วนหลิงเทียนกับฆ่าอีกฝ่ายได้ในพริบตา!!

ด้วยเหตุนี้ฐานะต้วนหลิงเทียนในใจของมันตอนนี้ จึงไม่ใช่อะไรที่ในอดีตจะเทียบได้!

“น้องหลิงเทียนพอดีพี่ใหญ่ของข้าปิดด่านถึงช่วงสำคัญพอดี เลยมิได้ออกมาร่วมต้อนรับขับสู้เจ้า…เรื่องนี้ขอน้องหลิงเทียนอภัยให้ด้วย”

หลังจากที่นังลงยังเก้าอี้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าต้วนหลิงเทียนแล้ว เซียนหยวนจื่อก็กล่าวขออภัยออกมาก่อนใดอื่น

พี่ใหญ่ที่เซียนหยวนจื่อกล่าวถึงนั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นบรรพบุรุษของวังเซียนหยวนอีกคน เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เซียนหยวนรุ่ย

“แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าในขณะที่ข้ายังอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ น้องหลิงเทียนกลับทำเรื่องน่าอัศจรรย์เช่นนั้นได้…น้องหลิงเทียนเจ้าทราบหรือไม่ ว่าในระนาบเหยียนหวงของพวกเรา ไม่มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ตายตกมานานแล้ว…”

หลังขออภัยแล้ว เซียนหยวนจื่อก็กล่าวต่อออกมาทันที กล่าวจบยังอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ในตอนนั้นหลังมันกลับออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์และพึ่งมาถึงระนาบเหยียนหวงได้ไม่ทันไร พอได้ยินข่าวการลงมือของต้วนหลิงเทียนมันก็อึ้งไปทันที!

“ข้าแค่โชคดีน่ะ”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับอย่างงสุภาพ

“น้องหลิงเทียนเจ้าถ่อมตัวเกินไป”

เซียนหยวนจื่อส่ายหัวไปมา “สาเหตุที่ในระนาบเหยียนหวงเรามิมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ตกตายมาเนิ่นนาน มิใช่เพราะตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้งหลายไร้ข้อพิพาท หากแต่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้งหลายไม่มีผู้ใดมีสามารถเข่นฆ่าผู้อื่น…”

“อย่างเช่นบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์ที่น้องหลิงเทียนฆ่าไป…หากเป็นตัวข้า แม้ว่าจะเอาชนะมันได้ภายใน 100 กระบวนท่า แต่เรื่องให้ฆ่ามันข้าก็ทำไม่ได้อยู่ดี…”

“น้องหลิงเทียน เจ้าที่สามารถฆ่ามันได้ง่ายๆ กล่าวไปในระดับหนึ่งก็เสมือนเจ้าอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบโลกียะแล้ว”

กล่างถึงประโยคท้าย สายตาที่เซียนหยวนจื่อใช้มองต้วนหลิงเทียนคล้ายจะทวีความนับถือไปอีกขั้น

บางทีต้วนหลิงเทียนอาจเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ

อย่างไรก็ตามพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมันสูงมากพอจะได้รับความนับถือและความเคารพจากเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน…ยังมียอดเขาที่สูงกว่าอยู่เสมอ คำจุดสูงสุดของระนาบโลกียะข้าไม่กล้ารับหรอก…”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา

ผู้ใดจะไปล่วงรู้ ว่าภายในระนาบโลกียะทั้งหลาย ใช่มีสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจจากระนาบเทวโลกซ่อนตัวอยู่หรือไม่?

เพราะสุดท้ายแล้ว เซียนอมตะที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าต้าหลัวจินเซียน ก็สามารถเดินทางท่องไปมาระหว่างระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะได้…

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อก็ได้สนทนาถามสารทุกข์สุกดิบกันไปสักพัก

ระหว่างที่ทั้คู่คุยกัน จ้าววังเซียนหยวนอย่างเซียนหยวนเจิ้งไม่เพียงจะไม่พูดอะไร ยังยืนอยู่ด้านหลังอย่างเคารพ คอยรินน้ำชาเติ้มให้ต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่ออย่างเรียบๆร้อยๆ

“พี่ชาย แล้วซูหลี่เล่าปิดด่านบ่มเพาะอยู่รึ?”

หลังคุยสัพเพเหระกับเซียนหยวนจื่อไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงซูหลี่ที่เดินทางไปพร้อมเซียนหยวนจื่อขึ้นมา

และตอนนั้นเขาก็ได้ทราบว่าซูหลี่มีฐานะเป็นอาคันตุกะอาวุโสของวังเวียนหยวนแล้ว

ยังกล่าวได้ว่าการมาเยือนวังเซียนหยวนครั้งนี้ของเขา เป็นเพราะอยากเจอสหายเก่าอย่างซูหลี่อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะท่องทะยานขึ้นไป…

วูบ

อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววถามประโยคนี้ออกมา สีหน้าท่าทีของเซียนหยวนจื่อ กระทั่งจ้าววังเซียนหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับเปลี่ยนไปทันใด ยิ่งจ้าววังเซียนหยวนถึงกับทำกาน้ำชาหล่นร่วงตกแตก!

“หือ? เกิดอะไรขึ้นกับซูหลี่งั้นเหรอ?”

ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนโง่ เพียงเห็นอาการของเซียนหยวนจื่อกับเซียนหยวนเจิ้ง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่แท้ ไม่งั้นทั้งคู่คงไม่หน้าเปลี่ยนสีไปขนาดนี้!

พรึ่บ!

ต้วนหลิงเทียนลุกพรวดขึ้นมายืนตัวตรง สองตามองจ้องเซียนหยวนจื่อเขม็งกล่าวถามออกไปเสียงหนัก “พี่ชาย ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับซูหลี่กันแน่?”

“น้องหลิงเทียนเป็นเราผู้พี่ไม่เอาไหน ไม่อาจดูแลอาวุโสซูหลี่ให้ดี…”

เซียนหยวนจื่อได้แต่เผยรอยยิ้มขื่นขม มากล้นไปด้วยความรู้สึกผิด

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

สีหน้าต้วนหลิงเทียนจมลง สองตายังฉายประกายรุนแรง เสียงถามยังห้วนหนัก

“เรียนใต้เท้าต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านบรรพบุรุษเสียทีเดียว…ทั้งหมดเป็นเพราะพวกแพะชราน่าตายแซ่กงซุนทั้ง 2 นั่น มันละโมภคิดครอบครองวรยุทธ์พิสดารที่ใช้ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ของท่าน ดังนั้นหลังจากที่อาวุโสซูหลี่กับท่านบรรพบุรุษกลับมาถึงวังเซียนหยวนได้ไม่ทันไร แพะเฒ่าแซ่กงซุนทั้งคู่ที่ว่า…ถึงกับบุกมาทำร้ายท่านบรรพบุรุษถึงหน้าประตู ทั้งชิงตัวอาวุโสซูหลี่ไป…”

“พวกมันจับอาวุโสซูหลี่ไปเพียงเพื่อใช้เป็นตัวประกัน หมายบีบคั้นให้ท่านส่งมอบวรยุทธ์พิสดารนั่นออกไป…”

กล่าวถึงจุดนี้ เซียนหยวนเจิ้งก็กล่าวอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมว่า “วันนั้นเพราะท่านบรพบุรุษอีกคนของวังเซียนหยวนเราอย่างท่านบรรพบุรุษเซียนหยวนรุ่ยกำลังปิดด่านบ่มเพาะถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออันสำคัญ และการปิดด่านครั้งนี้ก็เกี่ยวพันกับการเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลครั้งที่ 10 อย่างแยกไม่ออก! เช่นนั้นยามวังเซียนหยวนเราเผชิญกับพวกแซ่กงซุนน่าตายนั่น จึงไม่กล้ารบกวนท่านบรรพบุรุษ…”

“อย่างไรก็ตาม แม้วันนั้นท่านบรรพบุรุษเซียนหยวนรุ่ยจะอยู่ด้วย แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมิพ้นอาจจะต้องจบลงเช่นนี้ดุจเดิม…”

“เพราะแพะเฒ่าจากตระกูลกงซุนนั่นคนหนึ่ง มีพลังฝีมือกล้าแข็งถึงขั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง!”

กล่าวถึงท้ายประโยค เซียนหยวนเจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ตระกูลกงซุน?”

หลังได้ยินคำอธิบายเรื่องราววจากเซียนหยวนเจิ้ง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงทันใด ยังงฉายแววเยียบเย็นนัก!