ตอนที่ 2,564 : ดาราจักรกู่เฉวียน!
คำว่าตระกูลกงซุนนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่พึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก…
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเดินทางจากดาราจักรคอสเตอร์ไปยังดาราจักรทางช้างเผือกหมายกลับโลกพร้อมถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกเบื่อระหว่างเดินทาง ก็ได้ชวนนางคุยและสอบถามเรื่องราวต่างๆมากมาย สุดท้ายจึงได้รู้ข้อมูลของขุมพลังชั้นนำทั้งหลายในระนาบเหยียนหวง ไม่เว้นตระกูลกงซุน!
ตอนนั้นเขายังได้ยินถังเซี่ยวเซี่ยวเล่าว่า
ตระกูลกงซุนนั้นถือเป็นขุมพลังอันดับต้นๆในระนาบเหยียนหวงเลยก็ว่าได้ ยังมีชื่อเสียงทัดเทียมกับวังเซียนหยวน! ในแง่ของความแข็งแกร่งแล้ว ยังนับว่าเหนือกว่า ฮัวกั่วซาน และสำนักเทียนซือทุกด้าน!
นั่นเพราะตระกูลกงซุนก็ไม่ต่างอะไรจากวังเซียนหยวน…มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เป็นผู้ค้ำจุนถึง 2 คน! และเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ก็มีไม่น้อยกว่า 5 คน ส่วนเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นั้นมีเป็นสิบๆ
และที่สำคัญที่สุดก็คือ
หนึ่งในเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้ง 2 ของตระกูลกงซุนนั้น ได้ถูกผู้คนในระนาบเหยียนหวงมากมายให้การยอมรับว่า มันคือยอดฝีมืออันดับ 1 ในระนาบเหยียนหวง!
“ข้าเคยได้ยินคนเล่ามาว่า…แต่เดิมไม่ว่าจะตระกูลกงซุนหรือวังเซียนหยวน ก็ล้วนมีบรรพบุรุษคนเดียวกันอย่าง กงซุนเหยียนหวงใช่หรือไม่?”
แววตาต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งน่ากลัว เสียงกล่าวยังห้วนหนักไม่เหลือทีท่าสบายๆ หันไปมองถามทั้งคู่ทีละคนๆ ด้วยสายตาทำราวกับจะยิงลำแสงสายฟ้าออกมาได้ก็ไม่ปาน
“ใช่”
เซียนหยวนจื่อพยักหน้าคอบคำด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “ข้าเองก็มิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด ขุมพลังที่ท่านบรรพบุรุษกงซุนเซียนหยวนเหลือทิ้งไว้ถึงได้แตกออกเป็น 2 ฝ่ายแบบนี้…ผู้ที่เคยเป็นพี่น้องในวันวานกลับกลายเป็นศัตรู! สุดท้ายแล้วจึงแบ่งแยกออกไปเป็น 2 ขุมพลัง หนึ่งในนามตระกูลกงซุน อีกหนึ่งเป็นวังเซียนหยวนของพวกเรา”
“ยิ่งไปกว่านั้นเห็นว่าสถานการณ์เช่นนี้มิได้เกิดขึ้นแค่ในระนาบเหยียนหวงเท่านั้น กระทั่งในอวี้หวงเทียนเอง ก็มีขุมกำลัง 2 ฝ่ายเช่นกัน!”
“ข้ายังได้รับข่าวสารมาว่า นับวันตระกูลกงซุนและวังเซียนหยวนบนระนาบเทวโลกยิ่งเข่นฆ่ากันมากขึ้น ความบาดหมางคล้ายทวีความรุนแรงขึ้นไม่หยุด มีผู้ที่ต้องตกตายไม่เว้นแต่ละวัน…อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นผู้ในตระกูลกงซุนหรือวังเซียนหยวนเราที่มีความโดดเด่นที่สุดในรุ่น จักได้รับการยอมรับจากท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าและถูกท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่านำไปปลูกฝังด้วยตัวเอง!”
ขณะกล่าวถึงบรรพบุรุษผู้เฒ่าอย่าง ‘กงซุนเซียนหยวน’ นั้น น้ำเสียงของเซียนหยวนจื่อไม่ขาดความเคารพแม้แต่น้อย
เพราะกล่าวไปในระดับหนึ่ง กงซุนเซียนหยวน ก็เป็นเสมือนจุดศูนย์รวมความศรัทธาของวังเซียนหยวนและตระกูลกงซุน!
“เช่นนั้น กล่าวอีกอย่างได้ว่า ที่พวกท่านสู้กันเองส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแข่งขัน…เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากบรรพบุรุษอย่างกงซุนเซียนหยวน?”
ได้ยินคำของเซียนหยวนจื่อ ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงด้วยคาดเดาเรื่องราวอะไรได้ออก
“กล่าวแบบนั้นก็มิผิด”
เซียนหยวนจื่อ
“ที่แท้จักรพรรดิเหลือง ‘กงซุนเซียนหยวน’ กลับใช้วิธีแบบนี้ในการเพาะสร้างความเข้มแข็งให้ลูกหลาน…ช่างเด็ดเดี่ยวนัก!”
ตอนที่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติยังอยู่ ผู้เฒ่าหั่วก็เคยเล่าให้ต้วนหลิงเทียนฟังมาบ้าง ว่ากงซุนเซียนหยวน หรือจักรพรรดิเหลืองในอดีตกาลของระนาบเหยียนหวงนั้น ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฝึกกระบี่อัจฉริยะในดาวเหยียนหวงเท่านั้น แต่ยังขึ้นสู่ระนาบเทวโลกอย่างอวี้หวงเทียนอีกด้วย และหลังจากนั้นก็ได้กลายเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ ผู้ปกครองระนาบเทวโลกผู้หนึ่ง!!
ต้วนหลิงเทียนย่อมฉุกคิดได้ไม่ยาก
ที่ไฉนตระกูลกงซุนกับวังเซียนหยวนถึงเข่นฆ่ากันเองแบบนี้ ทั้งหมดไม่พ้นเป็นความต้องการของกงซุนเซียนหยวน จุดประสงค์เพื่อคัดเลือกสายเลือดใหม่ที่โดดเด่นที่สุด และนำไปปลูกฝังด้วยตัวเอง
เพราะสุดท้ายแล้วพลังของคนๆหนึ่งก็มีจำกัด ไหนเลยจะทุ่มเทเวลามาปลูกฝังเพาะสร้างลูกหลานทั้งหมดด้วยตัวเองได้…
‘ไม่สำคัญว่าตระกูลกงซุนจะเป็นขุมพลังที่กงซุนเซียนหยวนเหลือทิ้งไว้หรือไม่…ในเมื่อพวกมันกล้าคิดชั่วจับตัวสหายของข้าไปหมายบีบคั้นให้ข้าต้วนหลิงเทียนมอบยอดใจกระบี่ให้…พวกมันต้องชดใช้! ยังต้องชดใช้อย่างหนัก!!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างดุร้าย สองตายิ่งมายิ่งฉายแววเยียบเย็น ทำให้บรรยากาศรอบกายคล้ายจะเย็นลงหลายองศา
“พี่ชาย แล้วตระกูลกซุนตั้งอยู่ที่ใดหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเซียนหยวนจื่อ เปิดประตูเห็นภูผาถามออกด้วยสองตาทอประกายดุร้ายปานฟ้าแลบ
ราวกับวันนี้เป็นวันดีที่จะเข่นฆ่าคนของตระกูลกงซุน!
และอันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็คิดจะบุกไปเข่นฆ่าสังหารผู้คนของตระกูลกงซุนจริงๆ จึงถามออกไปว่าที่ตั้งตระกูลกงซุนอยู่ไหน เป็นธรรมดาว่าเขาไม่คิดจะช่วยเหลือซูหลี่เฉยๆ ยังจะให้ตระกูลกงซุนต้องจ่ายราคาอย่างหนัก!!
“น้องหลิงเทียน”
คล้ายทีท่าของต้วนหลิงเทียนจะเป็นอะไรที่เซียนหยวนจื่อมีคิดไว้แล้ว หลังนิ่งอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่งจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขื่นขมว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ามิได้อ่อนแอ แถมด้วยวรยุทธ์เซียนอมตะพิสดารที่สามารถช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ได้ เจ้าคิดฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็ช่างง่ายดายนัก…”
“แต่ตระกูลกงซุนมิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน”
“มิต้องกล่าวใดมาก เอาแค่แพะเฒ่าขอตระกุลกงซุนผู้นั้น…ไม่เพียงแต่มันจะได้รับการยอมรับจากผู้คนในระนาบเหยียนหวงว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 เท่านั้น มันยังเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นอีกด้วย”
“กล่าวอีกอย่างได้ว่า…มันเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่สามารถใช้ทักษะวิญญาณได้”
“บางทีก่อนที่มันจะบุกมาจับตัวอาวุโสซูหลี่ถึงวังเซียนหยวนเรา มันอาจจะยังหวั่นเกรงตัวเจ้าและกลัวว่าจักมิอาจลอบสังหารเจ้าโดยใช้ทักษะวิญญาณได้ก่อนที่เจ้าจะฆ่ามัน…แต่เมื่อมันจับอาวุโสซูหลี่ไปแล้วเช่นนี้ มันไม่พ้นต้องเอาอาวุโสซูหลี่มาเป็นเกราะกำบังแน่ เจ้าคงยากจะลงมือฆ่ามันก่อนที่มันจะใช้ทักษะวิญญาณใส่เจ้าได้…”
เซียนหยวนจื่อค่อยๆอธิบายให้ต้วนหลิงเทียนฟังอย่างอดทน ขณะเดียวกันยังเป็นการแจ้งให้ต้วนหลิงเทียนทราบถึงเรื่องหนึ่ง
ยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวงของตระกูลกซุนผู้นั้น เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น และสามารถใช้ทักษะวิญญาณหรืออำนาจจิตสังหารต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย!
“ขอบคุณพี่ชายที่กล่าวเตือน…แต่ข้ามีวิธีรับมือมัน”
ได้ยินคำเตือนของเซียนหยวนจื่อ สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นสงบ กล่าวออกไปอย่างใจเย็น “ไม่ทราบพี่ชายมีแผนที่ดวงดาวที่ครอบคลุมถึงดาราจักรที่ตระกูลกงซุนตั้งอยู่หรือไม่ รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งตระกูลกงซุนด้วยยิ่งดี ข้าอยากขอฉบับคัดลอกสักชุด”
“น้องหลิงเทียน เจ้าเอาจริงหรือ?”
เซียนหยวนจื่อถึงกับเบิกตาโพลง กล่าวถามออกมาด้วยท่าทางเหลือเชื่อเล็กน้อย “แพะเฒ่าน่าตายของตระกูลกงซุนผู้นั้น…มันบ่มเพาะร่างควบแนนวิญญาณ…”
“แล้วยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย คล้ายไม่ได้สนใจเรื่องที่อีกฝ่ายจะเป็นหรือไม่เป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น!
เมื่อเห็นสีหน้าสงบไม่แปรเปลี่ยนของต้วนหลิงเทียนแต่ต้นจนจบ ราวกับไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆในตัวเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุนที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น เซียนหยวนจื่อพลันตระหนักเรื่องราวได้ประการหนึ่ง…
ต้วนหลิงเทียนสมควรมีอะไรบางอย่างให้พึ่ง!
สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะทำอย่างไรนั้น มันไม่อาจทราบได้!
“ในเมื่อน้องหลิงเทียนตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นข้าจักนำเจ้าไป…”
เซียนหยวนจื่อกล่าว “ไม่ว่าจะอย่างไรอาวุโสซูหลี่ก็คืออาคันตุกะอาวุโสของวังเซียนหยวนเรา แต่แพะเฒ่าน่าตายของตระกูลกงซุนนั่นกลับมาชิงตัวไปต่อหน้าต่อตาข้า!”
กล่าวถึงประโยคท้าย สองตาเซียนหยวนจื่อก็ฉายแววเย็นชาราวกับจะดื่มกินเลือดเนื้อผู้คน
…
ด้วยตระกูลกงซุนมีตัวตนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบาเหยียนหวง เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ได้เก็บตัวแต่อย่างใด
ดาราจักรที่ตระกูลกงซุนปกครองอยู่เรียกว่า ดาราจักรกู่เฉวียน มันเป็นดาราจักรที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าดาราจักรใดๆที่ต้วนหลิงเทียนเคยพบเจอในระนาบเหยียนหวง เรียกว่าขนาดดาราจักรถึงกับใหญ่กว่าดาราจักรที่วังเซียนหยวนปกครองอยู่ถึง 2 เท่า
นอกจากนั้นพลังวิญญาณฟ้าดินในดาราจักรกู่เฉวียน ยังบริบูรณ์พร้อมพรั่ง อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าดาราจักรที่วังเซียนหยวนปกครองเสียอีก
“น้องหลิงเทียนที่นี่คือดาราจักรกู่เฉวียน ที่ตระกูลกงซุนยึดครอง”
เซียนหยวนจื่อที่พึ่งนำต้วนหลิงเทียนมาถึงเบื้องหน้าดาราจักรกู่เฉวียน กล่าวแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักชื่อมันทันที
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะกวาดตามองไปยังทะเลดาราเบื้องหน้า
ก่อนมาถึงที่นี่ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบจากเซียนหยนจื่อเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายใดๆสามารถเดินทางมายังดาราจักรกู่เฉวียนได้โดยตรง เช่นนั้นไม่ว่าคนนอกคิดไปยังตระกูลกงซุนหรือคนตระกูลกงซุนคิดเดินทางมา…ล้วนต้องเหินร่างข้ามผ่านห้วงอวกาศด้วยตัวเองทั้งสิ้น! นี่คือวิธีเดินทางเข้าออกของดาราจักรกู่เฉวียน!!
เหตุผลที่ไฉนตระกูลกงซุนกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ดาราจักรกู่เฉวียนเป็นเอกเทศและปกครองได้โดยง่าย
“ผู้ใด?!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อหยุดชมมองทะเลดาราเบื้องหน้าอันเป็นดาราจักรกู่เฉวี่ยนได้พักหนึ่ง และกำลังคิดจะเดินทางเข้าไป หมายมุ่งหน้ายังดาวเคราะห์ต้นกำเนิดที่ตั้งตระกูลกงซุนนั้นเอง…พลันบังเกิดเสียงที่แฝงพลังขุมหนึ่งดังสนั่นปานฟ้าร้องมาแต่ไกล!
ฟุ่บ!
และแทบจะพร้อมกันกับที่ได้ยินเสียงดังกล่าว ก็ปรากฏร่างหนึ่งวูบมาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อปานภูตผี!
แม้ร่างดังกล่าวจะวูบมาเหมือนภูตผี แต่ในสายตาต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อก็สามารถแลเห็นได้ชัดเจน
เรียกว่าตั้งแต่ที่อีกฝ่ายยังมาไม่ทันถึง ทั้งคู่ก็รู้แล้วว่ามันเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินหน้าตาแลดูดาษๆผู้หนึ่ง
“เซียนหยวนจื่อ!?”
อย่างไรก็ตามพอผู้มาใหม่ ปรากฏตัวได้ไม่ทันไรและเห็นว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนคือเซียนหยวนจื่อ หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปในพริบตา! เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พบปะเข้ากับ 1 ใน 2 เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังเซียนหยวนในลักษณะนี้…!!
ถึงมันจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุน และมีฐานะเป็นชนชั้นอาวุโสของตระกูลกงซุน…
แต่ต่อหน้าตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อย่างเซียนหยวนจื่อ มันไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้!
“เจ้าเป็นผู้ใด แล้วรู้จักข้าด้วยหรือ?”
เซียนหยวนจื่อหันไปปรายตามองผู้มาใหม่ พลางกล่าวถามออกไปเสียงเบา คล้ายแปลกใจเล็กน้อย
“ข้าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลกงซุน…ปะ…เป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้พบท่านอาวุโสเซียนหยวนจื่อ”
ชายวัยกลางคนได้แต่ก้มหน้ากล่าวบอกฐานะออกไปงุดๆ ขณะเดียวกันก็ลอบเสียใจนัก ยังคิดว่าไม่น่าเสนอหน้ามาที่นี่เลย…
เดิมทีมันคิดจะเดินทางออกจากดาราจักรกู่เฉวียนเพื่อไปยังดาราจักรอื่น
แต่ทว่าในขณะที่มันกำลังจะออกจากดาราจักรกู่เฉวียน มันกลับพบว่ามีร่าง 2 ร่างมาด้อมๆมองๆอยู่ที่ขอบดาราจักร มันจึงปรากฏตัวออกมา หมายอวดเบ่งฐานะผู้อาวุโสของตระกูลกงซุน กระทั่งยังคิดขู่ขวัญผู้อื่นด้วยพลังขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์
แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเตะเอาตอเหล็กเข้าอย่างจัง!
หากมันล่วงรู้แต่แรกว่า 1 ใน 2 ผู้ที่มาด้อมๆมองๆที่ขอบดาราจักรเป็นถึงเซียนหยวนจื่อ ให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีกสักร้อยเท่ามันก็ไม่กล้ามาเสนอหน้า!
“เจ้ามาจากตระกูลกงซุนงั้นรึ?”
ได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน สองตาเซียนหยวนจื่อก็กระพริบวาบด้วยประกายเย็นชา!