ตอนที่ 2,565 : กงซุนเวิ่นเทียน!

“ใช่ ใช่!”

เผชิญหน้ากับเซียนหยวนจื่อที่จี้ถามมาตาดุปานมีกระแสไฟแล่นวาบ ชายวัยกลางคนไม่กล้าชักช้า เร่งตอบกลับไปทันที “ผู้อาวุโส ข้าน้อยเรียกว่ากงซุนอวิ๋น เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลกงซุน”

“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลกงซุนเจ้าย้ายไปตั้งถิ้นฐานบนดาวเคราะห์ต้นกำเนิดดวงใหม่เมื่อ 300 ปีก่อนใช่หรือไม่…พาพวกเราไปที่นั่นเสีย”

เซียนหยวนจื่อเหลือบมองกงวินอวิ๋น กล่าวสั่งเสียงเรียบ

ถึงแม้น้ำเสียงของเซียนหยวนจื่อจะราบเรียบไม่ยินดียินร้าย ทั้งไร้การคุกคามข่มขู่ใดๆ แต่สำหรับกงซุนอวิ๋นแล้วนี่คือประกาศิตฟ้ามิอาจฝ่าฝืน!

หากมันบอกปัดไม่ยอมทำ แล้วเกิดบรรพบุรุษวังเซียนหยวนผู้นี้ฆ่ามันขึ้นมา ยังจะมีใครช่วยมันได้บ้าง?

ถึงมันจะเป็นชนชั้นอาวุโสของตระกูลกงซุนที่มีพลังฝึกปรือเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ แต่หากชายชราเบื้องหน้าฆ่ามันจริง ผู้ที่หนุนหลังมันอยู่ก็คงยากจะล้างแค้นให้มันได้ นั่นเพราะต่อให้เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลกงซุนของมัน ก็ไม่อาจฆ่าชายชราเบื้องหน้าให้ตาย!

ภายใต้การนำทางของกงซุนอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อก็มาถึงดาวเคราะห์ที่ตระกูลกงซุนตั้งรกรากได้ในเวลาไม่นาน

เป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงหนึ่ง และเพียงมองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่ามันมีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ แถมบรรยากาศยังละม้ายคล้ายกับโลกไม่น้อย แต่มีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 10 เท่า!

“เรียนอาวุโส ตระกูลกงซุนของพวกเราได้ย้ายมาตั้งรกรากที่ดาวดวงนี้…”

ตอนนี้เองกงซุนอวิ๋นที่นำทางมาถึงก็เงยหน้าขึ้นมามองเซียนหยวนจื่อด้วยสายตาเป็นกังวล “ตอนนี้ข้า…ไปได้แล้วยังท่าน?”

“ไปเสีย”

เพียงเสียงกล่าวคำเบาๆของเซียนหยวนจื่อ ก็ทำให้กงซุนอวิ๋นระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกยกใหญ่ และร่างมันก็วูบไหวหายไปจากสายตาเซียนหยวนจื่อและต้วนหลิงเทียนทันที

“ข้าคือ ต้วนหลิงเทียน!”

และในขณะที่เซียนหยวนจื่อกำลังจะถามต้วนหลิงเทียนวว่าจะทำอย่างไรต่อไป เสียงแข็งกร้าวต้วนหลิงเทียนที่ประหนึ่งมีเวทมนตร์ก็ดังสนั่นขึ้นก้องหูของมัน “ภายในหนึ่งเค่อหากตระกูลกงซุนไม่พาซูหลี่ออกมาในสภาพสมบูรณ์ให้ข้าเห็น…”

“ข้าต้วนหลิงเทียนจะทำลายตระกูลกงซุนให้ราบ!”

เสียงประกาศกร้าวของต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่เพียงแต่จะดังก้องหูเซียนหยวนจื่อจนทำให้เซียนหยวนจื่อบังเกิดความหวาดกลัวเท่านั้น ยังดังมากพอจะให้ผู้คนทั้งดาวเบื้องหน้าได้ยินกันชัดถนัดหูไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของดาวก็ตามที!!

ทันใดนั้นเอง

ฮึงง!!

ดาวเคราะห์ทั้งดวงคล้ายตกอยู่ในความโกลาหล!

“ต้วนหลิงเทียน!? หรือจะเป็นต้วนหลิงเทียนที่บุกไปเข่นฆ่าสังหารผู้คนถึงวังคลื่นสวรรค์ กระทั่งยังฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์คนนั้น?!”

“นอกจากต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ยังจะมีใครหยิ่งผยองกล้ามาตะโกนเสียงดังว่าจะทำลายตระกูลกงซุนให้ราบอีกบ้าง?”

“ตระกูลกงซุนเป็นถึงขุมพลังระดับแนวหน้าของระนาบเหยียนหวง…ทั้ง 1 ใน 2 เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุนยังได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง! มันมาบุกที่นี่แบบนี้ยังมิใช่รนหาที่ตายอีกหรือ!?”

“ข้าว่ามันก็ไม่แน่นักหรอก…เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนคนนั้นก็สามารถเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้! แถมวันนั้นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ก็ถูกมันฆ่าในพริบตาด้วยซ้ำ!!”

บนดาวเคราะห์อันเป็นที่ตั้งของตระกูลกกงซุน วาจาทำนองดังกล่าว เริ่มดังขึ้นไปทั่ว

ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียนและถ้อยคำดังกล่าว

พวกมันก็รู้ได้ทันทีว่า 9 ใน 10 ของผู้ที่มาประกาศวาจาอหังการแบบนั้น ไม่พ้นต้องเป็นผู้ที่เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์คนนั้น!

ถึงแม้ว่าดาวเคราะห์ต้นกำเนิดดวงนี้จะเป็นดาวเคราะห์ที่ตระกูลกงซุนตั้งถิ่นฐานอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ตระกูลกงซุนอาศัยอยู่เท่านั้น ยังมีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังชั้น 2 ชั้น 3 หรือน้อยกว่านั้น ไม่เว้นกระทั่งเหล่าผู้ฝึกตนอิสระ…

ผู้คนเหล่านี้เป็นดั่งเหล่าลูกนกที่มาอยู่ใต้ปีกของตระกูลกงซุน หมายอาศัยทรัพยากรบนดาวดวงนี้ดำรงชีวิตเช่นกัน เช่นนั้นพวกมันก็ต้องมอบหินเซียนทั้งส่งมอบทรัพยากรให้แก่ตระกูลกงซุนตามกำหนดประหนึ่งค่าคุ้มครอง! ค่าพักอาศัยก็ว่า…

“จริงอยู่ที่มันเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ได้…แต่อย่าได้ลืมไปว่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์นั่น แม้จะเป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ใช้ทักษะวิญญาณจู่โจมต้วนหลิงเทียน!!”

“ใช่ ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน…ว่ากันว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น ถึงมันจะมีวรยุทธ์เซียนอมตะพิสดารถึงขั้นฉกชิงยอดสมบัติสวรรค์จากมือผู้อื่นได้ แต่อย่างไรระดับจิตวิญญาณของมันก็ยังอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น!”

“เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าไป มันเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นแท้ๆ แต่กลับต้องมาตายเปล่าใต้เงื้อมมือต้วนหลิงเทียน กลับกลายเป็นผีโง่งมตัวหนึ่ง…”

“เป็นผีโง่งมแล้วจริงๆ เดิมทีไม่ว่าต่อให้เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใด แต่อย่างน้อยๆมันก็สมควรใช้ทักษะวิญญาณใส่ต้วนหลิงเทียนและลากต้วนหลิงเทียนให้ลงนรกไปพร้อมกับมันได้แท้ๆ…”

หลายคนบนดาวเคราะห์ต้นกำเนิดดวงนี้ก็ได้รับทราบแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่ที่น่าขันก็คือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าไป แม้จะเป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นแท้ๆ แต่ดันไม่รู้เรื่องนี้…

หาไม่แล้วต่อให้มันต้องตายอนาถเพียงใด มันก็ยังสามารถลากต้วนหลิงเทียนให้ตกตายไปตามๆกันได้ไม่ยาก…

“หากข้าจำไม่ผิด…บรรพบุรุษของตระกูลกงซุนผู้นั้น ไม่เพียงแต่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง แต่ยังเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นอีกด้วยไม่ใช่หรือ?”

“ความจำเจ้าดีนี่! มิผิดยอดฝีมืออันดับ 1 แซ่กงซุนผู้นั้นเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น!”

“ไม่เพียงแต่พลังฝีมือของแซ่กงซุนผู้นั้นจะเหนือกว่าบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์…ยังเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นทั้งทราบแล้วว่าต้วนหลิงเทียนคือครึ่งก้าวเซียนอมตะ! ตราบใดที่เตรียมการสักเล็กน้อย ไม่เพียงแต่จะแลกตายกับต้วนหลิงเทียนได้! เผลอๆอาจลอบฆ่าต้วนหลิงเทียนด้วยทักษะวิญญาณก่อน โดยที่ไม่ได้รับอันตรายก็เป็นได้!”

“แต่หากต้วนหลิงเทียนลงมือเข่นฆ่าได้รวดเร็วเกินกว่าที่ผู้แซ่กงซุนจะทันได้ใช้ทักษะวิญญาณ ต้วนหลิงเทียนก็ปลอดภัยไร้เรื่องราวเช่นกัน”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

บนดาวเคราะห์ที่ถูกตระกูลกงซุนปกครอง ก็มีบทสนทนาดังกล่าวขึ้นทุกทั่วหัวระแหง

ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่อาจบอกได้…

ว่าหากต้วนหลิงเทียนต้องเผชิญหน้ากับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณของตระกูลกงซุนผู้นั้น แล้วใครจะอยู่ใครจะไป…

ตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกมันมั่นใจก็คือ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามหากชิงลงมือสำเร็จก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ลงมือก็จะปลอดภัยไร้เรื่องราว! แต่หากมาเผชิญหน้ากันตรงๆแล้ว เช่นนั้นไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใดก็สมควรลากอีกฝ่ายให้ตกตายไปตามๆกันได้

“เรื่องนี้ช่างอันตรายยิ่ง…”

“หึ! แต่ข้าต้องขอนับถือใจต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจริงๆ! หากมันเลือกที่จะลอบเข้าไปในตระกูลกงซุนอย่างลับๆ หากลอบสังหารบรรพบุรุษของตระกูลกงซุนผู้นั้นได้มันก็อาจจะชนะได้อย่างปลอดภัย….แต่ตอนนี้มันกลับป่าวประกาศใหญ่โตท้าทายคนของตระกูลกงซุนซึ่งๆหน้า เช่นนั้นคนตระกูลกงซุนก็มีเวลาเตรียมการรับมือมันพร้อมสรรพ!!”

“นั่นสิ ข้าก็คิดแบบนั้น”

“ข้าล่ะอยากผ่าหัวต้วนหลิงเทียนผู้นั้นดูจริงๆ ว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่…ถึงได้สินคิดเดินเข้าประตูหน้ามาอย่างผ่าเผยเช่นนี้! หรือมันลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ?”

ผู้คนมากมายเริ่มไม่เข้าใจการกระทำของต้วนหลิงเทียน ทั้งหลายพากันคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนออกจะกระทำการไร้หัวคิดอยู่บ้าง ไฉนต้องมาขุดหลุมฝังตัวเองด้วยการประกาศขู่ตระกูลกงซุนแบบนี้ด้วย?

เหนือขึ้นไปนอกชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

“น้องหลิงเทียนเจ้า…เจ้าจะไม่วู่วามไปหน่อยหรือ?”

เซียนหยวนจื่อเองก็รู้สึกงุนงง

มันเองก็มีคิดคาดคำนวณสถานการณ์และความเป็นไปได้ต่างๆนาๆ ว่าจะเริ่มต้นลงมืออย่างไร แต่ร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิด…ว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกท้ากันโต้งๆแบบนี้!

มันเองก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนบุ่มบ่ามไปแล้วจริงๆ

ต้วนหลิงเทียนประกาศคำข่มขู่ออกไปแบบนั้น ทำราวกับตระกูลกงซุนไม่รู้ว่ามาถึงแล้ว กระทั่งยังกลัวไม่รู้ว่ามาเพื่อช่วยเหลือซูหลี่…นี่ยังมิใช่เปิดโอกาสให้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นของตระกูลกงซุนมีเวลาเตรียมตัวหรือไร?

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต้วนหลิงเทียนคิดจะชิงลงมือสังหารอีกฝ่ายก่อน ก็เรียกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป!!

“วู่วาม?”

ได้ยินคำของเซียนหยวนจื่อ ต้วนหลิงเทียนเพียงคลี่ยิ้มบางๆ พลางยักไหล่กล่าวตอบออกไปเสียเบา “คงงั้น…”

“ฮ่าๆๆ! ต้วนหลิงเทียน! ในที่สุดเจ้าก็มาได้เสียที! เราผู้เฒ่ารอคอยเจ้ามานานแล้ว!!”

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ให้เซียนหยวนจื่อ เสียงชราอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังร้ายกาจขุมหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน…

เสียงนี้ไม่เพียงแต่จะดังให้ต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อได้ยินเท่านั้น ยังรวมไปถึงดาวเคราะห์สีน้ำเงินทั้งดวงอีกด้วย!

“เป็นแพะเฒ่าของตระกูลกงซุนผู้นั้น!”

ลูกตาเซียนหยวนจื่อหดหยีลงเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มปรากฏโทสะอารมณ์ปะทุออก

วันนั้นหากมีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุนอีกคนลงมือแค่คนเดียวล่ะก็ อีกฝ่ายไม่มีทางฉกชิงซูหลี่ไปภายใต้จมูกของมันได้แน่นอน แต่เพราะแพะเฒ่าผู้นี้มาด้วย…มันจึงไม่มีปัญญารักษาซูหลี่เอาไว้ได้!

ด้วยมีแพะเฒ่าน่าตายผู้นี้ลงมือด้วย อย่าว่าแต่มันคนเดียว วันนั้นต่อให้มีเซียนหยวนรุ่ยพี่ชายของมันอยู่ช่วย ก็ยากที่จะหยุดอีกฝ่ายได้!

เพราะพลังฝีมือของอีกฝ่ายสู่งส่งกว่ามันกับพี่ชาย!

“กงซุนเวิ่นเทียน?”

ได้ยินเสียงเตือนของเซียนหยวนจื่อ สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง ประกายเย็นชาส่องสว่างออกมาวาบหนึ่ง

กงซุนเวิ่นเทียน!

ยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง!

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เซียนหยวนจื่อบอกเรื่องราวของอีกฝ่ายให้เขาทราบขณะเดินทางมาที่นี่ด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้ถังเซี่ยวเซี่ยวก็เคยเล่าเรื่องราวของยอดฝีมืออันดับ 1 ในระนาบเหยียนหวง ตัวตนที่เป็นดั่งตำนานที่ยังมีลมหายใจผู้นี้ให้เขาฟังมาแล้ว!

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

สายลมกรรโชกสองหอบพัดผ่านมาตีปะทะเข้าหน้าต้วนหลิงเทียนเบาๆ จากนั้นร่าง 2 ร่างพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าต้วนหลิงเทียนกับเซียนหยวนจื่อ!

หากกล่าวให้ชัด สมควรมี 3 ร่าง…

ร่างหนึ่งเป็นชายชรามาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ส่วนอีกหนึ่งเป็นชายชราในชุดคลุมสีเขียวและในมือยังหอบหิ้วชายหนุ่มที่ใบหน้าซีดเซียวราวกับไร้สีเลือด ทั้งร่างสั่นระริก เปลือกตากระตุกไม่หยุด

“ซูหลี่!”

เมื่อเห็นหน้าค่าตาร่างในสภาพอิดโรยแลคล้ายกำลังทรมานที่ถูกหอบหิ้วไว้ สีหน้าท่าทางต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที ยังมองจ้องชายชราชุดเขียที่หอบหิ้วร่างชายหนุ่มดังกล่าวตาขวาง “ไอ้แก่ เจ้าทำอะไรกับซูหลี่!?“

“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน”

ผู้ที่ถูกชายชราหิ้วมาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นสหายที่ดีที่สุดของต้วนหลิงเทียนอย่างซูหลี่นั่นเอง และพอมันได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน เปลือกตาอันหนักอึ้งของซูหลี่ก็ค่อยๆยกขึ้น พยายามกล่าวคำออกมาอย่างยากลำบากด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ไป…หนีไป…ไม่ต้องห่วงข้า…รีบไป…”

“กงซุนเวิ่นเทียน!”

สีหน้าเซียนหยวนจื่อมืดคล้ำดำลงปานจะคั้นได้เป็นหยดน้ำหมึก สองตามองขวางไปยังชายชราชุดเขียวที่หิ้วซูหลี่ในสภาพอิดโรย ตะคอกคำออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้า…เจ้ากล้าทรมานอาวุโสซูหลี่ อาคันตุกะอาวุโสของวังเซียนหยวนเราถึงขนาดนี้เชียวหรือ! คนตระกูลกงซุนเจ้าคิดว่าวังเซียนหยวนของพวกเรารังแกกันได้ง่ายๆหรือไร!?”

“มิใช่ข้าตั้งจะทรมานมัน…”

ชายชราในชุดเขียวที่หอบหิ้วซูหลี่ไว้ หรือก็คือกงซุนเวิ่นเทียน ผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในระนาบเหยียนหวง พอได้ยินเสียงตะคอกถามเย็นชาของเซียนหยวนจื่อ มันก็กล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เพียงแค่…หากข้าไม่สะกดพลังทั่วร่างของมันไว้ และทำลายจิตต่อสู้อันแข็งแกร่งด้วยการทรมานมันให้เจียนตายแบบนี้…ข้าเกรงว่ามันคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว!”

“ไอ้หนูนี่นับว่าซื่อสัตย์อย่างยิ่ง…มันยอมตกตายเสียดีกว่ายอมเป็นเครื่องมือให้ข้าใช้บีบคั้นสหายของมัน!!”